ตอนที่แล้วCD บทที่ 366 มากกว่าหนึ่งคน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 368 สายโทรศัพท์ที่คาดไม่ถึง

CD บทที่ 367 อะไรคือแรงจูงใจ?


เวลา 5 ทุ่มครึ่ง ณ แผนกสืบสวน สถานีหรงหยาง

จ้าวหยู่ได้เล่าสิ่งที่เขาได้ยินจากฝูเจียนซิงจากห้องน้ำหญิงให้เหล่านักสืบฟัง เพื่อหลอกลวงกลุ่มนักสืบ เขาได้เล่าเรื่องเกินจริงและเล่าให้พวกเขาฟังอย่างตื่นเต้น โดยอธิบายว่าตัวเองเป็นเชอร์ล็อก โฮมส์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่

เหล่านักสืบต่างไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาก็ถูกหลอกโดยจ้าวหยู่ พวกเขาจึงให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับเรื่องราวของเขา และยังชมเชยถึงความเก่งกาจของเขาด้วย

แต่มีเพียงเหมี่ยวอิงเท่านั้นที่พบว่ามันแปลก เธอขัดจังหวะจ้าวหยู่อย่างรวดเร็วและเถียงว่า

“จ้าวหยู่ ทำไมมันฟังดูแปลก ๆ แบบนี้ล่ะ? ตอนที่คุณคุยโทรศัพท์กับฉัน คุณไม่ได้เล่าแบบนี้นี่น่า คุณกล้าดียังไงถึงไม่รายงานทั้งหมด? คุณอยากจะโดนฉันอัดจนกลับไปนอนที่โรงพยาบาลอีกรึไง?”

เมื่อมองไปที่กำปั้นของเหมี่ยวอิง จ้าวหยู่ก็หยุดโม้และพนมมือขอโทษทันที

“ผู้กองเหมี่ยว สำนักเทศบาลกำลังจะทำอะไร? พวกเขากลับไปกลับมาอยู่ตลอดเลย พวกเขากำลังปั่นหัวพวกเราเล่นอยู่หรือไง” เหลียงฮวนบ่นอย่างไม่พอใจ “คุณบอกฉันว่าตอนนี้มันดึกแล้วแถมยังฝนตกหนัก พวกเขาจึงต้องการให้พวกเราอยู่เฉย ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรอรับคำสั่งที่จะมาถึงงั้นเหรอ? นี่มันหมายความว่ายังไง?”

“เราไม่มีทางเลือก!” เหมี่ยวอิงกล่าว “มีคำสั่งที่เหนือกว่าพวกเขาอีกที จริง ๆ แล้วอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้ มันคงจะดีกว่าที่ไม่มีภาพของตำรวจแต่ละสถานีต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงภาพจากกล้องวงจรปิดในที่ช่วงที่นักโบราณคดีทั้งสามคนหายตัวไป

หากภาพนั้นหลุดออกไปในที่สาธารณะ ภาพลักษณ์ของตำรวจคงไม่ต่างจากตัวตลกของประชาชน”

“ส่วนเรื่องคดี พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันได้ยินมาจากคนรู้จักของฉัน หลังจากที่ทีมสืบสวนของสำนักเทศบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาก็จะเป็นผู้สอบสวนหลักในคดีนี้ พวกเขายังคงแบ่งปันข้อมูลกับทุกสถานี ถึงเราจะไม่สามารถตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ แต่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่พวกเขาแบ่งปันกับเรา และตรวจสอบเพิ่มเติมตามสัญชาตญาณของเราเองได้”

“ดังนั้น การแข่งขันสุดบ้าระห่ำนี้จึงยังดำเนินต่อไป แทนที่จะมีตัวแทนไม่กี่คน กลับกลายเป็นทั้งสถานีแทน ถ้าอย่างนั้น ใครก็ตามที่ค้นพบความจริงได้ก่อนและจับกุมฆาตกรได้สำเร็จ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะอย่างภาคภูมิ!”

"น่าสนใจดีนี่!" ต้าเฟยถกแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า “คดีนี้น่าสนใจมาก และวิธีการสืบสวนก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เรามาไขคดีให้เสร็จก่อนพวกเขากันเถอะ ให้พวกเขารู้ว่าของจริงมันเป็นยังไง!”

“ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ!” จางจิงเฟิงดูไม่ค่อยพอใจ “มันจะอร่อยกว่าเมื่อคุณต่อสู้เพื่ออาหาร แต่นี่เป็นการสืบสวนคดีคุณจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร? ด้วยความโกลาหลเช่นนี้ มันอาจทำให้หลักฐานสำคัญไปตกหล่นไป พูดง่าย ๆ ก็คือ แผนกสืบสวนของสำนักเทศบาลไม่ได้เก่งกาจพอที่จะทำให้ฉันสบายใจได้เลย”

“ผู้กองเหมี่ยวคะ!” หลี่เบ่ยหนียกมือขึ้นทันทีและพูดว่า "หลันโบได้ส่งข้อมูลอัปเดตจากหยุนหยางมาแล้วค่ะ ตอนนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดได้ถูกอัปโหลดไปยังเว็บไซต์ภายในของเราโดยสำนักเทศบาล เราสามารถดูพวกมันได้แล้วค่ะ!”

"เข้าใจแล้ว!" เหมี่ยวอิงส่งคนไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทันที จ้าวหยู่ไม่ลืมที่จะบอกให้พวกเขามุ่งเน้นไปที่ช่วงเวลาก่อนที่ตงเป่ยโจวจะเสียชีวิต

“รุ่นพี่ คุณทำให้ฉันประทับใจจริง ๆ” หลี่เบ่ยหนีชมเชยจ้าวหยู่ “เมื่อก่อนคุณออกจะ… เอ่อ... แต่ตอนนี้คุณน่าทึ่งมาก คุณสามารถบอกได้ว่าศพนั้นตายไปนานแค่ไหนแล้ว เมื่อก่อนฉันไม่สามารถบอกได้ว่าคุณเก่งแค่ไหนเนื่องจากการแสดงของคุณ”

“คุณกำลังพยายามจะบอกว่าฉันดูเป็นนักเลงในตอนนั้นเหรอ?” จ้าวหยู่พูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “มีหลายสิ่งที่เธอไม่สามารถบอกได้ เร็วเข้า ไปชงกาแฟให้รุ่นพี่ของคุณ เอาเหมือนเดิม น้ำตาลสองซอง”

"รับทราบค่ะ!" หลี่เบ่ยหนีออกจากที่นั่งทันที

“อั๊ยยะ ฉันมาแล้ว! ขอโทษนะที่มาช้า!”

ขณะที่หลี่เบ่ยหนีเพิ่งจากไป และมีคนเข้ามาทางประตูพร้อมกับถือร่มของเขา เขาคือหัวหน้าทีม A ซึ่งตอนนี้เขากลายหัวหน้าทีมคนปัจจุบันของทีม B เหมาเว่ย

เหมาเว่ยกลับมาทำงานในเวลาไล่เลี่ยกับจ้าวหยู่ อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาฟื้นตัวเต็มที่แล้ว และเขาสามารถเดินได้อย่างอิสระ แม้ว่าเหมาเว่ยจะเคยเผชิญหน้ากับเหมี่ยวอิงและจ้าวหยู่มาก่อน แต่เขาก็มีอุปนิสัยที่ดีซึ่งช่วยให้เขาเข้ากับคนอื่นได้ง่าย

หลังจากกลับไปทำงาน เหมาเว่ยเข้าพบเหมี่ยวอิงและขอโทษขอโพยกัน ในเวลาเดียวกัน เขาพบจ้าวหยู่และแสดงความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับเขาอย่างกลมกลืนและสนับสนุนซึ่งกันและกัน อันที่จริง ทั้งจ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงไม่มีความขัดแย้งใด ๆ กับเหมาเว่ย

เมื่อมองไปที่ความจริงใจของเหมาเว่ย ทั้งสองคนไม่มีเหตุผลที่จะขัดแย้งกับเขา ทั้งสามคนคืนดีกันและทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง แผนกสืบสวนจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง

“ฝนมันตกหนักในระหว่างทางน่ะ” เหมาเว่ยยังคงมองหาข้อแก้ตัวที่มาสาย “เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียกรถแท็กซี่! โอ้ ผู้กองเหมี่ยว ฉันได้ยินระหว่างทางไปสถานีตำรวจ คดีที่คนทั้งเมืองจับจ้องเป็นอย่างไรบ้าง? มีอะไรอัพเดทไหม?”

เมื่อฟังคำถามของเหมาเว่ยแล้ว เหมี่ยวอิงก็อัปเดตข้อมูลล่าสุดทั้งหมดให้เขาทราบ

“อั๊ยยะ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ!” เหมาเว่ยเกาหัวแล้วพูดว่า “นักโบราณคดีจากทางการมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกโจรปล้นสุสาน นี่น่าจะเป็นเรื่องอื้อฉาวใช่ไหม?”

“เหมา คุณเป็นหัวหน้าทีม! คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณพูด หากพวกสื่อได้ยิน แล้วพวกสำนักโบราณวัตถุรู้เข้าล่ะก็ พวกเขาเล่นคุณหนักแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า” จางจิงเฟิงพูดติดตลก “แต่เท่าที่ดู คำถามคงไม่ยากที่จะอธิบาย มันไม่แปลกที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น”

“บางทีนะสาเหตุที่นักโบราณคดีทั้งสามคนต้องโกหกคนที่บ้าน เพราะพวกเขาต้องการตรวจสอบบางสิ่งในป่าโดยไม่ต้องการให้คนที่บ้านกังวล

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังตรวจสอบ พวกเขาบังเอิญเจอกลุ่มโจรปล้นสุสาน นั่นทำให้กลุ่มโจรปล้นสุสานก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฆ่าพวกเขา ถ้าเราสามารถจับกุมโจรปล้นสุสานได้ คดีก็จะสิ้นสุดลงทันที!” จางจิงเฟิงกล่าว

“จาง มันฟังดูแปลก ๆ นะ มันดูง่ายเกินไป” เหลียงฮวนคัดค้าน “เพื่อตรวจสอบบางอย่าง ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่บอกครอบครัวของคุณ แต่อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็น่าจะให้คนที่หนุ่มกว่าในหน่วยงานมาตรวจสอบแทน พวกเขาต่างก็อายุมากแล้ว คงไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรห่าม ๆ อย่างนี้

และที่สำคัญมีเพียงศพเดียวเท่านั้น อีกสองคนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าหากกลุ่มโจรปล้นสุสานฆ่าหนึ่งในนั้น พวกเขาก็อาจจะฆ่าอีกสองคนด้วยเช่นกัน แล้วอีกสองคนอยู่ไหนล่ะ?”

“บางที” จางจิงเฟิงเดาอีกครั้ง “พวกโจรปล้นสุสานรู้สึกประทับใจในความรู้อันมากมายของพวกเขา และตัดสินใจที่จะเก็บพวกเขาไว้เพื่อช่วยพวกเขาในการตรวจสอบโบราณวัตถุที่ขุดพบ”

"ผิดแล้ว! คุณไม่เข้าใจเกี่ยวกับพวกเขาเลย!“เหลียงฮวนพูดอย่างเคร่งขรึม”ฉันจะบอกคุณไว้ โดยปกติแล้ว พวกเราไม่ค่อยได้ยินว่าพวกโจรฆ่าคนตาย โจรปล้นสุสานก็เป็นโจรเหมือนกัน พวกเขาไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ ถ้าพวกเขามีทางเลือกจริง ๆ พวกเขาจะไม่มีวันคิดที่จะฆ่าใครสักคน!”

“จากข้อมูลที่ฉันได้ค้นคว้ามา สุสานโบราณที่เพิ่งขุดค้นพบก็แทบจะไม่มีอะไรแปลกประหลาดเลย พวกเครื่องปั้นดินเผา เครื่องลายคราม หยก เหรียญทองแดง และทองคำบางส่วน สุสานโบราณเช่นนี้เมื่อเทียบกับสุสานขุนนางแล้ว มันแทบจะไม่มีอะไรเลย!”

“ดังนั้นแล้ว มันไม่คุ้มเลยที่จะทำอย่างนั้น หากพวกเขาบังเอิญไปเจอใครเข้า พวกเขาคงจะยอมทิ้งสุสานโบราณดีกว่ายอมถูกจับได้ และพวกเขาก็จะไม่ฆ่าใครเพื่อสุสานนั้นเช่นกัน ลองดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การปล้นหลุมศพแล้ว คุณแทบจะไม่ได้รับโทษที่รุนแรง มันไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ!”

ฟังการวิเคราะห์ของเหลียงฮวนเกี่ยวกับโจรปล้นสุสาน และสุสานโบราณ เหมี่ยวอิงก็เริ่มครุ่นคิด นับตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเหยื่อเป็นนักโบราณคดี เธอก็เกิดความสงสัยคล้าย ๆ กัน เธอรู้สึกว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เบื้องหลังคดีฆาตกรรมสุสานแปลกประหลาด ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ชวนน่าสงสัยมากขึ้นทุกที

เหมือนว่ามันจะกลายเป็นนิสัย เมื่อทุกครั้งที่เธอหลงทาง เธอจะมองหาจ้าวหยู่โดยสัญชาตญาณ และทุกครั้งจ้าวหยู่จะสามารถมองหาสมมติฐานที่ไม่เหมือนใครของเขาเอง และแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับคดี เมื่อมองไปรอบ ๆ เหมี่ยวอิงพบว่าจ้าวหยู่กำลังจดจ่ออยู่กับจอคอมพิวเตอร์ของเขาอย่างตั้งใจ

“จ้าวหยู่ คุณกำลังมองอะไรอยู่น่ะ?” เหมี่ยวอิงถามเขาและเดินไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างแรงกล้าของเธอ

ในขณะเดียวกัน หลี่เบ่ยหนีก็ชงกาแฟเสร็จแล้วและวางไว้ต่อหน้าจ้าวหยู่ เมื่อสองสาวมองไปที่จอภาพของจ้าวหยู่ พวกเธอก็เห็นภาพศพผู้หญิงซึ่งสวมชุดจีนสีแดงโบราณ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด