บทที่ 267 – เจ้าชายเดินทางกลับอาณาจักร
ตอนนี้นักรบทั้ง 4 คนเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ แล้ว ก่อนที่จะก้มหัวให้ผมอย่างพร้อมเพียงกัน หัวหน้าคนนั้นกล่าวขอบคุณออกมา “ขอขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือคุณหนูของพวกเรา โปรดได้รับความเคารพจากพวกเราพี่น้องไว้ด้วย”
ผมได้แต่โบกมือปฏิเสธพวกเขาเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม “สหายทุกท่าน ไม่ต้องมากมารยาทถึงเพียงนี้หรอก” ก่อนจะส่งพลังเวทย์ออกไปยกตัวพวกเขาขึ้นจากการโค้งคำนับนั้น และนั่นทำให้หัวหน้าของพวกเขาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างหวาดหวั่น “ข้าขอถามท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้หรือไม่ว่า ท่านอยู่ในหน่วยใดของอาณาจักรอ้ายเซี่ย? ด้วยระดับพลังของท่าน น่าจะเป็นเมธีเวทย์ท่านหนึ่ง”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรออกไป เสียงเด็กสาวคนนั้นดังขัดขึ้นมาก่อน “ข้าชื่อซินหลิงหลิง ท่านชื่ออะไรอย่างนั้นหรือ? สามารถให้ข้าเห็นหน้าท่านได้หรือไม่?”
ผมส่ายหน้า “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก พวกเราเพียงเจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น ทำไมจะต้องรู้ตัวตนของผู้อื่นด้วย? เอาไว้โอกาสหน้าเถิด”
แต่เธอกลับรีบเคลื่อนตัวมาอยู่ข้างหน้าผมทันที ยื่นมือของตัวเองออกมาหมายจะเปิดหมวกที่ปกปิดใบหน้าของผมออก เสียงของเหล่านักรบที่อยู่ด้านข้างดังออกมาอย่างพร้อมกัน “คุณหนู! อย่าทำอย่างนั้น!” แต่เสียงเตือนแค่นั้นจะหยุดเด็กสาวที่ดื้อรั้นอย่างนี้ได้อย่างไร? เธอยังลงมือต่อไปอย่างดื้อดึง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดเมื่อสักครู่นี้เลย และไม่ได้รับรู้ความแตกต่างระหว่างท้องฟ้าและพื้นดินเลยด้วยซ้ำ ม่านพลังโปร่งแสงอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าผมอย่างฉับพลัน “ตึง!” ซินหลิงหลิงโดนม่านพลังกระแทกกลับจนล้มลงไปกับพื้นทันที
ผมหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “นี่หรือคือวิธีที่เจ้าปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณอย่างนั้นหรือ? ได้! ถ้าเจ้าอยากเห็นมากนัก ข้าจะยอมให้เจ้าได้เห็น” ระหว่างที่พูดอยู่ ผมก็ขยายม่านพลังของตัวเองออกไปข้างหน้า เพื่อป้องกันนักรบสี่คนนั้น ที่พุ่งเข้ามาทันทีหลังจากเห็นคุณหนูของพวกเขาล้มลง เนื่องจากนึกว่าผมจะลงมือทำร้ายเธอ
การล้มลงของซินหลิงหลิงนั้นไม่ได้เบาเลย เธอต้องใช้ความพยายามไม่น้อยที่จะยันตัวให้ลุกขึ้นได้ และกำลังลูบคลำตำแหน่งที่เจ็บปวดอยู่ป้อย ๆ
ผมก้าวเข้าไปอยู่ข้างหน้าเธอ เสียงยังเย็นชาอยู่เหมือนเดิม “เจ้าอยากเห็นหน้าตาของข้าใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็คอยดูให้ดี ๆ ล่ะ” แล้วผมก็เปิดมุมหนึ่งของผ้าคลุมหน้าออก เผยใบหน้าส่วนหนึ่งให้ปรากฏต่อสายตาเธอ เสียงอุทานอย่างตกใจดังออกมาจากปากของเธอ เมื่อมันประสานเข้ากับเสียงหัวเราะอันเย็นชาของผม ยิ่งทำให้บรรยากาศนั่นดูชั่วร้ายอย่างมาก
“ทุกท่าน! คุณหนูของพวกท่านน่าจะได้รับความตกใจเล็กน้อย ดูแลเธอด้วยก็แล้วกัน ข้าจะไปก่อนแล้ว” เด็กสาวที่ดื้อรั้น นิสัยไม่ดีอย่างนี้ สมควรโดนลงโทษเสียบ้าง
แล้วผมก็หายไปจากที่ตรงนั้นในพริบตา
ซินหลิงหลิง ยังพึมพำอยู่กับตัวเอง “ทำไม...ทำไมเขาถึงได้น่าเกลียดขนาดนั้น?”
หัวหน้ากลุ่มผู้คุ้มกันถอนหายใจออกมา “คนที่ช่วยเหลือท่านเอาไว้คราวนี้ เป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างสุดยอดจริง ๆ พวกเราไม่ใช่คู่มือของเขาเลย แม้จะลงมือพร้อมกันทุกคน คุณหนู! พวกเรารีบกลับกันเถอะ”
คราวนี้เธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ดวงตายังมีอาการเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย แต่ก็เดินตามพวกเขากลับไป
ท่าทางของเธอ ทำให้ผมที่หลบอยู่ในมุมมืดรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะทำให้เธอหวาดกลัวมากจนถึงขนาดนี้
และนั่นทำให้ผมหมดอารมณ์ที่จะเดินเล่นต่อไปอีกแล้ว ได้แต่มุ่งหน้ากลับตำหนักชั่วคราวของเจ้าชายทันที
.................
“จางกง! เจ้าหายไปไหนมา? ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว!” ตอนที่ผมก้าวเท้าเข้าสู่ตัวตำหนัก เสียงของซานหยุนดังทักขึ้นมาทันที
“ท่านกำลังตามหาข้าอย่างนั้นหรือ? ทำไมกัน?”
“ก็ต้องมีเรื่องที่จะบอกเจ้านะสิ ตอนนี้ท่านพ่อได้ประกาศให้พี่ใหญ่และข้าเป็นผู้รับผิดชอบกองทหารม้าทั้งหมดของสามอาณาจักรชั่วคราวแล้ว ส่วนท่านได้ออกเดินทางไปยังเมืองซิวต้า เพื่อเข้าเฝ้าองค์ราชาเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราเพิ่งปรึกษากันไปวันนั้น”
ผมถอดหมวกของตัวเองออก ก่อนจะกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ท่านลุงช่างเป็นคนที่ใจร้อนไม่น้อยเลย ข้านี้ก็จริง ๆ เลย หางานให้ผู้อาวุโสต้องเหนื่อยจนได้”
ซานหยุนถอนหายใจ “อันที่จริง ถึงแม้ว่าท่านพ่อจะไม่ได้กล่าวออกมา แต่ข้าก็รู้ว่าท่านผู้เฒ่าต้องการที่จะสงบศึกเช่นกัน มีเพียงแต่ผู้กระหายสงครามจำนวนไม่มากเท่านั้น ที่ต้องการจะอยู่ในโลกที่สับสนวุ่นวาย และเต็มไปด้วยการสู้รบตลอดเวลา อ้อจริงสิ! ข้าได้ยินว่าการรักษาของเจ้าได้ผลออกมาไม่ดีนัก ข้าจะช่วยหาหมอฝีมือดีมาอีก ลองดูว่าพวกเขาจะช่วยเจ้าได้หรือไม่”
“ขอบคุณพี่ใหญ่ซานหยุนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คงไม่จำเป็นหรอก แตรของเทพแห่งท้องฟ้าของซิวซือยังไม่สามารถรักษาอาการของข้าให้หายไปได้ ข้าสงสัยว่า บรรดาหมอทั่วไปจะมีความสามารถมากกว่านั้นไปได้อย่างไร เจตนาดีของท่านนั้นข้าขอรับเอาไว้ด้วยใจ แต่ไม่คิดที่จะตั้งความหวังอะไรอีก มันจะรับได้ยาก ถ้าต้องเผชิญกับความผิดหวังซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง”
เขาได้แต่กล่าวออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร! คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างไปพักผ่อนกันหมดแล้ว แต่เจ้าคงยังไม่ได้กินข้าว ข้าก็เช่นกัน อย่างนั้น พวกเราพี่น้องออกไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า”
ผมได้แต่ถามออกไปอย่างงุนงง “วันนี้ท่านไม่ต้องทำงานหรอกหรือ? มีเวลาว่างพอที่จะอยู่เป็นเพื่อนข้าได้อย่างไร?”
เขายิ้มออกมา “ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุอันใด แต่กองทัพผสมของเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรกายได้ถอยทัพออกไป 15 กิโลเมตร ตอนนี้พี่ใหญ่กำลังจับตาดูอยู่ที่แนวหน้า ทำให้ข้าสามารถมีเวลาพักผ่อนได้บ้างเล็กน้อย”
ระหว่างมื้ออาหาร ผมได้เอ่ยถามเขาขึ้นมา “พี่ใหญ่ซานหยุน ถ้าอาณาจักรซิวต้าของท่านตกลงที่จะร่วมเจรจาแล้ว ขั้นตอนต่อไปควรจะเป็นอย่างไร?”
ซานหยุนเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองที่ผมอย่างจริงจัง “น้องชาย! เจ้าต้องการจะทดสอบข้าอย่างนั้นหรือ? จากท่าทางของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีแผนเด็ดอยู่ในใจแล้วใช่หรือไม่?”
ผมได้แต่เกาศีรษะตัวเองอย่างขัดเขิน “ถึงแม้ว่าข้าพอจะมีแผนการบางอย่างอยู่บ้าง แต่ข้าก็ยังอยากได้ความเห็นจากท่านก่อนอยู่ดี”
เขากล่าวออกมาอย่างจริงจังแล้ว “ถ้าองค์ราชาตกลงที่จะยอมเจราจาในครั้งนี้ ขั้นต่อไปพวกเราก็ต้องเกลี้ยกล่อมอีกสองอาณาจักร ถ้านับเฉพาะอาณาจักรต้าลู่ มันไม่น่าจะใช่เรื่องที่ยากเย็นมากนัก เจ้าน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ว่าอาณาจักรต้าลู่นั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างอยู่”
ผมพยักหน้าด้วยสายตาที่ลุกโชน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาพร้อม ๆ กับเขา “อาณาจักรสงบสุข!”
ซานหยุนกล่าวต่อ “เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นอาณาจักรที่สงบสุข ไม่มีทางที่จะอยากให้มีสงครามอย่างแน่นอน พวกเขาจะต้องเลือกยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกเรา ถ้าโน้มน้าวพวกเขาอย่างมีเหตุผล และหลังจากนั้น ก็จะถึงคราวของอาณาจักรอ้ายเซี่ย ซึ่งก็จะไม่ใช่เรื่องอยากแล้ว แต่เจ้าต้องจัดการเรื่องหนึ่งให้สำเร็จก่อน”
ผมสงสัย “เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก “ต้องยืนยันความคิดของกองทัพผสมนั่นให้ได้เร็วที่สุด มันมีคำกล่าวอยู่ว่า ‘กองทัพจะจดจำคำสั่ง ไม่จดจำคน’ ถ้ากองทัพผสมของเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรกายไม่ฟังการสั่งการของเจ้าหญิง และยังยืนกรานที่จะโจมตีป้อมปราการนี้เหมือนเดิม สิ่งที่เจ้าพยายามทำทั้งหมด จะกลายเป็นการสูญเปล่าไปในทันที ดังนั้น! ก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะกลับมาพร้อมกับการตัดสินใจขององค์ราชา เจ้าต้องทำให้มู่จือควบคุมกองทัพอีกฝ่ายให้ได้ มันจะเป็นการดีที่สุด ถ้าพวกเราสามารถยืนยันการตัดสินใจของพวกเขาได้ก่อนที่การเจรจาจะเริ่มต้นขึ้น”
สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นมีเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง และผมก็ละเลยในจุดนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ถ้ากองทัพพันธมิตรเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรกายไม่ยอมรับฟังคำสั่งถอยจากมู่จือ ผมจะต้องจัดการอย่างไรดี?
“พี่ใหญ่ซานหยุน สิ่งที่ท่านกล่าวออกมานั้นตรงประเด็นเป็นอย่างยิ่ง พวกเราจะออกไปจัดการเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้เลย เรื่องอย่างนี้ จัดการได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”
เขาพยักหน้าเห็นด้วย “หลังจากมื้อเย็น ข้าจะนำพวกเจ้าไปที่ประตูฝั่งตะวันออก โดยจะใช้การลาดตระเวนเป็นข้ออ้างในการส่งพวกเจ้าออกจากป้อมปราการไป แต่ต้องจำเอาไว้ให้ดี รีบกลับมาให้เร็วที่สุด ข้าไม่อยากให้เหตุการณ์ปะทะกันใหญ่แบบนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง”
หลังจากจบมื้ออาหารนั้นแล้ว ผมรีบตรงไปที่ห้องของเค้อหลุนตัวทันที เขากำลังหลับสนิทอยู่เลยทีเดียว ไม่แม้แต่จะรับรู้เลยว่ามีคนบุกเข้ามาในห้องของเขา ยอดฝีมือประเภทไหนกันเนี่ย?
ผมส่งลูกบอลน้ำไปที่ใบหน้าของเขาทันที นี่เป็นวิธีปลุกผู้คนที่ได้ผลดีที่สุด แน่นอน! ผมเรียนรู้เรื่องนี้มาจากแม่ของตัวเอง
“ฝนตก! เป็นไปไม่ได้! ฝนจะมาตกในห้องได้อย่างไร? หวา!! จางกง ทำไมเจ้าถึงเจ้ามาอยู่ในห้องนี้ได้?”
ผมกลั้นหัวเราะ ก่อนจะกล่าวกับเขา “มาเพื่อปลุกเจ้านะสิ รีบลุกขึ้นมาก่อน มีเรื่องสำคัญจะต้องปรึกษากันด่วน”