ตอนที่ 46 เชือดไก่ให้ลิงดู
“ผู้อาวุโสเจิงบาดเจ็บได้อย่างไร?”
เฉินเฟยยังไม่ร้องขออะไรและถามถึงเจิงเต๋อฟางก่อน
“คนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในที่พักของผู้อาวุโสเจิง แม้จะมีผู้คุ้มกันแต่สุดท้ายทำได้เพียงปกป้องผู้อาวุโสเจิง!”
จ้าวเซี่ยกัดฟัน จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ตระกูลจ้าวกำลังเร่งสืบสวนอยู่ หากเจอเงื่อนงำเมื่อไหร่มันต้องเป็นการแก้แค้นที่บ้าคลั่งแน่นอน
เฉินเฟยไม่พูดอะไร ความคิดที่แวบเข้ามาในเขาหัวคือเป็นฝีมือของจางซือหนาน
ในเมื่อตันเซียงมาหาเฉินเฟย ดังนั้นต้องไปพบผู้อาวุโสเจิงในโรงพยาบาลเช่นกัน แต่เฉินเฟยคิดไม่ถึงว่าคนเหล่านั้นจะทำร้ายเจิงเต๋อฟางจนบาดเจ็บสาหัส
ตามที่จ้าวเซี่ยพูด คนเหล่านั้นต้องการฆ่าผู้อาวุโสเจิงจริงๆ
เชือดไก่ให้ลิงดู? ไม่มีความอดทน? หรือเป็นเพราะตระกูลจ้าวให้โอสถไม่เพียงพอกองทัพกบฏจึงมาลงโทษ?
“ได้ยินมาว่ามีสูตรโอสถเหนือสามัญไม่สมบูรณ์อยู่ในคฤหาสน์ ข้าขอดูมันได้หรือไม่?”
ตระกูลจ้าวเพิ่มงานให้เขาและบอกว่าจะขออะไรก็ได้ ในมุมมองของเฉินเฟย คำขอประเภทนี้ไม่มีความหมายแม้แต่น้อยเพราะตระกูลจ้าวจะไม่เห็นด้วยกับความต้องการที่ยิ่งใหญ่
ไม่ต้องคิดถึงวิชาพลังภายในเลย ขนาดสูตรโอสถจิตเบายังไม่มอบให้เพราะกลัวว่าจะสิ้นเปลืองสมุนไพรที่มี
มีแต่สูตรไม่สมบูรณ์ที่ดูแล้วไม่มีอะไรเลย ของไม่มีค่าแบบนี้เหมือนจะเป็นคำขอที่เหมาะสม
จ้าวเซี่ยประหลาดใจกับคำขอของเฉินเฟยแต่ยังพยักหน้า “ข้าจะกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้ นักหลอมโอสถเฉินโปรดใส่ใจกับความปลอดภัยด้วย สองคนนี้จะคอยปกป้องเจ้า หลังจากนี้สองวันพวกเราจะเช่าลานบ้านจัดเตรียมให้นักหลอมโอสถทั้งหมด”
นักหลอมโอสถส่วนใหญ่ที่สามารถหลอมโสอถจิตเบาได้จะถูกจัดให้อยู่ในที่พักในตระกูลจ้าว แต่เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดถูกลากเข้าไปอยู่ด้วยกัน ตระกูลจ้าวจึงเต็มในเวลาไม่นาน
มีบางคนที่ไม่เต็มใจจะถูกควบคุม ตระกูลจ้าวจึงจัดคนไปปกป้องพวกเขา เดิมทีมีการจัดกำลังพลให้จริงซึ่งเป็นเช่นเดียวกับเจิงเต๋อฟาง แต่ผู้โจมตีค่อนข้างมีฝีมือพวกเขาจึงหยุดไม่ได้
“รบกวนท่านแล้ว!”
เฉินเฟยกุมมือ จ้าวเซี่ยเดินจากไป คนคุ้มกันสองคนตามเฉินเฟยกลับมาที่ลานบ้าน เฉินเฟยจัดห้องพักให้พวกเขาแต่พวกเขามักอยู่ที่ลานบ้าน
การมีคนคุ้มกันอยู่ข้างนอกมีผลต่อการกระทำของเฉินเฟย หากเขาย้ายเข้าไปอยู่ในตระกูลจ้าว สิ่งนี้จะมีผลมากกว่าเดิม
โชคดีที่เฉินเฟยกำลังจะออกจากอำเภอผิงหยินแล้ว ดังนั้นผลกระทบนี้จึงมีแค่สองสามวัน
เฉินเฟยมองรอยประทับบนข้อมือ เนื้อเน่าติดกระดูกยังคงแสดงอาการมากขึ้น เฉินเฟยตัดสินใจหาโอกาสในอีกไม่กี่วันไปถามฉือเต๋อเฟิงอีกครั้งว่าจะไปเมื่อไหร่
ความรู้สึกเร่งด่วนนี้มีมากเกินไป
กลิ่นหอมสมุนไพรเริ่มโชยออกมาจากห้องหลอมโอสถ เมื่อเฉินเฟยหลอมโอสถได้สองสามเตา จ้าวเซี่ยก็กลับมาและมอบสูตรโอสถให้เฉินเฟย ในขณะเดียวกันยังนำสมุนไพรมาให้เพิ่ม
เฉินเฟยมองสูตรไม่สมบูรณ์ในมืออย่างประหลาดใจ ตระกูลจ้าวให้มาจริงๆ หากขอสูตรไม่สมบูรณ์อย่างอื่นด้วยก็คงได้รับเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะได้อะไรหลังจากทำให้มันเป็นแบบง่าย
หลังหลอมโอสถในตอนเช้า เฉินเฟยได้หยุดหลอมต่อเพราะสมุนไพรทั้งหมดถูกใช้หมดแล้ว
เฉินเฟยแยกโอสถที่ต้องขายใส่ลิ้นชักหนึ่งและใส่โอสถที่เหลือในอีกลิ้นชัก จากนั้นจึงเก็บตู้ไม้ลงช่องมิติ
เมื่อคิดถึงของในตู้ไม้เฉินเฟยจึงอดยิ้มไม่ได้ ก่อนหน้านี้เฉินเฟยคิดว่าถ้าจะออกจากอำเภอผิงหยินคงขนของไปได้ไม่เยอะ
แต่ตอนนี้มีช่องมิติจึงเก็บโอสถไปได้ทุกอย่าง แม้จะมีอุบัติเหตุในป่าเฉินเฟยก็มีวิธีแก้ไข
การไปอยู่ในป่าได้รับประกันความปลอดภัยแล้ว
ฝึกฝนพลังภายใน ฝึกซ้อมท่าร่าง ก่อนจะทันรู้ตัวก็เป็นเวลากลางคืน
ขณะที่เฉินเฟยกำลังคิดเรื่องวิชาธนูอยู่ในห้องหลอมโอสถ ทันใดนั้นได้มีเสียงดังมาจากนอกประตู
สีหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนไป เขาถือกระบี่ยาวเดินออกจากห้องหลอมโอสถ เห็นเงาดำยืนอยู่ในลานบ้านและคนคุ้มกันสองคนของตระกูลจ้าวนอนอยู่กับพื้นโดยมีเลือดไหลจากคอ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รอดแล้ว
“เจ้าคือเฉินเฟย?” จางเซียนผิงมองเฉินเฟยด้วยสายตาที่อยู่เหนือกว่า
“เจ้าเป็นใคร? จางซือหนานส่งเจ้ามาหรือ?” เฉินเฟยขมวดคิ้ว
“เจ้าฉลาดมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่ยอมรับโอกาสนั้นไว้!”
จางเซียนผิงแสดงดาบสั้นในมือที่มีเลือดไหลรินและค่อยๆเดินไปหาเฉินเฟย
เมื่อเห็นจางเซียนผิงยอมรับ เฉินเฟยจึงอดถอนหายใจไม่ได้ เพียงเพราะปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ จางซือหนานถึงกับเริ่มฆ่าคนโดยเริ่มจากคนในศูนย์การแพทย์
คนตระกูลจ้าวยังมีชีวิตอยู่ แต่คนในศูนย์การแพทย์ล้มลง หากไม่ช่วยต้องตาย? แต่ถ้าเขาช่วยแล้วตระกูลจ้าวจับได้ สุดท้ายเขาก็ตายอยู่ดี
โลกนี้ช่างอยู่ยากจริงๆ
“เริ่มกลัวแล้วหรือ? ไม่ต้องกังวล เจ้าเป็นคนที่สี่แล้ว จะมีคนอื่นลงไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
จางเซียนถิงหัวเราะโดยมีความบ้าคลั่งแฝงอยู่ จางเซียนผิงพุ่งมาอยู่ต่อหน้าเฉินเฟยในพริบตาและปาดไปที่คอเขา
“เคร้ง!”
เสียงเหล็กปะทะกันดังขึ้น กระบี่ยาวเฉินเฟยป้องกันดาบสั้นจางเซียนถิงเอาไว้
จางเซียนถิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ นักยุทธ์ขัดเกลาผิวหนังธรรมดาสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้?
ขณะที่จางเซียนถิงกำลังจะเปลี่ยนกลยุทธ์ ทันใดนั้นในใจได้เกิดสัญญาณเตือน แสงขาวปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
“ติ๊ง!”
ปลายกระบี่เฉินเฟยปะทะดาบสั้น ดวงตาจางเซียนถิงแสดงความกลัว หากเขาไม่ได้เชี่ยวชาญท่าร่าง เมื่อครู่นี้เขาคงหลบกระบี่นั้นไม่พ้น
จางเซียนถิงมองเฉินเฟยอย่างหวาดกลัว กระบวนท่ากระบี่เมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งผู้ฝึกตนทั่วไปควรมี แม้แต่ในอำเภอผิงหยินก็ไม่มีกระบวนท่ากระบี่เช่นนี้
เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ง่ายที่จะยุ่งด้วย จางเซียนถิงจึงถีบเท้าขวาถอยไปด้านหลัง
กระบวนท่ากระบี่ของเฉินเฟยเปลี่ยนไปทันใด มันเหมือนเพลิงแผดเผาเบ่งบาน จางเซียนถิงถูกท่ากระบี่นี้ปิดทางอย่างสมบูรณ์
เมื่อถูกปิดทางไว้จางเซียนผิงจึงทำได้เพียงป้องกัน ครู่ต่อมาจางเซียนถิงถอนหายใจโล่งอก แม้กระบวนท่ากระบี่นี้จะไม่ธรรมดาแต่มันยังอยู่ในขอบเขตที่เขาป้องกันได้
เขาแค่ต้องป้องกันกระบี่ที่มาจากด้านนอกเท่านั้น
ทั้งสองแลกเปลี่ยนหลายสิบกระบวนท่าในพริบตา เฉินเฟยมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขา
เซียนชี้นำเป็นท่าสังหารที่น่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูกตัวจริง หากการลอบโจมตีล้มเหลว การป้องกันท่านี้ในครั้งต่อไปจะง่ายขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเพียงกระบวนท่าเดียวซึ่งไม่มีกระบวนท่าตามต่อจึงทำให้ง่ายต่อการสังเกต เช่นเดียวกับจางเซียนถิงที่ตอนนี้ป้องกันได้
แม้กระบี่ลายเพลิงจะไม่เลว แต่ด้วยขีดจำกัดระดับของเฉินเฟยมันจึงยากต่อการฆ่า
เฉินเฟยมองจางเซียนถิงที่กำลังจะหลุดจากวงล้อม
เคล็ดชำระใจ! กระบี่สามเซียน!
จางเซียนถิงซึ่งกำลังรับมืออย่างสบายพบว่าปราณกระบี่ที่อยู่รอบๆหายไปอย่างกะทันหัน และทันใดนั้นก็เห็นแสงขาวพุ่งเข้ามาหา
“กำลังรออยู่เลย!”
เมื่อคิดว่าเฉินเฟยมีความสามารถเพียงเล็กน้อย จางเซียนถิงจึงตะโกนขึ้นและใช้ดาบสั้นป้องกันด้านหน้า
หากป้องกันได้อีกครั้ง จางเซียนถิงสามารถใช้ประโยชน์จากแรงปะทะออกจากการโดนปิดทางนี้ได้
หลังจากได้เห็นกระบวนท่าเดิมของเฉินเฟยถึงสามครั้ง จางเซียนถิงคิดด้วยซ้ำว่าหากทำแบบนี้ต่อไปเขาต้องชนะแน่นอน
ครู่ต่อมา แสงขาวหายไป เฉินเฟยยืนนิ่ง
จางเซียนถิงถือดาบสั้นมองเฉินเฟยอย่างว่างเปล่า ทันใดนั้นเขาเดินเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่รู้ว่าเกิดรูขนาดใหญ่ตรงหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่
ดาบสั้นของเขาป้องกันกระบี่เฉินเฟยไม่ได้
“วิชากระบี่ดี!”
จางเซียนถิงมองเฉินเฟยแล้วพูดด้วยเสียงต่ำและล้มลงพื้นในเวลาต่อมา ในไม่ช้าบนพื้นดินก็ชุ่มไปด้วยเลือด