ตอนที่ 325 วิชาสร้างร่างมายา
ตอนที่ 325 วิชาสร้างร่างมายา
หากเซี่ยเฟยได้อยู่ในบริเวณนี้เขาก็คงจะสามารถจดจำชายวัยกลางคนที่พูดคุยกับนักฆ่าได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากพ่อบ้านผู้มีหนวดเคราสีดำของหลี่โม่
ความสัมพันธ์ระหว่างจินปู่ฮวนกับมู่เสียวเต๋าก็ค่อนข้างที่จะน่าสนใจเช่นเดียวกัน เพราะมันดูเหมือนกับว่าพวกเขารู้จักกันมาเนิ่นนานแล้ว
หรือว่าการที่นักฆ่ามาเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของชนชั้นสูงจะเป็นเรื่องปกติ?
ยิ่งกว่านั้นเซี่ยเฟยยังไม่เคยคิดมาก่อนว่าในระหว่างที่เขาแอบเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยูอย่างลับ ๆ จะมีนักฆ่าแอบติดตามเขามาด้วย ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าตระกูลหลี่จะไม่ยอมรามือจากเขาไปง่าย ๆ
“แกรู้ แต่ก็ยังปล่อยเซี่ยเฟยไปเนี่ยนะ?!” จินปู่ฮวนกล่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่มุมปากของเขากระตุกขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
“ฉันไม่ได้ปล่อยมันไป ฉันแค่ยังไม่ต้องการจะลงมือเฉย ๆ ว่าแต่แกเคยเดินทางไปยังทุ่งดาวแห่งความตายหรือเปล่า?” มู่เสียวเต๋ากล่าว
“อะไรนะ?” จินปู่ฮวนอุทาน
“ฉันได้ยินมาว่าทุ่งดาวแห่งความตายเป็นสถานที่ที่น่าสนใจมาก และมันก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ด้วย” มู่เสียวเต๋ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายนี้ถึงกับทำให้จินปู่ฮวนพูดไม่ออก เพราะมันดูเหมือนมู่เสียวเต๋าคงจะยังไม่ตัดสินใจลงมือในเร็ว ๆ นี้
“แกจะตามมันไปที่ไหนก็ช่าง แต่ฉันแนะนำให้แกรีบจบงานนี้ไปดีกว่า”
ขวับ!
มีดที่แต่เดิมถูกซ่อนไว้ในแขนเสื้อปรากฏขึ้นมาในมือของมู่เสียวเต๋าอีกครั้ง ราวกับว่าเขาสามารถเสกมีดขึ้นมาภายในมือเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ
“ไม่ต้องห่วง ไว้ใจฉันได้เลย!”
จินปู่ฮวนพยักหน้าก่อนที่เขาจะเดินจากไปตามท้องถนนโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
มู่เสียวเต๋าควงมีดผีเสื้อเล่นในมือไปมาก่อนที่เขาจะเดินผิวปากและเดินจากไปในทิศตรงกันข้ามกับจินปู่ฮวน
“เซี่ยเฟย... แกชื่อเซี่ยเฟยเองสินะ ฉันไม่คิดจริง ๆ ว่าจะมีคนอื่นรอดกลับมาจากดาวเคราะห์มรดกด้วย คราวนี้จะถือว่าฉันยอมปล่อยแกไปเป็นของขวัญของคนที่กลับมาจากนรกก็แล้วกัน” มู่เสียวเต๋าพึมพำขึ้นมาด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ร่างของจินปู่ฮวนหายลับไปจากมุมสายตา
—
เซี่ยเฟยพยายามล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อเรียกสติกลับมาหลังจากถูกวางยาสลบเป็นเวลานาน ท้ายที่สุดนักสู้อย่างเขาก็ไม่สามารถที่จะลดความระมัดระวังของตัวเองได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนหรือว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม
“ทำไมเมื่อกี้ฉันถึงรู้สึกว่ามันมีคนเข้ามาแล้วเขาก็จากไป?” เซี่ยเฟยพูดพึมพำพร้อมกับมองหน้าตัวเองในกระจก
“ฉันว่านายระแวงเกินไปแล้ว ฉันคอยระวังให้อยู่ตลอดเวลาแต่ฉันยังไม่เจอใครเลยแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้นายยังกางด้ายพลังจิตป้องกันเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ถ้าหากว่ามันมีใครมาจริง ๆ นายก็ควรจะรู้ตัวตั้งนานแล้ว” อันธกล่าว
“สัญชาตญาณของฉันทำงานอย่างแม่นยำมาโดยตลอด แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้ฉันเหนื่อยเกินไปฉันเลยเข้าใจผิดว่าวิญญาณอย่างนายอาจจะเป็นคนอื่นไปก็ได้ อีกอย่างฉันก็มีนายคอยเฝ้าระวังอยู่ทั้งคนนายจะปล่อยให้เขาเข้ามาฆ่าฉันง่าย ๆ ได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“อย่าลืมว่านายรอดชีวิตจากน้ำยาหยกม่วงก็เพราะฉัน ดังนั้นอย่าดูถูกพลังของวิญญาณในช่วงวิกฤติ ฉันสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือนายได้ทุกเมื่อ!” อันธกล่าวพร้อมกับเงยหน้าเล็กน้อยด้วยความภูมิใจ
“อาจารย์ปู่คนนี้คงต้องขอฝากชีวิตเอาไว้กับศิษย์หลานแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางอันล้อเลียน
ใบหน้าของอันธเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยกลายเป็นศิษย์ของเงาสูญมันก็ทำให้ฐานะความอาวุโสในสำนักของชายหนุ่มกลายเป็นอาจารย์ปู่ของเขาในชั่วข้ามคืน ซึ่งเซี่ยเฟยก็มักที่จะนำเรื่องนี้มาล้อเลียนเขาอยู่บ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงอะไรกลับไปได้
หลังจากจ่ายค่ารักษาเซี่ยเฟยก็กลับขึ้นไปบนยานเบโอเนทพร้อมกับมุ่งหน้าตรงไปยังจุดนัดพบที่เขาได้ตกลงกับซาร่าและบุชเชอร์เอาไว้
ในปัจจุบันสถานการณ์ของทางฝั่งภูมิภาคดาวมฤตยูกำลังแย่ลงเรื่อย ๆ และพวกเขาก็กำลังถูกรุกรานพื้นที่เข้ามาทุกวัน ย่าเหวยจึงพยายามติดต่อมาหาเซี่ยเฟยหลายครั้ง โดยหวังว่าชายหนุ่มจะนำอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จไปเสริมกองกำลังกับพวกเขาให้ได้โดยเร็วที่สุด
เมื่อได้รับชิพแปลภาษามาใหม่เนื้อหาของวิชาเล่ห์มายาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มได้อ่านเนื้อหาทั้งหมดใหม่อีกสองครั้ง เขาก็วางหนังสือลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ที่แท้วิชาเล่ห์มายามันก็เป็นวิชาสร้างร่างแยกนี่เอง” เซี่ยเฟยกล่าว
“วิชาสร้างร่างแยก! นายหมายความว่ายังไงกันแน่? รีบอธิบายมาเร็ว ๆ เข้า” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ และเนื่องมาจากว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนชิพแปลภาษามาพร้อมกับเซี่ยเฟยด้วย มันจึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะตีความเนื้อหาภายในตำราวิชาลับได้
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็อธิบายให้อันธได้ฟังถึงรายละเอียดของเนื้อหาวิชาที่ถูกเขียนไว้ในหนังสือ
ยิ่งเขาได้อธิบายไปมากเท่าไหร่อันธก็ยิ่งเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ช็อก!
โคตรช็อก!
ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยเฟยหรืออันธต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับผลลัพธ์ของการฝึกวิชาเล่ห์มายา
“วิชานี้มันจะทรงพลังเกินไปแล้ว ปกติวิชาที่ใช้สร้างร่างแยกจะเป็นการสร้างภาพมายาขึ้นมาเท่านั้น และถึงแม้ว่าภาพมายาจะทำให้ศัตรูรู้สึกสับสนแต่มันก็ไม่สามารถที่จะใช้จู่โจมเข้าใส่ศัตรูได้ นอกจากนี้การสร้างภาพมายายังจำเป็นจะต้องใช้พลังจิตเป็นจำนวนมาก และถ้าหากว่าพลังจิตของผู้ใช้หมดลงภาพของร่างมายาก็จะหายไปในทันที”
“แต่วิชาเล่ห์มายาแตกต่างจากวิชาสร้างร่างแยกโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เพราะมันเป็นวิชาที่ผู้ใช้สามารถสร้างร่างแยกของตัวเอง, คนอื่นหรือแม้แต่สัตว์อสูรขึ้นมาได้ ทำให้ร่างที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นเหมือนต้นแบบทุกประการซึ่งดูไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างจริง ๆ”
“ยิ่งไปกว่านั้นวิชาเล่ห์มายายังใช้พลังจิตน้อยมากและทำให้ร่างมายาที่สร้างขึ้นมาคงอยู่ได้เป็นเวลานาน ซึ่งมันก็จะทำให้วิชานี้สามารถใช้ในการต่อสู้ระยะยาวได้โดยไม่สร้างภาระให้กับผู้สร้างร่างมายาขึ้นมามากเกินไป”
“ที่สำคัญที่สุดคือร่างมายาที่ถูกสร้างขึ้นมาย่อมสามารถแสดงพลังออกมาได้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็จะหมายความว่านายจะได้รับพลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นมามากเป็น 2 เท่า”
“ลองคิดดูสิว่าถ้าหากนายสามารถเปลี่ยนเฉินตงให้กลายเป็นร่างมายาของนายได้ บางทีร่างมายานั้นอาจจะสามารถใช้ได้ทั้งพลังน้ำแข็ง, ความเร็วและพลังจิต เพียงแค่คิดฉันก็อยากจะให้นายลองใช้วิชานี้ดูจริง ๆ แล้ว”
“หรือว่านายอาจจะให้คนอื่นมีร่างมายากลายเป็นนายก็ได้ และในระหว่างนั้นนายก็แค่ซ่อนตัวโดยใช้วิชาพรางจิตและรอโอกาสจู่โจมเข้าใส่ศัตรูอย่างกะทันหัน” อันธพยายามคิดหาวิธีใช้วิชาเล่ห์มายาขึ้นมาอย่างยาวเหยียด แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่าผลลัพธ์ของวิชานี้จะออกมาในลักษณะไหนกันแน่
“เอาล่ะฉันจะเริ่มฝึกวิชาเดี๋ยวนี้เลย ฉันเองก็อยากจะรู้ว่าใครจะกล้ามาหยุดฉันที่มีสองคนได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ในหน้าสุดท้ายของหนังสือได้อธิบายว่าวิชาเล่ห์มายาถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ ซึ่งในแต่ละระดับความสามารถของร่างมายาที่ถูกสร้างขึ้นมาก็จะมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไป
หากเซี่ยเฟยฝึกวิชาเล่ห์มายาได้สำเร็จในขั้นที่ 1 เขาก็จะสามารถสร้างร่างมายาลอกเลียนแบบร่างกายของเขาขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองฝ่ายยังสามารถใช้พลังร่วมกันได้ถึง 10% ดังนั้นเมื่อร่างใดร่างหนึ่งเริ่มขาดพลังงานอีกร่างก็จะสามารถดึงพลังงาน 10% นี้ไปทดแทนพลังงานที่ขาดหายไปได้ ส่วนระยะเวลาการสร้างร่างมายาในขั้นแรกก็มีระยะเวลานานถึง 1 ชั่วโมง
วิชาเล่ห์มายาขั้นที่ 2 สามารถทำให้ร่างมายาคงอยู่ได้เป็นเวลา 2 ชั่วโมง และสามารถแบ่งพลังงานกันได้เพิ่มขึ้นเป็น 20% ส่วนขั้นที่ 3 จะสามารถทำให้ร่างมายาคงอยู่ได้เป็นเวลา 4 ชั่วโมงและแบ่งพลังงานรวมกันได้เพิ่มขึ้นเป็น 30%
หากคำนวณตามอัตราส่วนนี้ต่อไปมันก็จะหมายความว่าวิชาเล่ห์มายาขั้นที่ 9 จะทำให้ร่างมายาสามารถคงอยู่ได้เป็นเวลานานถึง 256 ชั่วโมง ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่นานมากกว่า 10 วัน ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างมายายังสามารถแบ่งพลังงานร่วมกันได้ถึง 90%!
สมมุติว่าพลังงานของทั้งสองร่างเท่ากันที่ 100 หน่วย แต่ร่างมายาสามารถให้ร่างหลักยืมพลังได้ 90% มันก็หมายความว่าร่างหลักสามารถที่จะจู่โจมออกไปได้ด้วยพลัง 190 หน่วย ซึ่งมันเป็นพลังในการจู่โจมที่มากกว่าเดิมถึงเกือบ 2 เท่า!!
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่าเซี่ยเฟยได้ใช้ร่างมายาเพื่อแบ่งพลังงานกับราชาสัตว์อสูรที่มีพลัง 1,000 หน่วย มันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยสามารถที่จะยืมพลังงานมาจู่โจมได้อย่างรุนแรงมากกว่าเดิมถึงเกือบ 10 เท่า!!!
เพียงแค่การเลือกเป้าหมายใช้ร่างมายาไปยังผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามันก็สามารถทำให้เขาเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถทำให้ศัตรูรู้สึกสับสนในระหว่างที่เขากำลังใช้วิชาได้อีกด้วย
นี่มันจะเป็นวิชาที่โหดมากเกินไปแล้ว!
ในระหว่างเดินทางไปยังจุดนัดพบกับซาร่า เซี่ยเฟยก็พยายามฝึกวิชาเล่ห์มายาอย่างบ้าคลั่งโดยเขาหวังที่จะได้ลองใช้วิชานี้โดยเร็วที่สุด
—
4 วันต่อมา
ภายในยานเบโอเนทมีห้องฝึกฝนเป็นของตัวเอง และเนื่องด้วยว่ามันเป็นยานในระดับครุยเซอร์ มันจึงทำให้พื้นที่ด้านในของยานกว้างขวางกว่าแวมไพร์มาก ดังนั้นถึงแม้ว่าบริษัทไกอาจะติดตั้งระบบอาวุธเข้าไปตามคำขอของเซี่ยเฟย แต่มันก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับเอาไว้ใช้เป็นห้องต่าง ๆ มากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นนิโคลยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเซี่ยเฟย จึงทำให้อุปกรณ์ทั้งหมดบนยานต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะหาได้
“สำเร็จ! ในที่สุดฉันก็ทำได้สำเร็จ!!” เซี่ยเฟยกระโดดลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เยี่ยมมาก! ไม่น่าเชื่อเลยว่านายจะสามารถฝึกฝนวิชาเล่ห์มายาขั้นที่ 2 ได้ในเวลาเพียงแค่ 4 วัน” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าฉันจะสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ เอาล่ะฉันขอไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลาให้เรียบร้อยก่อน แล้วพวกเราค่อยมาฉลองกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“อือ ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นพลังพิเศษพลังจิตของนายหรือวิชามนตราอสูร ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับพลังจิต ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นายจะสามารถฝึกฝนวิชาที่เกี่ยวข้องกับพลังจิตอย่างวิชาเล่ห์มายาได้อย่างรวดเร็วแบบนี้” อันธกล่าว
“สิ่งที่นายพูดก็มีเหตุผล ในตอนที่ฉันฝึกวิชามนตราอสูรตอนนั้นความคืบหน้าในระหว่างการฝึกฝนวิชาผ่านไปได้อย่างเชื่องช้ามาก แต่ในตอนที่ฉันได้พลังจิตมาแรก ๆ ฉันก็รู้สึกว่าสามารถควบคุมพลังได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม และในวันนี้ฉันก็รู้สึกว่าการฝึกวิชาเล่ห์มายาไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากสำหรับฉันเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ดูเหมือนว่านายจะมีพรสวรรค์ทางด้านวิชาเกี่ยวกับพลังจิต แต่นายก็ไม่สามารถละเลยการฝึกความเร็วของนายด้วยเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายยังค่อย ๆ ฟื้นฟูบาดแผลกลับมา ฉันแอบสังเกตว่ายิ่งนายได้ฝึกฝนวิชาเกี่ยวกับพลังจิตมากเท่าไหร่ สมองของนายก็ยิ่งเร่งอัตราการฟื้นฟูมากขึ้นเท่านั้น” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยรีบอาบน้ำด้วยความรวดเร็วก่อนที่เขาจะกินอาหารเข้าไปเป็นจำนวนมาก
“ตอนแรกฉันวางแผนที่จะเพิ่มพลังด้วยการดูดซับพลังงานจากหัวใจจักรวาลสีม่วง แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นอาหารของขนอุยไปแล้ว นี่ฉันจะต้องกลับไปกินยาของนายอีกแล้วสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะรับประทานอาหาร
“ตอนนี้พลังความเร็วของนายใกล้จะถึงระดับลีเจนด์แล้ว หากนายต้องการจะเพิ่มพลังไปมากกว่านี้จริง ๆ ยาที่ต้องใช้ก็ต้องมีส่วนผสมที่ล้ำค่าตามไปด้วย” อันธกล่าว
“ปล่อยให้เรื่องนี้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็นเถอะ ตอนนี้พวกเรามาลองวิชาเล่ห์มายากันดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“การจะใช้วิชาเล่ห์มายาจำเป็นจะต้องมีเป้าหมายเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูรนะ บนยานลำนี้มีนายแค่คนเดียวแล้วนายจะใช้ใครเป็นเป้าหมายของวิชา?” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเขาก็หยิบขนอุยออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับมองเจ้าตัวเล็กด้านหน้าด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์
ขนอุยลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะแลบลิ้นออกมาเลียนิ้วมือของชายหนุ่มอย่างประจบสอพลอ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าชะตากรรมหลังจากนั้นมันจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
***************