ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 684 ตามหาผู้ชักใย (ฟรี)
การล่มสลายของจักรวรรดิหวู่ดานั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
เวลานี้ซู่เสี่ยวไป่ได้อยู่ในเขตแดนของภัยพิบัติขั้น 10 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจากข่าวสารที่เขารับรู้มาไม่มีจักรวรรดิใดที่คุกคามเขาได้อีก
ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเขา ทำให้เงายักษ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ครอบครองพลังของจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 ไปด้วย ตอนนี้ทำให้ตัวตนที่ชื่อไป่หยินนั้นอยู่ค้ำฟ้า และยากที่จะโค่นล้มได้
หากเปรียบเทียบกับขุนอำนาจก่อนหน้านี้อย่างสหัสจักรวรรดิเก้าฟ้าไร้อนัน ที่เคยทรงอิทธิพลก็เกิดจากตัวตนจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 สามคนอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเขา
จักรวรรดิระดับสูงอื่นๆ ที่มีจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 อยู่ ก็ใช่ว่าจะมีจ้าวภัยพิบัติระดับสูงหลายคน อย่างมากก็มีอีกแค่คนสองคนเท่านั้น และไม่เคยมีเกินสี่คน
แต่กลับกันซู่เสี่ยวไป่กลับมีขุมกำลังของจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 และขั้น 8 มากมายไม่ต่างจากฝูงมดแมลง ทำให้ในช่วงเวลาพริบตาเดียว ซู่เสี่ยวไป่ก็ได้กลายเป็นมหาอำนาจที่ทรงพลังที่สุด เท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์
การดับสูญของจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 คนแรกนั้นเป็นก้าวแรกของจุดเริ่มต้นของการปิดฉากสงครามที่ยืดเยื้อมาถึงตอนนี้
ซู่เสี่ยวไป่เองเริ่มต้นจากศูนย์ภายใต้แรงกดดันมากมาย แต่ตอนนี้การบุกโต้กลับของเขาได้ยึดครองจักรวรรดิระดับสูงทั้งสี่พร้อมกัน นั้นทำให้ขุมอำนาจหลายแห่งเริ่มหวาดระแวงและตกใจกับเหตุการณ์นี้
เพราะเมื่อลองคิดดูแล้ว สถานการณ์ของพวกเขาเองก็เริ่มไม่มั่นคงอีกต่อไป
และเมื่อรู้ว่าซู่เสี่ยวไป่กำลังปิดล้อมจักรวรรดิระดับสูง ยิ่งทำให้จักรวรรดิอื่นๆ ได้ส่งสายสืบเข้ามาหาข่าวสารมากขึ้น ซู่เสี่ยวไป่นั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทั้งที่แท้จริงแล้วเขานั้นรู้ทุกอย่าง แต่นิ่งเงียบเอาไว้รอจังหวะเอาคืนในทีเดียว!
“เหลือแค่จักรวรรดิเดียวแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีแต่อนาคตที่สดใสรอเราอยู่”
ซู่เสี่ยวไป่ได้เริ่มครอบง่ำจักรวรรดิหวู่ดาอย่างต่อเนื่อง ยึดไปที่ละแห่งๆ จัดการพวกที่ยังขัดขืน และถอนรากถอนโคนผู้ต่อต้าน
เวลานี้ซู่เสี่ยวไป่เพียงต้องการขยายอาณาเขตของตัวเองออกไป และกวาดทรัพสมบัติให้มากขึ้น
แล้วศัตรูคนสุดท้ายซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังไงเขาก็ต้องกำจัดสหประชาไท่คูซวนอยู่แล้ว แม้ว่าสถานะการสู้รบกับสหประชาไท่คูซวนจะเบาบางลง แต่ซู่เสี่ยวไป่ไม่มีวันละเว้นแน่ และจะฆ่าพวกมันทั้งหมด!
ทำให้ผู้ปกครองของสหประชาไท่คูซวนนั้นดึงกำลังทั้งหมดกลับมา และป้องกันตัวเองอย่างแน่นหนา เพื่อรอรับการโจมตีที่คาดไม่ถึง
แล้วภายนอกอาณาเขตการสู้รบ สายตาของซู่เสี่ยวไป่เองก็จับจ้องออกไปยังจักรวรรดิที่อยู่รอบๆ -เขาเริ่มวางแผนที่จะรวบทั้งหมดมาเป็นของเขาด้วย -แต่แผนการสำคัญ เขาจะต้องทำให้ทุกอย่างมันรัดกุม รวดเร็ว ไม่ให้อีกฝ่ายสร้างปัญหาจุกจิกน่ารำคาญกับเขาได้อีก
ในวันที่สามหลังจากจักรวรรดิหวู่ดาล่มสลาย ในที่สุดสหประชาไท่คูซวนก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป และได้ส่งฑูตออกไปเจรจาถึงสี่คน
“พวกเรายินดีที่จะถอยทัพกลับไป และจะไม่สร้างความบาดหมางให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต”
“ดินแดนทางตะวันออก ตะวันตก และทางเหนือ สามชายแดนที่ติดกันทั้งหมด ทางสหประชาไท่คูซวนขอยกให้ท่าน”
“และขอให้ความบาดหมางที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดสิ้นสุดไป และต่อไปภายภาคหน้าสหประชาไท่คูซวนจะไม่พูดให้ร้ายจักรวรรดิสุขาวดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง”
ซู่เสี่ยวไป่แทบไม่เชื่อว่าสหประชาไท่คูซวนจะหวาดกลัวขนาดนี้ และทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองยังอยู่รอดปลอดภัย
เวลานี้พวกเขารู้แล้วว่าไม่มีทางชนะในศึกนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฝืนสู้ต่อไป และเสี่ยงที่จะล่มสลายเหมือนกับจักรวรรดิอื่น และก่อนที่ซู่เสี่ยวไป่จะให้คำตอบ พวกเขาก็ได้สั่งให้กองกำลังจ้าวภัยพิบัติทั้งหมดถอยทัพออกไปก่อนหมดแล้ว เพื่อแสดงความจริงใจว่าพวกเขายอมจำนน
หลังจากที่ฟังทุกอย่างแล้ว ซู่เสี่ยวไปกลับตอบออกมาอย่างน่าตกใจ
“ไปให้จ้าวปกครองของพวกเจ้ามาคุกเข่าพูดต่อหน้าข้าเอง”
คิดจะล้อเล่นกับเขายังงั้นหรอ? ซู่เสี่ยวไป่ไม่เคยมีความคิดเจรจาเพื่อสันติภาพอยู่แล้ว มีแต่ชนะกับแพ้เท่านั้น และศึกสงครามนี้กินเวลามาหลายสิบปี สู้ต่ออีกสักปีสองปีก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้สหประชาไท่คูซวนก็เหมือนปลาตัวหนึ่งที่รอโดนเชือดเท่านั้น ยังจะกล้ามาต่อรองกับเขาอีกงั้นหรอ?
ในตอนที่เขาอ่อนแอทุกคนต่างรุมทำร้ายเขาอย่างป่าเถื่อน พอถึงคราวที่เขาจะเอาคืนกลับยกมือขอเจรจาสันติ มันมากเกินไปสำหรับซู่เสี่ยวไป่
แล้วการบุกโจมตีจากสหประชาไท่คูซวนนั้นถือว่าหนักที่สุด และถี่ยิ่งกว่า 4 จักรวรรดิระดับสูงอีก แม้แต่กองกำลังเงาของซู่เสี่ยวไป่ในเวลานั้นก็ต้านไม่อยู่
แต่เพราะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากมือซ้ายและขวาของเขา ทำให้แนวรบของซู่เสี่ยวไป่มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้พอที่จะต้านทานรับการบุกของสหประชาไท่คูซวนได้
แต่ตอนนี้หากเขาต้องการจะบุกโดยมีสองผู้บัญชาการเป็นคนสั่งการ ไม่มีอะไรมาหยุดเงาของซู่เสี่ยวไป่ได้อีก
ฑูตทั้งสี่ถูกส่งกลับไปโดยแววตาที่ว่างเปล่า ไม่นานหลังจากนั้นที่สหประชาไท่คูซวนก็เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่ขึ้น
ม่านพลังที่ปกป้องอาณาจักรไว้พังทลายลง ดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าส่องแสงประกายเจิดจ้าขึ้น ซู่เสี่ยวไป่มายังสหประชาไท่คูซวน พร้อมกับมีดทมิฬในมือ
เมื่ออยู่ต่อหน้ามีดทมิฬก็ไม่มีใครหน้าไหนหยุดเขาได้ ซู่เสี่ยวไป่เดินทางไปยังพระราชวังด้วยท่าทางองอาจ
เขาทำลายประตูเหล็กหลายสิบบานที่ปิดทางเข้าไว้ และทุกครั้งที่ประตูพัง ไอเย็นและกลิ่นไอที่รุนแรงของมีดทมิฬจะแผ่กระจายออกไปทุกที่ในพระราชวัง
ความแข็งแกร่งของจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 นั้นมันน่ากลัวเกินไป
ระหว่างทางเดิน ไม่ว่าซู่เสี่ยวไป่จะเจอใคร เขาสังหารเรียบไม่มีเหลือ เพียงแค่สบตาหรืออยู่ใกล้ๆ ทุกคนจะตายก่อนที่จะได้หลบหนี
จ้าวแห่งสหประชาไท่คูซวนเกาะบัลลังก์แน่นด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว
“นายท่านไป่หยิน!! ท่านชนะแล้ว ข้าน้อยมิใช่คู่ต่อสู้ของท่านอีกแล้ว!”
…..
“เพียงแต่ ข้าน้อยอยากจะรู้ว่าที่อยู่ตรงนี้คือร่างจริงของท่านหรือแค่ร่างแยก ถ้าหากว่านี้เป็นแค่ร่างแยกของนายท่าน พลังขนานนี้มันก็เกินกว่าที่ข้าน้อยจะรับได้อีกแล้ว”
ซู่เสี่ยวไป่เพียงพยักหน้า
“นี้คือร่างจริง ไม่ใช่ร่างแยก หากว่าเจ้ามีเล่เหลี่ยมอะไรอีกก็จงรีบใช้มันออกมา ในจังหวะที่ข้าเปิดโอกาสให้”
จ้าวแห่งสหประชาไท่คูซวนได้แต่ยิ้มอย่างฝืนๆ
“นายท่านไป่หยินนั้นแข็งแกร่งดุจฟ้าสูง รวดเร็วกว่าเทพองค์ใด ต่อให้ข้าน้อยมีแผนการ หรือคิดจะทำร้ายท่านก็คงไม่อาจจะสัมผัสได้แม้แต่ปลายผมของนายท่าน แล้วนายท่านไป่หยินก็สามารถสังหารจักรพรรดิหวู่ดาโดยไม่ได้ใช้ไม้ตายลับอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้าคงไม่กล้า”
“ในเมื่อเจ้ารู้จักรักชีวิต และกลัวตาย งั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกสักครั้ง บอกมาว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังแผนการโจมตีจักรวรรดิสุขาวดี! ไม่แน่…หากคำตอบของเจ้าเข้าหู ข้าอาจจะไว้ชีวิต”
…
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการเดินทางมาครั้งนี้ของซู่เสี่ยวไป่ ไม่ได้มาเพื่อเอาชีวิตจ้าวปกครองสหประชาไท่คูซวน แต่เขาอยากรู้ว่าใครกันที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
เพื่อทำลายสหประชาไท่คูซวนที่จริงซุ่เสี่ยวไป่ไม่จำเป็นที่จะต้องออกหน้ามาเองด้วยซ้ำ เพียงแค่ร่างเงาอย่างเดียวเขาก็สามารถยึดทั้งสหประชาไท่คูซวนได้ในเวลาไม่ถึง 10 วัน และกำราบผู้แข็งแกร่งทั้งสหประชาไท่คูซวนได้ในเวลา 2 ชั่วโมง
ทำให้สิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่ต้องการ อยู่นอกเหนือจากนั้น
จักรวรรดิระดับสูงทั้งหมดที่เขาเผชิญหน้ามานั้น ยังเป็นจักรวรรดิระดับสูงที่ไม่ได้ทรงอำนาจที่สุด เพราะบางจักรวรรดิเองก็ไม่ได้มีแม้แต่ตัวตนจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 เลยด้วยซ้ำ
แม้ว่าซู่เสี่ยวไป่จะจัดการจักรวรรดิเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่ซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ต้องการที่จะประมาทเกินไป เขากลัวว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก แต่เป็นขุมกำลังที่มีจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 จำนวนมากรุมโจมตีเขา เพื่อที่เขาจะก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้าอย่างสบายใจ เขาจะต้องรู้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทุกอย่าง
จ้าวปกครองแห่งสหประชาไท่คูซวนดูลังเลอยู่พักหนึ่งราวกับว่าสิ่งที่เขาจะพูดนั้นยากเกินไป
ก่อนที่จะมีร่างสองร่าง เดินตามหลังซู่เสี่ยวไป่เข้ามา
นั้นคือจ้าวภัยพิบัติหวู่เฟิง
“ไป่หยิน อย่าได้ทำอะไรเสียมารยาทที่นี่อีก”
ซู่เสี่ยวไป่หันกลับไป และจ้องมองชายชราผู้นั้นทันที
“ก็คิดอยู่แล้วว่า แกคงเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด แบบนี้จะหมายความว่าไงดีล่ะ…ท่านผู้อาวุโส”
เช่อเชียคือคนที่ติดตามหวู่เฟิงมาด้วย และความแข็งแกร่งของเขาติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 ซึ่งซู่เสี่ยวไป่รับรู้ได้เลยว่าชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขาถึง 8 เท่า