ตอนที่ 326 การทดลองที่ล้มเหลว
ตอนที่ 326 การทดลองที่ล้มเหลว
เซี่ยเฟยวางขนอุยเอาไว้บนพื้น ขณะที่เจ้าตัวเล็กจับจ้องมาด้วยสายตาอันออดอ้อน ราวกับว่ามันต้องการประจบประแจงชายหนุ่มผู้นี้
“เอาล่ะเจ้าหนู พวกเรามาเล่นเกมกันเถอะ นายอย่าพึ่งขยับนะโอเคไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเจ้าตัวเล็กด้านหน้า
ขนอุยดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของเซี่ยเฟย มันจึงนอนลงบนพื้นนิ่ง ๆ อย่างเชื่อฟัง
“ขนอุยยังเด็กอยู่เลยนะ! นายจะทำให้มันได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างไม่สามารถทนอยู่เฉย ๆ ได้ เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยยังคงยืนกรานจะทำการทดลองกับขนอุย
“มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก อย่าลืมว่ามันเป็นแค่วิชาสร้างร่างมายาไม่ใช่วิชาทำลายล้างอะไรสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าว
พริบตาต่อมาก้อนพลังงานทรงกลมก็เริ่มมารวมตัวกันบริเวณปลายนิ้วของชายหนุ่มคล้ายกับว่าเซี่ยเฟยกำลังถือลูกแก้วอันสดใสเอาไว้ โดยด้านในเหมือนกับมีสายฟ้าขนาดเล็กกำลังทำการเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยแอบรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะเขารู้สึกว่าวิชาเล่ห์มายาที่เขาสร้างขึ้นมามันดูรุนแรงมากเกินไป แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยว่าขนอุยจะสามารถอดทนต่อก้อนพลังงานที่เขาพึ่งเรียกออกมาได้จริง ๆ หรือเปล่า
ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและสังเกตรูปร่างของลูกบอลแสงที่อยู่ในมืออย่างระมัดระวัง จากคำอธิบายในหนังสือลูกบอลแสงที่เขาสร้างขึ้นมานี้สามารถที่จะใช้สร้างร่างมายาขึ้นมาได้เท่านั้น เขาจึงรู้สึกว่ามันไม่น่าจะมีอันตราย ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ ขยับก้อนพลังงานเข้าไปใกล้ขนอุยมากขึ้นเรื่อย ๆ
เจ้าตัวน้อยยังไม่รู้ว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา แต่ลูกบอลแสงที่สวยงามบนมือของเซี่ยเฟยได้กระตุ้นความสนใจของมันมาก มันจึงมองดูลูกบอลพลังงานในมือของเขาอย่างกระตือรือร้น
อันธมองเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมกับถอนหายใจ เพราะถ้าหากว่าขนอุยได้สัมผัสเข้ากับก้อนพลังงานที่เซี่ยเฟยได้เรียกออกมามันย่อมก่อให้เกิดหายนะตามมาอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดขนอุยก็ยังอ่อนแอมากจนเกินไปแล้วมันก็คงจะไม่สามารถทนรับพลังงานอันหนาแน่นมากมายขนาดนั้นได้
แต่เจ้าตัวน้อยไม่ได้รับรู้ถึงความจริงเหล่านี้เลย มันเพียงแค่คิดว่าเซี่ยเฟยกำลังเล่นเกมกับมันอยู่จริง ๆ
เซี่ยเฟยกัดฟันและตัดสินใจดำเนินแผนการของตัวเองต่อ โดยการใช้ขนอุยเป็นเป้าทดลองในการใช้วิชาเล่ห์มายา
ลูกบอลแสงเข้าใกล้ขนอุยมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เจ้าตัวน้อยก็กระโดดโลดเต้นมองลูกบอลพลังงานด้านหน้าด้วยความสนใจ
ทันใดนั้นเองเจ้าตัวน้อยก็กระโจนขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับอ้าปากเล็ก ๆ และกลืนลูกบอลพลังงานที่เซี่ยเฟยได้เรียกออกมาเข้าปากของมันไปโดยฉับพลัน!
ชายหนุ่มยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้นด้วยความว่างเปล่า เพราะเดิมทีเขาต้องการจะเปลี่ยนเจ้าตัวเล็กให้กลายเป็นร่างมายาของเขา แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าขนอุยได้กินลูกบอลพลังงานของเขาเข้าไปหน้าตาเฉย
1 วินาที ...
2 วินาที ...
3 วินาที …
แม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปแต่มันก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนร่างกายของขนอุย ซึ่งมันก็ยังคงนอนสบาย ๆ อยู่บนพื้นพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากราวกับว่ามันเพิ่งได้กินของอร่อย
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยหันไปสบตากับอันธโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทั้งสองก็กำลังอ้าปากกว้างอย่างตกใจโดยไม่ทันรู้ตัว
“มัน... มันกินร่างมายาของนายเข้าไปเหรอ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ตามคำอธิบายในหนังสือบอกว่าตราบใดก็ตามที่ก้อนพลังงานสัมผัสกับเป้าหมาย มันจะทำการเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นร่างมายาขึ้นมาในทันที มันเป็นไปได้ไหมว่าเจ้านี่ได้กินก้อนพลังงานที่ฉันสร้างขึ้นมาเข้าไปแล้วจริง ๆ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเศร้าใจมาก เพราะถึงแม้เขาจะต้องลำบากฝึกฝนวิชาเล่ห์มายามาเป็นเวลานาน แต่ท้ายที่สุดก้อนพลังงานที่เขาเรียกออกมากลับถูกเจ้าตัวเล็กตัวนี้กลืนกินเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
“หืม! ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะไม่สามารถใช้วิชาเล่ห์มายากับนายได้!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะรวบรวมพลังงานในมืออีกครั้งและยื่นมือออกไปด้านหน้าด้วยความดื้อรั้น
งั่ม!
อย่างไรก็ตามก่อนที่ลูกบอลพลังงานของเซี่ยเฟยจะเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ เจ้าตัวน้อยกลับกระโดดขึ้นมาจากพื้นและกลืนก้อนพลังงานในมือของเขาเข้าไปอีกครั้ง
ขนอุยเลียริมฝีปากด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมองไปที่เซี่ยเฟยอย่างสุขใจ ราวกับว่ามันกำลังจะสื่อสารกับเซี่ยเฟยว่า
‘มันอร่อยมากเลยนายท่าน!’
เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ และพยายามรวบรวมลูกบอลพลังงานเพื่อเปลี่ยนร่างของขนอุยให้กลายเป็นร่างมายาของตัวเขาเองอีกครั้ง แต่น่าเสียดายเพราะไม่ว่าเขาจะพยายามมากเท่าไหร่แต่ทุกครั้งก้อนพลังงานก็จะได้ตกกลายไปเป็นอาหารของเจ้าตัวน้อยทุกครั้งเช่นกัน
ในที่สุดความหงุดหงิดก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความโกรธ เซี่ยเฟยจึงหยิบเทปออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับมัดร่างขนอุยเอาไว้เพื่อพยายามไม่ให้มันอ้าปากน้อย ๆ ของมันได้
“ดูซิว่านายจะกินมันได้อีกไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยว
ขนอุยไม่รู้เลยว่าทำไมเจ้านายของมันถึงรู้สึกโกรธขนาดนี้ แล้วมันก็ยังคงมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ไร้เดียงสา
ในช่วงเวลาแรกเซี่ยเฟยแอบรู้สึกสงสารเจ้าตัวน้อยขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะในแววตาของมันเริ่มถูกประดับเอาไว้ด้วยน้ำตา แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นมาบริเวณมุมปาก ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่การแสดง!
“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์! นี่แกกล้าหลอกฉันงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ
“มาดูกันว่าถ้าฉันปิดปากแกไปแล้ว แกจะยังกินก้อนพลังพวกนี้ได้อยู่อีกไหม!!”
—
ครึ่งชั่วโมงต่อมาภาพที่ดูแปลกตาก็ปรากฏขึ้นภายในห้อง
เซี่ยเฟยล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า ขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
ขณะเดียวกันขนอุยที่ถูกมัดเอาไว้กับโต๊ะก็กำลังเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น ซึ่งในบางครั้งมันก็จะส่งเสียงเรอออกมาเป็นครั้งคราวราวกับว่ามันเพิ่งได้กินของอร่อยเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
หากดูจากสภาพของหนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูร มันก็คงไม่ต้องบอกว่าการประลองในก่อนหน้านี้ทางฝั่งของขนอุยเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ
“นายก็น่าจะสรุปได้แล้วนะว่าขนอุยเป็นสัตว์อสูรที่สามารถดูดซับพลังงานได้ ฉันว่านายเลิกพยายามเถอะ” อันธกล่าวพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างเห็นอกเห็นใจ
มุมปากของเซี่ยเฟยกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยและเขาก็ได้หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับสูดควันเพื่อบรรเทาความเครียดโดยไม่พูดอะไร
ประสิทธิภาพในการกลืนกินพลังงานของขนอุยเกินกว่าความคาดหมายของเซี่ยเฟยไปอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะใช้เทปปิดปากเจ้าตัวน้อยเพื่อไม่ให้มันกลืนกินลูกบอลพลังงานเข้าไปแล้ว แต่มันก็ยังสามารถดูดซับพลังงานผ่านทางร่างกายของมันได้ ดังนั้นทันทีที่ลูกบอลพลังงานได้กระทบเข้ากับร่างกายของมัน ลูกบอลพลังงานเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เซี่ยเฟยเป็นคนที่ดื้อรั้นมาโดยตลอดและเขาก็ไม่ชอบที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นเขาที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาอย่างอ่อนล้า ขณะที่ขนอุยดูเหมือนจะมีพละกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เจ้าหนูนี่เป็นพวกอกตัญญูจริง ๆ ฉันอุตส่าห์เลี้ยงอาหารมันเป็นอย่างดี แต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่ให้ความร่วมมือในการทดลองเลย” ชายหนุ่มเริ่มดุด้วยอาการที่เหนื่อยล้า
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้ข้อสรุปแล้วว่าขนอุยเป็นสัตว์อสูรที่สามารถดูดซับพลังงานได้จริง ๆ เพราะทั้งหัวใจจักรวาลสีม่วงและก้อนพลังจากวิชาเล่ห์มายาต่างก็เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ฉันคิดว่าถ้ามันไม่ต้องการนายก็คงจะไม่มีวันทำให้มันกลายเป็นร่างมายาของนายได้” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“แต่ความสามารถในการดูดกลืนพลังงานของเจ้าหนูนี่ก็น่ากลัวจริง ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนมันก็เพิ่งดูดซับพลังงานจากหัวใจจักรวาลสีม่วงเข้าไป แล้ววันนี้มันก็ยังดูดซับพลังงานของฉันเข้าไปเป็นจำนวนมาก บางทีหลังจากที่มันเติบโตขึ้นมันก็อาจจะกลายเป็นราชาสัตว์อสูรอย่างที่นายได้บอกเอาไว้ก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้านายรู้อยู่แล้วว่ามันดูดซับพลังงานจากนายเข้าไปได้ แล้วทำไมนายยังพยายามป้อนพลังงานให้มันต่อล่ะ?” อันธถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ถึงแม้พลังงานจากหัวใจจักรวาลกับพลังงานจากฉันจะเป็นพลังงานเหมือนกันทั้งคู่ แต่มันก็มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ฉันสังเกตเห็นว่าหลังจากที่เจ้าก้อนดูดซับพลังงานจากหัวใจจักรวาลเข้าไปครั้งก่อนมันก็ดูมีนิสัยที่เจ้าเล่ห์มากขึ้นกว่าเดิม บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพลังงานในหัวใจจักรวาลสีม่วงรุนแรงมากจนเกินไป มันจึงชักนำให้เจ้าหนูนี่เริ่มมีความคิดที่เข้าสู่ด้านลบ”
“ที่ฉันพยายามให้มันกลืนพลังงานเข้าไปขนาดนั้น นั่นก็เพราะฉันต้องการทดสอบว่ามันสามารถดูดกลืนพลังงานเข้าไปได้มากขนาดไหน และฉันยังอยากจะรู้ด้วยว่าพลังงานที่มันดูดกลืนเข้าไปมีผลต่อพัฒนาการในการเติบโตของมันด้วยหรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“ฉันก็คิดว่านายทำทุกอย่างไปตามอารมณ์ ที่จริงนายวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วงั้นเหรอ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“น่าเสียดายที่ฉันยังไม่สามารถทดสอบขีดจำกัดในการดูดพลังงานของเจ้าตัวน้อยตัวนี้ได้ บางทีกระเพาะของมันอาจจะเป็นหลุมดำก็ได้ใครจะรู้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
—
เบโอเนทค่อย ๆ ร่อนลงบนสนามบินอย่างช้า ๆ โดยด้านล่างมีซาร่า, บุชเชอร์และเหล่านักสู้จากสังเวียนเลือดรอเขาอยู่นานแล้ว
เมื่อทุกคนได้เห็นความดุดันของเบโอเนท ทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังยานอวกาศด้วยแววตาอันเป็นประกาย เพราะแม้แต่คนทั่วไปก็สามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่ายานลำนี้มันไม่ใช่ยานรบที่ธรรมดา
ประตูยานค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ ขณะที่เซี่ยเฟยเดินลงมาจากยานอวกาศด้วยรอยยิ้ม
เนื่องมาจากว่าในก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้ใช้พลังงานออกมามากเกินไป และถึงแม้ว่าเขาจะได้ใช้ผลน้ำค้างขาวฟื้นฟูความเหนื่อยล้ากลับมาบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดร่างกายอยู่เล็กน้อยและใต้ตาของเขาก็ยังคงมีรอยคล้ำให้เห็นอยู่อย่างชัดเจน
“น้องเซี่ยเฟยไปถูกผู้หญิงคนไหนสูบพลังงานมาเนี่ย?” ใครบางคนทักขึ้นมาเสียงดังซึ่งมันก็ทำให้เหล่าบรรดานักสู้ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
แน่นอนว่าท่ามกลางเสียงหัวเราะเหล่านี้ ซาร่าก็กำลังจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
เซี่ยเฟยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่ทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง แต่เมื่อเขาได้เดินมาจนถึงซาร่าหญิงสาวจากเขตดาววิลเดอร์เนสกลับทักเขาขึ้นมาอย่างเจ็บปวดว่า
“ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะยั่วนายมากแค่ไหน แต่นายก็ควรดูแลสุขภาพตัวเองด้วย”
“เอ่อ…”
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกอยู่นาน เพราะเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องตลกที่พวกผู้ชายพูดแซวขึ้นมาเล่น ๆ แต่ซาร่ากลับเอาไปคิดเป็นจริงเป็นจัง
นิสัยของสาว ๆ จากเขตดาววิลเดอร์เนสแตกต่างจากผู้หญิงในพันธมิตร เพราะพวกเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะออกไปหาความสุขจากผู้หญิงที่ไหนก็ได้ โดยเฉพาะผู้ชายที่ประสบความสำเร็จอย่างเซี่ยเฟยก็มักที่จะมีภรรยาหลาย ๆ คน ดังนั้นซาร่าจึงขอให้เซี่ยเฟยใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองเท่านั้น โดยไม่สนใจเรื่องที่ว่าเขาจะไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นเลย
แน่นอนว่าบทสนทนาระหว่างหนุ่มสาวทั้งสองทำให้พี่น้องจากสังเวียนเลือดเริ่มพูดแซวพวกเขามากกว่าเดิม และเนื่องมาจากพี่น้องเหล่านี้ต่างก็มีบุคลิกที่ร่าเริง เซี่ยเฟยจึงไม่สามารถที่จะห้ามบทสนทนาระหว่างพวกเขาได้
ตามแผนเดิมทุกคนจะได้พักผ่อนคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ก่อนที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยู ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยได้เดินทางไปจนถึงโรงแรมเขาก็ประกาศว่าจะทำการเลี้ยงอาหารพี่น้องทุกคน
ท้ายที่สุดมื้ออาหารมื้อนี้ก็คงจะเป็นมื้ออาหารที่ดี ก่อนที่พวกเขาจะมุ่งหน้าเดินทางเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ซึ่งหลังจากนี้อีกหลายเดือนพวกเขาก็คงจะได้กินเพียงแต่อาหารกระป๋องบนยานอวกาศโดยไม่ได้มีโอกาสได้เฉลิมฉลอง
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังได้ใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ยอมเดินทางมาพร้อมกับเขาด้วย
งานเลี้ยงเป็นไปอย่างครึกครื้นซึ่งหลังจากที่ทุกคนได้รับประทานอาหารไปสักพักแล้ว เซี่ยเฟยก็ยกแก้วภายในมือของเขาขึ้นพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง
“ทุกคนผมมีข่าวดีจะมาบอก ตอนนี้ทางกรมทหารได้อนุมัติให้บริษัทควอนตัมสามารถจัดตั้งทีมสำรวจได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่พวกเรากลับมายังพันธมิตรอีกครั้งพวกคุณทุกคนจะสามารถออกสำรวจสวนเอเดนได้ในทันที ผมขอแสดงความยินดีในฐานะของบริษัทควอนตัมว่าขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของตัวเอง”
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงเฮขึ้นมาอย่างยินดีพร้อมกับกินดื่มสุราอาหารเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิม
“ดูเหมือนว่าพวกพี่น้องจากสังเวียนเลือดจะอยากออกสำรวจมากเลยนะ ทำไมนายถึงไปสนับสนุนพวกเขาแบบนั้นล่ะ? ไม่ใช่ว่านายอยากให้พวกเขาเข้าร่วมกองกำลังป้องกันของบริษัทควอนตัมหรือยังไง?” อันธกล่าวถามอย่างสงสัย
“พวกเราไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนหรอก หลังจากที่พวกเรากลับมาจากภูมิภาคดาวมฤตยูฉันค่อยเริ่มโน้มน้าวพวกเขาในตอนนั้นก็ยังไม่สาย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
***************