ตอนที่ 41 ไม่ได้เงินคืน
แต่ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นให้เจี่ยนเหลียงหรือหนังวัวแผ่นนั้น หลิงฮั่นจุนจะตามหามันให้เจอแล้วฆ่าทิ้งซะ
“ปลอมตัว นี่อาจเป็นปัญหาเล็กน้อย”
จ้าวเฉิงจี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ามีคนจะแนะนำให้พี่หลิง เขามีความรู้มากมายเกี่ยวกับวิชาปลอมตัว บางทีเขาอาจช่วยพี่หลิงได้”
“โอ้ เป็นใคร?” หลิงฮันจุนเลิกสนใจ
“อดีตมือปราบของอำเภอผิงหยิน ซิงเหวินเซียง” จ้าวเฉินจี้พูดด้วยรอยยิ้ม
งานเลี้ยงตระกูลจ้าวจบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนแยกย้ายกันจากไป
ตำแหน่งในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เฉินเฟยยังคงเป็นรองผู้ดูแล ตระกูลจ้าวยังไม่มีผู้ดูแลที่เหมาะสมดังนั้นเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยไว้ตามเดิม
จากมุมมองของตระกูลจ้าว ในสถานการณ์แบบนี้ย่อมไม่มีใครกล้าเล่นตลกแน่นอน ผลลัพธ์ของตระกูลจ้าวยังคงแสดงให้เห็นอยู่
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า กองทัพกบฏไม่ได้ออกจากอำเภอผิงหยินหลังได้รับเสบียงแต่ยังคงอยู่ต่อซึ่งเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคน
ที่ว่าการอำเภอเหลือเพียงชื่อเท่านั้น ผู้มีอำนาจแท้จริงในอำเภอผิงหยินกลายเป็นกองทัพกบฏ
ตระกูลในอำเภอผิงหยินตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก พวกเขาคิดเสมอว่ากองทัพกบฏจะออกไปหลังผ่านไประยะหนึ่ง แต่สุดท้ายกองทัพกบฏในอำเภอผิงหยินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกองกำลังขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ที่อื่น
กองทัพกบฏนี้มาปล้นเสบียงแล้วส่งกลับไปให้กองทัพหลัก ท้ายที่สุดแล้วหากราชสำนักหยุดชะลออยู่ที่อื่นก่อน การจัดการกองทัพกบฏในอำเภอผิงหยินคงเป็นเรื่องง่ายดาย
แต่คิดไม่ถึงว่ากองทัพกบฏจะอยู่ต่อและเข้ายึดทุกอย่างในอำเภอผิงหยิน
ประตูเมืองถูกเปิดออก เสบียงเริ่มหมุนเวียนในปริมาณจำกัด ร้านค้าในอำเภอผิงหยินเปิดตามปกติ ทุกอย่างดูเหมือนเดิม
แต่ทุกคนรู้ดีว่าทุกอย่างแตกต่างจากเดิม
เหตุการณ์เผาฆ่าปล้นลดลงเมื่อเทียบกับไม่กี่วันก่อน แต่มันยังคงเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและเป็นฝีมือของกบฏ
แม้จะมีคนอยู่ภายใต้ถานเจิ้นอัน แต่องค์ประกอบของกองทัพกบฏนั้นซับซ้อนมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับใช้ข้อห้าม และต่อให้ทหารกองทัพกบฏจะทำผิด ผู้ที่ลงโทษย่อมเป็นกองทัพกบฏเอง
มันเป็นการลงโทษอย่างยุติธรรม หากมีเรื่องผิดปกติ
สำหรับคนอื่นที่กล้าเผาฆ่าปล้น พวกเขาจะถูกฆ่าทันที
โอสถทั้งหมดในอำเภอผิงหยินโดยเฉพาะโอสถในการบ่มเพาะจะถูกเรียกเก็บ ในแต่ละเดือนต้องมอบโอสถให้เพียงพอ ส่วนที่เหลือจึงกระจายออกไปได้
มีทรัพยากรอย่างอื่นเช่นกัน แม้จะไม่เกินจริงเท่าโอสถ แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับกองทัพกบฏเป็นอย่างแรก
กองทัพกบฏมอบตำลึงเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นสัญลักษณ์ และมันก็เป็นเช่นนั้น
ผู้คนจากตระกูลต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคาดหวังถึงผลลัพธ์เช่นนี้ นี่เป็นการเลี้ยงดูพวกเขาโดยการจองจำและให้ทำงานหนักเพื่อกองทัพกบฏ
ไม่มีใครคาดคิดถึงผลลัพธ์นี้ ด้วยการผนวกตระกูลก่อนหน้านี้ อำเภอผิงหยินซึ่งไม่แข็งแกร่งอยู่แล้วจึงยิ่งอ่อนแอลงไปอีก แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะต่อต้านได้
ย้ายตระกูลออกจากอำเภอผิงหยิน?
ไม่มีตระกูลไหนกล้าทำแบบนั้น มันเป็นแบบเดียวกับทาสในตระกูลที่ต้องการหลบหนี หากถูกจับได้จะถูกเฆี่ยนจนตาย หากตระกูลกล้าออกจากอำเภอผิงหยินในเวลานี้ ผลที่ตามเมื่อถูกจับได้จะเป็นเช่นนั้น
คนคุ้มกันประตูเมืองทั้งสี่ถูกแทนที่ด้วยทหารกบฏ ใครก็ตามที่มีความสามารถอย่าได้แม้แต่คิดจะออกจากอำเภอผิงหยิน
มีเพียงคนธรรมดาไร้ความสามารถเท่านั้นที่สามารถเข้าออกอำเภอผิงหยินได้
ดูเหมือนว่ากองทัพกบฏจะมองอำเภอผิงหยินเป็นจุดส่งเสบียงหรือสถานที่ทดสอบ ท้ายที่สุดแล้วถ้าต้องการเติบโตก็ไม่สามารถแตกหักกับพวกเขาได้
ตระกูลจ้าวเริ่มให้เจ้าหน้าที่ไปประจำการในศูนย์การแพทย์เพื่อกระตุ้นการจัดเตรียมโอสถ เฉินเฟยมีงานมากมายที่ต้องทำ แต่เงินที่เขาได้รับนั้นไม่มีส่วนแบ่งตามปกติ มีเพียงค่าจ้างพื้นฐานเท่านั้น
ตอนนี้ตระกูลต่างๆล้วนมีรายได้น้อยลง ดังนั้นพวกเขาจะให้ผู้อื่นมากขึ้นได้อย่างไร กองทัพกบฏเอาเปรียบพวกเขา พวกเขาจึงต้องเอาเปรียบคนอื่น
เฉินเฟยไม่ขัดขืนและให้ความร่วมมือในการหลอมโอสถอย่างดี ทุกครั้งที่มีคนจากตระกูลจ้าวมาหา เฉินเฟยจะดูเหนื่อยล้าเสมอ
ใบหน้าเขาซีดขาวและเท้าอ่อนแรงราวกับกำลังจะล้มลงในเวลาต่อไป สิ่งสำคัญคือเฉินเฟยสามารถส่งโอสถได้เต็มจำนวนทุกวันโดยไม่มีข้อบกพร่อง
คนตระกูลจ้าวรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ส่วนใหญ่เป็นเพราะกลัวว่าเฉินเฟยจะล้มลง พอถึงตอนนั้นอาจเกิดช่องว่างในการส่งโอสถและพวกเขาจะกลายคนที่จะประสบเคราะห์ร้ายในตอนท้ายเสียเอง
ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มให้เงินมากขึ้นและมอบอาหารเลิศรสแก่เฉินเฟยโดยหวังว่าเขาจะต้านทานความอ่อนล้าจากการหลอมโอสถได้
ในเวลาเดียวกันเฉินเฟยไม่ต้องไปศูนย์การแพทย์อีกต่อไปและหลอมโอสถในลานบ้านตัวเองได้ พวกเขาจะมาส่งสมุนไพรและรับโอสถทุกวัน
ตอนกลางคืน เฉินเฟยส่งสมาชิกตระกูลจ้าวออกไปอย่างเหนื่อยล้า ทันทีที่ประตูปิดลงแผ่นหลังเฉินเฟยก็ยืดตรงตามปกติ ใบหน้าเหนื่อยล้าหายไปทันที
โลกภายนอกเห็นการหลอมโอสถฟื้นฟูของเฉินเฟยอยู่ในระดับเชี่ยวชาญเท่านั้น ปริมาณโอสถที่หลอมได้อยู่ในระดับปานกลาง ดังนั้นเฉินเฟยจึงใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยามในการทำงานประจำวันให้เสร็จสิ้น จากนั้นจึงนำสมุนไพรที่เหลือไปใช้เอง
การกลั่นโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพในปริมาณมากได้ยกระดับความชำนาญโอสถจิตเบาไปสู่ระดับสมบูรณ์ และคาดว่าจะถึงระดับรู้แจ้งในไม่ช้า
ดูแล้วชีวิตกำลังไปได้ด้วยดี?
แต่เฉินเฟยยังคงมองหาวิธีออกจากอำเภอผิงหยินไปเมืองอื่น
เมื่อเร็วๆเนื้อเน่าติดกระดูกที่แขนเฉินเฟยเริ่มแสดงอาการมากขึ้น สถานการณ์นี้เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งตอนไปไล่ลาซุนซู่ นี่แสดงให้เห็นว่าสิ่งแปลกประหลาดกำลังใกล้เข้ามา
ช่วงนี้เฉินเฟยอยู่แต่ในอำเภอผิงหยินและไม่มีสิ่งแปลกประหลาดอยู่รอบตัว แต่เนื้อเน่าติดกระดูกกลับแสดงอาการเช่นนี้นั่นจึงทำให้เฉินเฟยรู้สึกกังวล
ก่อนหน้านี้เฉินเฟยเคยคิดเปลี่ยนรูปลักษณ์แทรกซึมเข้าไปในกองทัพกบฏ ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ออกจากอำเภอผิงหยิน แต่คิดไม่ถึงว่ากองทัพกบฏจะไม่กลับไปซึ่งมันได้ขัดขวางแผนการของเฉินเฟยโดยตรง
“ช่วงนี้มีสิ่งแปลกประหลาดอยู่นอกเมืองหรือไม่?” ในตลาดมืด เฉินเฟยมองฉือเต๋อเฟิงแล้วถาม
“ใช่ ช่วงนี้มีสิ่งแปลกประหลาดออกมา”
ฉือเต๋อเฟิงพยักหน้า ตอนนี้เขาไม่สามารถจ้างผู้ลี้ภัยให้ออกไปนอกเมืองได้ นอกจากเรื่องที่ตระกูลเหล่านั้นให้เงินมากกว่า หลายคนยังกลัวการไปที่ภูเขาผิงหยิน
กองทัพกบฏจัดกองกำลังเข้าไปในภูเขาผิงหยินหลายครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้อะไรกลับมา
“หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นใช่ไหม?” เฉินเฟยพูดเสียงทุ้ม
“เร็วๆนี้มีคนกำลังเตรียมออกจากอำเภอผิงหยิน หากเจ้าต้องการออกไปด้วยข้าจะบอกให้เจ้ารู้เมื่อถึงเวลา!” ฉือเต๋อเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอก
“เท่าไร?”
“ไม่ถูกแน่นอน เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินบางทีอาจถูกเชือดทิ้ง เจ้าควรเตรียมตัวไว้ด้วย!”
“ได้!”
เฉินเฟยพยักหน้าถอนหายใจโล่งอก เพียงแค่หนีออกไปได้ก็พอ ส่วนเรื่องเงินเฉินเฟยไม่กล้าพูดว่ามีเยอะ ขอแค่ค่าเดินทางอยู่ในราคาที่รับได้
ตอนนี้เฉินเฟยสะสมโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพไว้จำนวนมากและวางแผนขายมันในตลาดมืด ตามสภาพตลาดโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพ ราคาได้มาถึงจุดสูงแล้ว ดังนั้นเฉินเฟยจึงไม่รออีกต่อไป
และเร็วๆนี้เฉินเฟยค้นพบฟังก์ชันยอดเยี่ยมของระบบซึ่งฝากได้แต่ถอนไม่ได้ หลังจากเติมเงินจะไม่ได้รับเงินคืนและสามารถใช้ทำเป็นแบบง่ายได้เท่านั้น
เป็นการสร้างความสุขจากเงินที่ได้จริงๆ!