ตอนที่ 320 อาหารของขนอุย
ตอนที่ 320 อาหารของขนอุย
ชั่วข้ามคืนสำนักข่าวทั่วทั้งพันธมิตรก็เริ่มรายงานเรื่องที่บริษัทควอนตัมได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกองทัพ แล้วมันก็เริ่มมีผู้ขุดคุ้ยประวัติของเซี่ยเฟยขึ้นมาเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานประชาชนก็เริ่มตระหนักว่าผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนนี้กลับมีประวัติที่ไม่ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด เพราะไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานระหว่างการประเมินระดับวิกฤตของสมาพันธ์จัสทิส, ข่าวการที่เขาได้หายตัวไปอย่างลึกลับในระหว่างที่เขาได้เข้าไปสำรวจซากอารยธรรมโบราณ, ข่าวที่เขาบุกหนีออกมาจากสังเวียนเลือดและสามารถโค่นล้มอำนาจมืดของฮุกที่มีมาอย่างยาวนานได้สำเร็จ รวมถึงผลงานการแข่งขันอันยอดเยี่ยมในระหว่างที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวบางคนยังขุดคุ้ยประวัติสมัยตั้งแต่ที่เขาอยู่บนดาวโลกตั้งแต่ที่เขาเป็นเด็กกำพร้าพยายามทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อหาเลี้ยงชีพ ทำให้ผู้คนทั่วทั้งพันธมิตรเหมือนได้เห็นภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจผ่านทางชีวิตของชายหนุ่ม เพราะเขาได้เติบโตขึ้นมาจากเด็กกำพร้าที่ยากจนจนได้กลายมาเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหาร
เรื่องราวชีวิตของเซี่ยเฟยไม่ต่างไปจากปาฏิหาริย์ แล้วมันก็มีหลาย ๆ คนเริ่มยึดถือชายหนุ่มเป็นไอดอล โดยหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกับชายหนุ่มคนนี้บ้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวเห็นว่าข่าวของเซี่ยเฟยกำลังได้รับความสนใจ พวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะสืบหาเรื่องราวของเซี่ยเฟยมากยิ่งขึ้น และมันก็มีปาปารัสซี่เป็นจำนวนมากถูกส่งออกไปประจำที่อยู่ของเขา แต่หารู้ไม่ว่าก่อนคนพวกนี้จะเดินทางมาชายหนุ่มก็ได้เดินทางออกไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากได้ร่ำลาแอวริล เซี่ยเฟยก็ออกเดินทางโดยไดมอสโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ภูมิภาคดาวมฤตยู
เซี่ยเฟยได้ตั้งชื่อยานอวกาศลำนี้ว่า ‘เบโอเนท’ เนื่องมาจากมันเป็นยานรบที่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้ในระยะประชิด นอกจากนี้มันยังมีรูปทรงเรียวแหลมคล้ายกับปลายมีด เขาจึงตั้งชื่อมันว่าเบโอเนทที่มีความหมายว่าดาบปลายปืน
ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ได้นำแวมไพร์เอาไปเก็บไว้ในห้องโดยสารของเบโอเนท เพราะถ้าหากว่าเขาได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น เขาก็อาจจะต้องนำยานรบลำเล็กลำนี้ออกไปทำการสู้รบ
แม้ว่าเบโอเนทกับแวมไพร์จะไม่ใช่ยานรบที่ทรงพลังที่สุดในพันธมิตร แต่พวกมันต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นยานรบที่มีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง โดยเบโอเนทเป็นยานรบที่มีอำนาจทำลายล้างอันบ้าคลั่ง ซึ่งแม้แต่ยานประจัญบานก็ยังไม่สามารถสร้างอำนาจในการยิงเท่ากับยานลำนี้ได้ ขณะเดียวกันแวมไพร์ก็เป็นยานที่มีลักษณะสู้รบอันชั่วร้าย โดยการดูดพลังงานของยานฝ่ายตรงข้ามให้มาเป็นพลังงานของตัวเอง
หลังจากมีประสบการณ์ขับยานรบมาสักพัก เซี่ยเฟยก็ตระหนักได้ว่ายานรบที่ยอดเยี่ยมของแต่ละคนไม่ใช่ยานรบรุ่นเดียวกัน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นรู้จักยานรบของตัวเองดีแค่ไหน และตราบใดที่พวกเขาสามารถใช้ยานรบออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยานรบลำนั้นก็ถือว่าเป็นยานรบชั้นยอดสำหรับกัปตันคนนั้นแล้ว
“เรื่องขนเสบียงไปถึงไหนแล้ว?” เซี่ยเฟยพูดกับซาร่าและบุชเชอร์ที่อยู่ในหน้าจอ
อุปกรณ์เสริมพลังชาร์จทั้ง 10,000 เครื่องยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มยานอุตสาหกรรม 2 ลำได้ เซี่ยเฟยจึงสั่งให้ซาร่ากับบุชเชอร์ขนเสบียงเพิ่มเข้าไปเพื่อเติมเต็มพื้นที่ในส่วนที่เหลือ
อย่าลืมว่าทุ่งดาวแห่งความตายกำลังตกอยู่ภายใต้สภาวะสงคราม มันจึงทำให้เสบียงเหล่านี้สามารถขายออกไปทำกำไรได้อย่างงามและถึงแม้ว่ากำไรก้อนนี้จะเป็นเงินไม่มากนัก แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยดูถูกเงินทองเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่แล้ว
“ของทั้งหมดถูกขนขึ้นยานเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เริ่มออกเดินทาง” ซาร่ากล่าว
“ฉันขอบอกเลยว่าแม้แต่ยานของเรายังถูกคุณซาร่าสั่งให้ขนเสบียงขึ้นมาด้วย” บุชเชอร์ที่อยู่บนหน้าจอด้านข้างกล่าวทั้ง ๆ ที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก ซึ่งด้านข้างของเขาก็ยังคงมีอาหารอยู่อีกมากคล้ายกับว่าในห้องโดยสารได้กลายเป็นร้านขายอาหารไปแล้ว
“ฉันได้รับคำสั่งมาให้ขนเสบียงไปให้ได้มากที่สุด ดังนั้นในเมื่อยานของคุณมีที่ว่างคุณก็จำเป็นจะต้องขนเสบียงออกไปตามคำสั่งด้วย” ซาร่ากล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
บุชเชอร์ยักไหล่โดยไม่พูดอะไร ซึ่งเซี่ยเฟยก็รู้ดีว่าชายฉกรรจ์คนนี้แค่พูดล้อเล่นขึ้นมาเท่านั้นเพียงแต่ซาร่าจริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไป เพราะท้ายที่สุดเธอก็เติบโตขึ้นมาในเขตดาววิลเดอร์เนส เธอจึงไม่ค่อยคุ้นชินกับการล้อเล่นระหว่างการทำงานมากนัก
“ขนเสบียงอาหารมาแบบนี้ด้วยไม่ดีรึไงพี่บุชเชอร์ อย่างน้อยพี่ก็มีอาหารกินตลอดทั้งทางเลยนะครับ แล้วหลังจากจบภารกิจในครั้งนี้พี่ก็อาจจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาสัก 2-3 กิโล” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เอาล่ะผมจะออกเดินทางไปยังจุดรวมพลแล้ว พวกคุณใช้โอกาสนี้ในการหยุดพักผ่อนก็ได้ หลังจากที่ผมได้ไปรวมกับพวกคุณที่จุดรวมพล พวกเราจะเริ่มออกเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยูทันที” เซี่ยเฟยกล่าว
“เซี่ยเฟย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” บุชเชอร์กล่าวขึ้นมาอย่างลังเล
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้บริษัทควอนตัมของนายได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A แล้วใช่ไหม? ซึ่งเรื่องนี้พี่น้องทุกคนรู้สึกยินดีกับนายมากและนายก็น่าจะรู้ว่าพวกเราต้องการที่จะจัดตั้งทีมสำรวจเพื่อมุ่งหน้าไปยังสวนเอเดน แต่ตามข้อบังคับของพันธมิตรทีมสำรวจจะต้องเป็นองค์กรกึ่งทหาร ทำให้พวกเราเดินเรื่องยื่นจดทะเบียนได้ยากมาก ฉันจึงอยากจะขอยืมชื่อบริษัทควอนตัมมาช่วยตั้งทีมสำรวจให้กับพวกเราหน่อยจะได้ไหม? ถ้าเรื่องนี้เป็นไปได้มันคงจะช่วยแก้ปัญหาที่ยุ่งยากให้ออกมาง่ายดายมากขึ้น”
ความจริงแล้วเซี่ยเฟยต้องการจะให้พวกบุชเชอร์คอยอยู่ช่วยเหลืองานบริษัทควอนตัม เพราะท้ายที่สุดพี่น้องที่หลบหนีออกมาจากสังเวียนเลือดเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้ผู้มีประสบการณ์ที่หาได้ยาก แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องการจะจัดตั้งทีมสำรวจเพื่อออกไปผจญภัยในจักรวาล
“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะฝากเรื่องให้คนจัดการเรื่องนี้ให้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ขอบใจมาก ฉันสัญญาว่าครั้งนี้พวกเราจะขนส่งสินค้าไปยังปลายทางได้อย่างราบรื่นแน่นอน” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
—
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก ซึ่งในระหว่างการเดินทางเซี่ยเฟยก็ได้พบกับปัญหาที่เหนือความคาดหมายนั่นก็เพราะว่าเจ้าขนอุยมันไม่ยอมกินอาหาร
ขนอุยลืมตาขึ้นมาดูโลกเป็นเวลากว่า 10 วันแล้ว แต่เจ้าหนูตัวเล็กนี่ไม่ยอมกินอะไรเลยนอกจากเลียนิ้วของเขา ซึ่งเซี่ยเฟยก็พยายามเอาอาหารให้มันกินทุกชนิดแล้ว แต่เจ้าขนอุยก็ยังคงเชิดหน้าอย่างเหยียดหยามคล้ายกับว่ามันไม่ต้องการจะกินอาหารชั้นต่ำพวกนี้
สิ่งมีชีวิตบางชนิดในจักรวาลสามารถที่จะดูดซับพลังงานจากสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังงานของตัวเองได้ ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่าเจ้าขนอุยเป็นสัตว์ชนิดไหนกันแน่ แล้วเขาก็เริ่มสงสัยว่าบางทีมันอาจจะเป็นสัตว์อสูรที่ไม่จำเป็นจะต้องกินอาหาร
จนกระทั่ง…
ขนอุยที่อยู่ในฝ่ามือเริ่มตัวสั่นขึ้นมาเบา ๆ แล้วขนสีขาวที่เคยสวยงามก็เริ่มกลายเป็นสีหม่นและในตอนนี้มันก็ดูอ่อนแอกว่าตอนที่มันเพิ่งลืมตาขึ้นมาใหม่ ๆ
เซี่ยเฟยพยายามป้อนนมโดยบังคับเทใส่ปาก แต่เจ้าตัวเล็กนี่ก็อาเจียนออกมาทันทีที่นมเข้าปากของมันไป นอกจากนี้มันยังมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่อ้อนวอนราวกับกำลังพยายามขอร้องว่าอย่าให้มันต้องดื่มนมเข้าไปอีกเลย
“เจ้าเด็กนี่มันจะเรื่องมากจนเกินไปแล้ว! ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่เคยได้กินนมดี ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยพูดออกมาอย่างหงุดหงิด
เมื่อขนอุยได้เห็นว่าเซี่ยเฟยกำลังโกรธมันจึงพยายามใช้ขนบนร่างกายซุกไซ้มือของชายหนุ่มด้วยท่าทางอันออดอ้อน ซึ่งท่าทางที่มันได้แสดงออกมานี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี
“เป็นไปได้ไหมว่าลักษณะการกินของขนอุยจะแตกต่างจากมนุษย์ ความเป็นจริงตามบันทึกของจารึกมนตราอสูรก็บอกว่าสัตว์แปลก ๆ บางชนิดก็กินแร่ธาตุเป็นอาหารด้วยเหมือนกัน ทำไมพวกเราถึงไม่ลองเอาก้อนแร่ออกมาให้มันกินดูล่ะ?” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยรีบวิ่งเข้าไปในห้องอาหารและหยิบแร่ธาตุทุกชนิดที่เขาหาได้มาวางกระจายเอาไว้บนโต๊ะ นอกจากนี้เขายังพยายามหาแร่ต่าง ๆ ในแหวนมิติออกมาวางกองเอาไว้บนโต๊ะเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้แต่เซเลสเชียลมูนซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเขาก็ยังไม่มีข้อยกเว้น
ขนอุยจ้องมองไปยังสิ่งต่าง ๆ อย่างไร้จุดหมาย และทันใดนั้นดวงตาของมันก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ปุ๋ง!
เจ้าสัตว์ตัวน้อยขยับร่างกายพุ่งเข้าหาก้อนแรกสีม่วง โดยที่ปากของมันเต็มไปด้วยน้ำลายที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
“อะไรนะ?! เจ้าตัวเล็กนี่มันกินหัวใจจักรวาลเป็นอาหารงั้นเหรอ!” อันธอุทานพร้อมกับจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“ฉันว่าครั้งนี้นายคงจะต้องหมดเนื้อหมดตัวไปจริง ๆ แล้วล่ะ”
***************
E-Book เล่ม 5 ตอนที่ 266-320 มาแล้วน๊า สามารถซื้อสะสมหรืออ่านกันได้ทางแอพ meb และปิ่นโตได้เลยนะคะและขอบคุณที่ติดตามผลงานกันน๊า
meb https://bit.ly/3NZ3Qca ปิ่นโต https://bit.ly/3M9vXUI