ตอนที่ 45 สั่งทำ
เฉินเฟยเดินเลี้ยวไปตามซอยไม่กี่แห่งก็มาถึงร้านช่างไม้และสั่งตู้ที่มีขนาดเกือบหนึ่งลูกบาศก์เมตร ตู้แบ่งออกเป็นหลายช่อง ในแต่ละช่องจะเป็นลิ้นชักคู่หรือประตูบานเล็ก
“ไม่ยากเลย แต่ถ้าจะเอาพรุ่งนี้ตู้จะหยาบเล็กน้อย” ช่างไม้ยิ้ม
“ไม่เป็นไร แค่ทำได้ตามข้อกำหนดเป็นพอ”
“ตกลง ไม่มีปัญหา” ช่างไม้พยักหน้า
เฉินเฟยมอบเงินมัดจำและหันหลังเดินจากไป
ความคิดตู้ไม้นี้ใช้ได้หรือไม่ เมื่อทดสอบพรุ่งนี้จะได้รู้เอง
เฉินเฟยไม่ต้องการอยู่ข้างนอกนานจึงตั้งใจกลับทันที วิชาธนูยังไม่เชี่ยวชาญอย่างสมบูรณ์และมีโอสถอีกมากที่ต้องฝึกฝน เฉินเฟยจัดเวลาเป็นอย่างดี
หลังเดินผ่านตรอกซอกซอยไม่กี่แห่งเฉินเฟยก็ขมวดคิ้ว
เฉินเฟยเดินต่อไปโดยไม่หยุด
หลังเฉินเฟยหายตัวไปที่ท้ายซอย ร่างหนึ่งมองไปรอบๆและเดินตามเฉินเฟยมา แต่พอเลี้ยวเข้ามาในซอยกลับไม่เห็นตัวเฉินเฟย
คนคนนั้นตกใจและกำลังจะออกไป แต่ทันใดนั้นก็พบเงาดำปรากฏอยู่ด้านหลัง
“ตามข้ามาทำไม!”
เสียงเฉินเฟยดังขึ้น คนคนนั้นตัวแข็งทื่อและหันมามองที่เฉินเฟยช้าๆ
“ใครตามเจ้ากัน ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาเท่านั้น”
เฉินเฟยมองคนตรงหน้าโดยไม่ตอบ พอได้เห็นรูปร่างเฉินเฟยจึงเลิกคิ้วขึ้น “ตันเซียง เป็นเจ้า!”
“เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร!”
ตันเซียงโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นนางก็ปิดปากของตัวเองทันทีด้วยท่าทางหงุดหงิด
“เจ้าต้องการอะไร?”
เฉินเฟยมองตันเซียง แม้นางจะปลอมตัวแต่รูปร่างไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก นอกจากนี้ยังเป็นการปลอมตัวธรรมดา ดังนั้นเฉินเฟยจึงสังเกตเห็นความต่างได้ทันที
ตันเซียงรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่ตัวเองแสดงออกไปเมื่อครู่ พอได้รับคำถามจากเฉินเฟยจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้ายังจำการบ่มเพาะจากตระกูลจางได้หรือไม่?”
“บ่มเพาะ?”
เฉินเฟยตกใจ บ่มเพาะ? ก่อนที่ตระกูลจางจะล่มสลาย ควรกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน และพวกเขาควรโดนตำหนิเรื่องสูตรโอสถจิตเบาด้วยซ้ำ
นอกจากนี้วิชายุทธ์ที่ได้รับเป็นรางวัลก็แลกกับการทำความดีความชอบ
แน่นอนว่ายังมีบางย่างให้พูดถึง อย่างการมอบสมุนไพรโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพวันละชุดให้เฉินเฟยนำไปฝึกหลอมโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพ
“จางซือหนานบอกให้เจ้ามาใช่ไหม?” เฉินเฟยถามเสียงต่ำ
เร็วๆนี้เฉินเฟยได้รู้ข้อมูลการล่มสลายของตระกูลจางเล็กน้อย ในตอนนั้นแม้ว่าทายาทสายตรงส่วนใหญ่ของตระกูลจางจะตาย แต่ไม่รู้ว่าตระกูลจางปล่อยใครออกไปก่อนบ้าง แต่จางซือหนานคงเป็นหนึ่งในนั้น
จนถึงตอนนี้ตระกูลจ้าวยังคงต้องการฆ่าทายาทสายตรงที่เหลืออยู่ของตระกูลจาง แต่ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะออกจากอำเภอผิงหยินไปแล้วตระกูลจางจึงไม่มีโอกาสนั้น
“คุณหนูใหญ่ไม่ได้อยู่ในอำเภอนี้แล้ว เจ้าคิดอะไรอยู่!” ตันเซียงพูดด้วยสายตาล่องแล่ก
“แล้วเจ้ามาหาข้าเพื่ออะไร”
เฉินเฟยถอนหายใจ ดูจากการกระทำของตันเซียงแล้วต่อให้ไม่มีปัญหาก็ต้องมี แน่นอนเป็นเพราะเฉินเฟยเห็นผ่านการปลอมตัวของตันเซียง
แต่หากคนที่อยู่รอบตัวตันเซียงเป็นแบบนี้ทั้งหมด โอกาสที่คนกลุ่มนี้จะทำบางสิ่งสำเร็จนั้นค่อนข้างต่ำ
แต่ไม่ว่าคนกลุ่มนี้จะทำสำเร็จหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเฉินเฟยเพราะเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมด้วย เฉินเฟยรู้เลยว่าสิ่งของในมือจางซือหนานมีน้อยมาก
และเป็นไปไม่ได้ที่จะมอบวิชาพลังภายในให้เขา
“เราต้องการโอสถแก้พิษกับโอสถรักษา” ตันเซียงมองเฉินเฟย “เจ้าหลอมโอสถสองชนิดนี้ได้”
“ตอนนี้ตระกูลจ้าวให้ทำงานหนักทุกวัน ข้าไม่มีเวลาว่างมากนัก”
เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าให้โอสถทั้งสองชนิดนี้ได้เพียงเล็กน้อย”
“ได้ มากน้อยตามน้ำใจเจ้าเลย” ตันเซียงยิ้ม
“แล้วสมุนไพรล่ะ พวกเจ้าจะมอบให้ข้าอย่างไร?”
“เราไม่มีสมุนไพร เจ้าช่วยหาทางเพิ่มแล้วกัน”
ดวงตาเฉินเฟยเบิกกว้าง เยี่ยมจริงๆ คนกลุ่มนี้อยากจับเสือมือเปล่า พวกเขาอยากให้ข้าหลอมโอสถแต่ไม่คิดจะเตรียมสมุนไพรไว้ให้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้ร้านสมุนไพรไม่ได้ขายสมุนไพร เป็นไปได้หรือไม่ที่เฉินเฟยต้องขอซื้อสมุนไพรจากตระกูลจ้าว
เฉินเฟยคิดว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อน แต่จางซือหนานกลับมองว่าเขาเป็นคนโง่?
“ขออภัย ข้าเกรงว่าจะช่วยเรื่องนี้ไม่ได้”
เฉินเฟยกุมมือและหันจากไป เฉินเฟยตัดสินใจไม่ข้องเกี่ยวกับคนเหล่านี้อีกเพราะพวกเขายังแสดงท่าทางสูงส่งเหมือนเคย
“เจ้า...ไอ้เนรคุณ!”
ตันเซียงมองเฉินเฟยจากไปและก่นด่าเสียงดังด้วยความโกรธ
เฉินเฟยไม่หยุดเดิน ใบหน้าเขาแสดงรอยตลก แน่นอนว่าโลกความจริงนั้นไม่สมเหตุผลสำหรับคนบางคน เพราะคนเหล่านั้นอยู่แต่ในโลกของตัวเอง
กลับไปที่ลานบ้าน หลอมโอสถฝึกฝนและเพิ่มความชำนาญตามปกติ เมื่อตกกลางคืน เฉินเฟยไม่ได้ไปที่ตลาดมืดและเก็บโอสถเอาไว้ก่อน นั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าจะไปเจอหลิงฮั่นจุนอีก
หลิงฮั่นจุนทำให้เฉินเฟยรู้สึกมืดมนอย่างยิ่ง พูดได้ยากว่าคนประเภทนี้จะทำอะไร แม้ตอนนี้อีกฝ่ายจะไม่ได้สงสัยเขา แต่เฉินเฟยรู้สึกว่าปลอดภัยกว่าถ้าไม่ไป
อย่างไรแล้วการเก็บโอสถไว้สองสามวันก่อนนำไปขายก็ไม่มีผลอะไร
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฉินเฟยนำตู้ไม้ที่สั่งทำพิเศษกลับมาจากร้านช่างไม้
เขาเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยและขอให้คนจากร้านช่างไม้ส่งสินค้ามาที่บ้าน
รอจนกระทั่งผู้คนออกไป เฉินเฟยเปิดลิ้นชักตู้ไม้สองสามอันแล้วใส่ขวดโอสถและสมุนไพรลงไป จากนั้นดันลิ้นชักกลับโดยไม่ให้มีช่องว่าง
เฉินเฟยมองตู้ไม้อย่างประหม่าและใช้ความคิดเก็บมัน ในเวลาต่อมาตู้ไม้หายไปและปรากฏในช่องมิติ
“มันได้ผล!”
หลังทำขั้นตอนแรกสำเร็จเฉินเฟยจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่การทดสอบยังไม่จบ การทดสอบครั้งต่อไปคือกุญแจสำคัญ
เฉินเฟยใช้ความคิดดึงลิ้นชักหนึ่งของตู้ไม้ในช่องมิติออก เมื่อช่องว่างปรากฏขึ้น สมุนไพรที่เก็บไว้ในลิ้นชักก็หายไปและปรากฏในมือเฉินเฟย
“เยี่ยม!”
เฉินเฟยมีความสุขมาก สิ่งที่คาดหวังไว้ทำสำเร็จแล้ว
ช่องว่างถูกสร้างขึ้นผ่านลิ้นชักทำให้ช่องมิติตัดสินว่ายังมีสิ่งของอื่น จากนั้นเฉินเฟยจคงใช้วิธีดึงสิ่งของออกจากช่องมิติ
มันซับซ้อนในการพูด แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงแค่การใช้ความคิด
เป็นไปไม่ได้ที่จะใส่สมุนไพรลงในช่องมิติอีกครั้ง เว้นแต่จะเรียกตู้ออกมาแล้วใส่สมุนไพรลงไปใหม่
สิง่นี้ยังแตกต่างจากของจริงที่สามารถเก็บของในมิติได้ตามต้องการ แต่เฉินเฟยพอใจกับมันแล้ว อย่างน้อยการออกแบบของเฉินเฟยก็ทำให้ช่องมิติเก็บของได้มากขึ้น
เฉินเฟยเรียกตู้ไม้ออกมาและเก็บของบางอย่างที่ไม่สะดวกต่อการมองเห็นลงลิ้นชัก เฉินเฟยจัดแจงรายละเอียดต่างๆว่าควรเก็บอะไรในแต่ละช่อง
และเพื่อเก็บธนูและลูกธนู เฉินเฟยจึงสร้างพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ในตู้ไม้
“ไม่ต้องห่วงเรื่องมีโอสถเยอะเกินไปจนไม่มีที่เก็บแล้ว”
ครึ่งชั่วยามต่อมา ตระกูลจ้าวมาหา
“ผู้อาวุโสเจิงได้รับบาดเจ็บ เกรงว่าจะไม่สามารถหลอมโอสถจิตเบาได้ระยะหนึ่ง ต่อจากนี้งานหลอมโอสถที่เจ้าต้องทำจะหนักขึ้น หากเจ้ามีความต้องการใดๆสามารถบอกมาได้เลย ข้าจะกลับรายงานให้”
จ้าวเซี่ยมองเฉินเฟยและพูดด้วยเสียงทุ้ม