ตอนที่ 327 ถึงภูมิภาคดาวมฤตยู
ตอนที่ 327 ถึงภูมิภาคดาวมฤตยู
วืด!
กองยานที่ประกอบไปด้วยยานรบรุ่นที่ 2, ยานอุตสาหกรรม 2 ลำ, ยานเดสทรอยเยอร์ 2 ลำและยานฟริเกตอีก 4 ลำ กำลังบินออกจากพื้นที่เขตพันธมิตรมุ่งหน้าตรงไปยังภูมิภาคดาวมฤตยู
“ทุกคนได้รับแผนที่ดาวที่ฉันส่งไปให้แล้วหรือยัง?” เซี่ยเฟยซึ่งกำลังยืนอยู่ในห้องบัญชาการของยานเบโอเนทกล่าวผ่านระบบสื่อสารไปยังห้องบัญชาการของยานทุกลำภายในกองยาน
“ได้แล้ว”
“ได้รับแล้วครับ”
“โอเค พี่บุชเชอร์นำยานเดรสทรอยเยอร์ไปเป็นกองหน้าจำนวน 2 ลำ ส่วนยานลำอื่นสร้างแนวป้องกันปกป้องยานอุตสาหกรรมเอาไว้ หลังจากนี้กองยานของพวกเราจะเริ่มออกเดินทางโดยมีจุดหมายคือภูมิภาคดาวมฤตยู!” เซี่ยเฟยสั่งการด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เอาล่ะเรามารอดูกันซิว่าระบบเรดาร์แบล็คแบทของนายจะทรงพลังแค่ไหน? ตราบใดก็ตามที่มันทำงานได้ฉันสัญญาว่าการเดินทางครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี” บุชเชอร์กล่าว
“ถึงแม้ระบบเรดาร์แบล็คแบทจะยังไม่ถูกพัฒนาจนถึงขั้นสมบูรณ์ แต่มันก็ยังมีประสิทธิภาพมากเพียงพอที่จะนำมาใช้งานได้ เชิญพี่ออกไปสำรวจล่วงหน้าก่อนได้เลยครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่พี่ส่งสัญญาณปลอดภัยกลับมาพวกเราจะเริ่มออกเดินทางในทันที” เซี่ยเฟยกล่าว
ภารกิจขนส่งในครั้งนี้มีความสำคัญถึงขั้นชี้ชะตาแผนการในอนาคตของเขา และถึงแม้ว่าสตาร์เน็ตเวิร์กจะยังไม่ถูกปิดกั้นแต่มันก็อาจจะถูกสัญญาณรบกวนได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ระบบสตาร์เน็ตเวิร์กไม่สามารถใช้ในการสื่อสารได้จริง ๆ ในเวลานั้นพวกเขาก็จำเป็นจะต้องพึ่งระบบเรดาร์แบล็คแบท
“ฉันไปก่อนละนะ ถ้ามันไม่มีอะไรผิดปกติหลังจากที่ฉันออกจากรูหนอน ฉันจะรีบส่งสัญญาณกลับมาในทันที” บุชเชอร์กล่าวขณะที่มีรูหนอนปรากฏขึ้นด้านหน้ายานเดสทรอยเยอร์ทั้งสองลำ
“ผมฝากด้วยนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ยานเดสทรอยเยอร์หายไปในรูหนอนอย่างรวดเร็ว ซึ่งเซี่ยเฟยก็ยืนกอดอกเพื่อรอเวลา เพราะมันจำเป็นต้องใช้เวลาเดินทางในรูหนอนประมาณ 10 นาทีอีกฝ่ายถึงจะเริ่มส่งสัญญาณกลับมาหาเขาได้
ติ้ด!
ประมาณ 10 นาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้รับสัญญาณจากบุชเชอร์ว่าเส้นทางด้านหน้าปลอดภัย ยานอวกาศทั้งหมดจึงค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไปในรูหนอนทีละลำเพื่อค่อย ๆ เดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยู
—
หลังจากที่กองยานของเซี่ยเฟยเคลื่อนที่เข้ารูหนอนไป ยานอินเตอร์เซปเตอร์ของบริษัทเอ็มม่าก็ปรากฏตัวตรงบริเวณที่กองยานของเซี่ยเฟยได้จอดอยู่
มู่เสียวเต๋ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ขณะใช้นิ้วควงมีดผีเสื้อไปมาอย่างคล่องแคล่ว
จินปู่ฮวนก็ได้นั่งอยู่ในห้องบัญชาการเช่นเดียวกัน และเนื่องจากว่าทั้งยานมีเขากับมู่เสียวเต๋าอยู่เพียงแค่สองคน เขาจึงต้องรับหน้าที่เป็นกัปตันอย่างไม่เต็มใจ
“แกไม่รีบตามพวกเขาไปหรือยังไง? เดี๋ยวก็ตามพวกเขาไม่ทันหรอก” มู่เสียวเต๋ากล่าวขึ้นมาเบา ๆ ขณะที่ยังควงมีดภายในมือเล่นอย่างเฉยชา
“นี่คือยานอินเตอร์เซปเตอร์รุ่นล่าสุดของพันธมิตรและมันยังเป็นยานรบรุ่นที่ 2 ที่ถูกผลิตออกมาเพียงแค่ไม่กี่ลำเท่านั้น ที่สำคัญคือมันได้ติดตั้งระบบวาร์ประยะไกลเอาไว้เป็นพิเศษ และฉันได้ติดตั้งเครื่องระบุตำแหน่งเอาไว้บนยานของเซี่ยเฟยแล้ว ดังนั้นมันไม่มีทางที่กองยานของเซี่ยเฟยจะหนีหลุดรอดออกไปจากการตรวจจับของเราได้” จินปู่ฮวนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่รู้เรื่องยานรบหรอกนะ เอาเป็นว่าทำยังไงก็ได้ตามพวกเขาไปให้ทันก็แล้วกัน” มู่เสียวเต๋ากล่าวอย่างสบาย ๆ
“ฉันไม่ได้เจอแกแค่ 2-3 ปี แกกลายเป็นคนเฉยชาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” จินปู่ฮวนกล่าวขณะมองไปทางมู่เสียวเต๋าด้วยความหงุดหงิด
“ฉันก็ไม่ได้เจอแกแค่ 2-3 ปี แต่แกก็กลายเป็นหมาเฝ้าบ้านของพวกคนรวยเหมือนกัน” มู่เสียวเต๋ากล่าวโต้กลับ
“ไอ้คนอวดดี! ถ้าแกฆ่าเซี่ยเฟยตั้งแต่ก่อนออกจากพันธมิตรเรื่องมันก็คงจะไม่ยุ่งมากขนาดนี้ ทำไมฉันจะต้องเดินทางไปจนถึงภูมิภาคดาวมฤตยูด้วยก็ไม่รู้!” จินปู่ฮวนบ่นอย่างหงุดหงิด
“ภูมิภาคดาวมฤตยูเป็นที่ที่น่าสนใจจะตาย และฉันก็อยากจะลองไปที่นั่นดูสักครั้ง” มู่เสียวเต๋ากล่าวอย่างร่าเริง
“แต่ฉันไม่อยากไป!”
“นั่นมันเรื่องของแก ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
—
การเดินทางในครั้งนี้ราบรื่นกว่าที่ทุกคนคิด และแม้แต่ระบบสตาร์เน็ตเวิร์กก็ยังไม่เกิดเหตุขัดข้อง ซึ่งในระหว่างทางพวกเขาก็ยังไม่เจอยานของโจรสลัดเลยแม้แต่ลำเดียว
หลังจากเดินทางติดต่อกันมาเป็นเวลานาน กองยานก็หยุดลงชั่วคราวก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าไปประชุมบนยานของเซี่ยเฟย
“พื้นที่แถบนี้มีเศษหินอุกกาบาตอยู่เป็นจำนวนมาก พี่กับซาร่านำกองยานเข้าไปซ่อนในแถบหินอุกกาบาตบริเวณนี้ก่อน ส่วนผมจะเดินทางไปสำรวจล่วงหน้า ถ้าหากว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติผมจะส่งสัญญาณกลับมาด้วยระบบเรดาร์แบล็คแบท” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่แผนที่ดวงดาว ขณะที่เขา, ซาร่าและบุชเชอร์นั่งอยู่บนโต๊ะด้วยกัน
“นายไม่ระวังตัวมากเกินไปหน่อยเหรอ?” บุชเชอร์กล่าวถามอย่างสงสัย
“ผมคิดว่าการเดินทางของเรามันผิดปกติมากเกินไป อย่าลืมว่าตอนนี้อยู่ในสภาวะสงครามแต่พวกเรากลับไม่เจอโจรสลัดหรือเศษซากยานในบริเวณนี้เลย พี่คิดว่าสถานการณ์แบบนี้มันไม่ผิดปกติเกินไปเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“เอ่อ... ฉันก็รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่เหมือนกัน เพราะหลังจากที่ฉันได้อ่านข่าวตอนอยู่ในเขตพันธมิตรฉันก็ไม่คิดว่าการเดินทางจะราบรื่นขนาดนี้ เอาเป็นว่าพวกเรามาทำตามแผนของนายก็แล้วกัน” บุชเชอร์กล่าว
“ผมขอเวลา 3 วัน ถ้าผมยังไม่ติดต่อกลับมาขอให้พี่กับซาร่าเดินทางกลับไปก่อนได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
คำสั่งนี้ทำให้ซาร่าชะงักค้างไปทันที ขณะที่เธอได้มองไปยังชายหนุ่มอย่างสงสัย
“ฉันแค่พูดเผื่อไว้ไม่มีอะไรจำเป็นจะต้องกังวลหรอก” เซี่ยเฟยแสร้งกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
บุชเชอร์รู้ดีว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามประเมินถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ และพูดออกมาว่า
“ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญาว่าถ้าหากมันมีอะไรเกิดขึ้นฉันจะพาทุกคนกลับไปยังพันธมิตรอย่างปลอดภัย”
บทสนทนาระหว่างผู้ชายทั้งสองทำให้ซาร่ารู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอคือผู้หญิงทำให้เธอไม่รู้ว่าพวกผู้ชายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เธอจึงกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ คล้ายกับว่าเธอต้องการจะพูดอะไรแต่เธอก็อดกลั้นมันไว้พร้อมกับพยักหน้ารับคำสั่ง
—
เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางไปจนถึงฐานทัพของย่าเหวย เขาก็ได้พบว่าสนามบินของฐานทัพแห่งนี้หลงเหลือยานรบอยู่เพียงแค่ไม่กี่ลำ ยิ่งไปกว่านั้นยานรบส่วนใหญ่ยังไม่สามารถออกปฏิบัติการได้อีกต่อไป
เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางไปเจอย่าเหวยในห้องทำงานเขาก็ได้พบว่าผมของชายคนนี้เริ่มมีผมสีขาวงอกขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้เขาดูแก่ลงไปหลายปีทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้เจอกันเพียงแค่ประมาณปีเดียว
“นั่งลงสิ อาจารย์สบายดีไหม?” ย่าเหวยถามขณะวางเอกสารภายในมือ
เซี่ยเฟยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสิ่งแรกที่ย่าเหวยเริ่มพูดคุยกับเขาคือการสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของอาจารย์ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ในสถานการณ์วิกฤติชายคนนี้ก็ยังคงรู้สึกเป็นห่วงฉินหมางมาก
“คุณตากำลังฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้เป็นอย่างดีครับ และตอนนี้เขาก็กำลังพักผ่อนอยู่ที่ดาวบ้านเกิดของผมเอง คุณไม่จำเป็นจะต้องกังวลเพราะคนของผมคอยดูแลคุณตาเป็นอย่างดี” เซี่ยเฟยกล่าว
“เฮ้อ! ฉันนี่มันเป็นพวกใช้ไม่ได้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อาจารย์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่ลูกศิษย์อย่างฉันกลับทำอะไรให้อาจารย์ไม่ได้เลย ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณนายมากอาจารย์เล่าให้ฟังแล้วว่านายถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อหายาถอนพิษมาให้กับเขา” ย่าเหวยกล่าวอย่างขอบคุณ
“เอาจริง ๆ ผมก็ถือว่าเป็นลูกน้องของคุณตา ดังนั้นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำแล้วครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพลางพยายามโบกมือปฏิเสธคำขอบคุณ
“ว่าแต่ทำไมคราวนี้นายถึงมาคนเดียวล่ะ?” ย่าเหวยเริ่มถามเข้าประเด็น
“ไม่ต้องห่วงครับ สินค้าจะเดินทางมาถึงอย่างปลอดภัยทันทีที่พวกเราเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
“หรือว่านายไม่เชื่อใจฉันงั้นเหรอ?” ย่าเหวยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ในจักรวาลนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่แน่นอนหรอกครับผมก็แค่ป้องกันเอาไว้ก่อน ไม่ต้องห่วงทันทีที่เราเซ็นสัญญาสินค้าจะเดินทางมาหาคุณอย่างปลอดภัย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“เอาล่ะฉันจะรีบติดต่อไปยังทุกคนเดี๋ยวนี้ วันพรุ่งนี้พวกเราก็น่าจะพูดคุยเรื่องรายละเอียดของสัญญาได้” ย่าเหวยกล่าว
“เชิญพี่ย่าเหวยติดต่อทุกคนได้เลยครับ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบนะผมไม่ได้ต้องการที่จะมากดดันอะไร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟด้วยท่าทางสบาย ๆ
สีหน้าของย่าเหวยเปลี่ยนไปอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดหากสัญญาไม่ลุล่วงเซี่ยเฟยก็สามารถจากไปได้โดยไม่ต้องกังวล แต่สำหรับพวกเขาที่เป็นชาวท้องถิ่นของภูมิภาคดาวแห่งนี้แล้ว การไม่สามารถตกลงกับเซี่ยเฟยได้ย่อมส่งผลกระทบต่อกองกำลังของพวกเขาอย่างร้ายแรง
ปัจจุบันภูมิภาคดาวมฤตยูถูกรุกรานพื้นที่เข้ามาถึง 1 ใน 3 แล้ว ซึ่งถ้าหากว่าสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปภูมิภาคดาวมฤตยูก็คงจะถูกศัตรูกลืนหายไปในไม่ช้าก็เร็ว
“ไม่ต้องห่วงผู้นำทั้งห้าจะตกลงรายละเอียดสัญญาได้ในเช้าวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน” ย่าเหวยกล่าว
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ ความจริงพวกกรมทหารก็กำลังเร่งให้ผมผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จส่งให้พวกเขาโดยเร็ว แต่ผมก็เก็บอุปกรณ์ชุดแรกเพื่อเดินทางมาที่นี่ก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ย่าเหวยได้รับข่าวแล้วว่าบริษัทควอนตัมของเซี่ยเฟยได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกองทัพ น้ำหนักในคำพูดของชายหนุ่มคนนี้จึงแตกต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนว่าการเจรจาสัญญาในวันพรุ่งนี้ย่อมตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเซี่ยเฟยอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
“เอาล่ะพวกเราไปเลี้ยงฉลองกันเถอะ ฉันอยากจะฉลองที่อาจารย์กลับมาฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และฉันก็อยากจะฉลองที่บริษัทของนายได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของทางกองทัพด้วย” ย่าเหวยกล่าว
หลังจากเดินออกไปจากประตูเซี่ยเฟยก็มองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง
“อันธทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกับมีคนแอบตามฉันอยู่เลย?”
“ฉันว่าสัญชาตญาณของนายกำลังมีปัญหาแล้วล่ะ ฉันยังไม่สังเกตเห็นใครแอบตามนายมาเลยนะ” อันธกล่าวพร้อมกับยักไหล่
ในระหว่างบทสนทนามันก็มีลมกรรโชกพัดฝุ่นฟุ้งกระจาย ก่อนที่เศษฝุ่นเหล่านั้นจะหายไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
—
“คราวนี้นายก็ยังไม่ทำอะไรอีกเหรอ? นี่พวกเราเดินทางมาจนถึงภูมิภาคดาวมฤตยูแล้วนะ” จินปู่ฮวนกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ทำไมพวกเราจะต้องรีบลงมือด้วย ขอฉันเดินเที่ยวสักนิดสักหน่อยไม่ได้หรือยังไง? ความจริงฉันได้เลือกเวลากับสถานที่แล้ว วันพรุ่งนี้ฉันจะใช้ ‘เวเนสซ่า’ ควักลูกกะตากับตัดมือของเขามาให้กับแกเอง” มู่เสียวเต๋ากล่าวขณะควงมีดภายในมืออย่างช่ำชอง
“เวเนสซ่า! นี่แกจำเป็นถึงขั้นจะต้องใช้วิชานั้นเพื่อจัดการกับเซี่ยเฟยเลยงั้นเหรอ?” จินปู่ฮวนอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“อือ ฉันไม่สามารถประมาทคนที่คลานขึ้นมาจากนรกได้หรอก” มู่เสียวเต๋ากล่าวด้วยแววตาอันเย็นชา
“คลานขึ้นมาจากนรก?”
“อย่าถามเรื่องนั้นเลย เพราะถึงยังไงแกก็ไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้หรอก” มู่เสียวเต๋ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
***************