บทที่ 35
บทที่ 35
“นี่มัน... หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ!?” เห็นเจ้าสิ่งนี้สวี่หู่ตกใจทันที
“บริวารอ่านตำรามาเพียงน้อยนิด ด้วยความรู้ที่มี เกรงว่าคงทำให้นายน้อยต้องหัวเราะเยาะแล้ว”
“แต่อย่างหนึ่งที่บริวารมั่นใจ เจ้าสิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป บริวารรับไม่ไหว ...” สวี่หูยิ้มกระอักกระอ่วน ผลักกล่องไม้กลับมาอย่างฝืนกลืน
“นายน้อย สมบัติชิ้นนี้เลอค่านัก ไม่ใช่ว่าข้ารับไม่ไหว แต่ท่านสมควรนำมันไปใช้เอง ....”
ยังไม่ทันรอให้สวี่หวู่พูดจบสวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย “ไม่ว่าจะในเรื่องพลังรบหรือความภักดี พวกเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะรับมัน อีกอย่างคนตระกูลสวี่สมควรได้รับการสนับสนุน ต่อไปพวกเจ้าจะได้กลายเป็นกระดูกสันหลังของตระกูล”
“นี่…” สวี่หูยังคงลังเลอยู่บ้าง
“ฟังนะ เหลือเวลาอีกสิบกว่าวันก่อนงานประลองเกณฑ์ทหาร หากมีเจ้าสิ่งนี้และพยายามอย่างหนัก พวกเจ้าน่าจะทะลวงคอขวดได้ทัน”
“สวี่หวู่”
“ขอรับนายน้อย”
“สิบกว่าวันนี้ เจ้ามั่นใจไหมว่าจะทะลวงคอขวดได้?”
“เฮ่ะ เฮ่ เรียนนายน้อย อันที่จริงบริวารพยายามมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอสถระดับสูงที่ช่วยสนับสนุน แต่เมื่อนายน้อยมอบหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ บริวารมั่นใจอย่างน้อย 7 ในสิบส่วนว่าจะประสบความสำเร็จ” สวี่หวู่ยิ้มเล็กน้อย ประกายของความมั่นใจสะท้อนในดวงตา
“ดีมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจงปิดด่านฝึกตน หากสามารถเลื่อนขั้นไปยังขอบเขตรวมวิญญาณสำเร็จ เรานายน้อยจะมีรางวัลเพิ่มให้” สวี่ล่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“นายน้อย เช่นนั้นพวกข้าขอลา” สวี่หูพูดจบก็เก็บกล่องไม้ แล้วเตรียมตัวกลับไปพักผ่อนในห้องตัวเอง
“สวี่หู”
“ขอรับ”
“พลังรบของเจ้ามาถึงขอบเขตรวมวิญญาณแล้วก็จริง แต่รากฐานยังไม่มั่นคง ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็ปิดด่านฝึกตนด้วย เพื่อวางรากฐานให้แน่น”
“ขอรับ นายน้อย” สวี่หูพยักหน้ารับปาก
“อ้อใช่ ในกล่องนั้นยังมีหินประสานค่ายกลอีกสามก้อน หนึ่งสำหรับโจมตี , หนึ่งสำหรับป้องกัน และก้อนสุดท้ายสำหรับสนับสนุน จงสงวนไว้ใช้ในงานประลอง จดจำไว้ว่าความปลอดภัยของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อคู่ต่อสู้ของเจ้าแก่กล้าเกินกำลัง จงอย่าตระหนี่”
สวี่ล่ายกําชับและสั่งสอน ไม่ต้องการให้ลูกน้องที่เขาฝึกฝน ตายเพราะอยากประหยัด
“ขอรับ นายน้อย”
“ขอรับ นายน้อย”
สวี่หูและสวี่หวู่เก็บหินประสานค่ายกลอย่างมีความสุข จากนั้นกลับไปยังที่พักของตัวเอง และเริ่มฝึกฝนด้วยพลังทั้งหมดที่มี
เมื่อจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยสวี่ล่ายตั้งใจที่จะหลอมหินประสานค่ายกลอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน อาวุธระดับสมบัติขั้นสูงอย่างง้าวกรีดนภา มันเหมาะเป็นวัสดุให้ดาบกระหายเลือดกลืนกินพอดี ดังนั้นเขาอยากรู้ว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร
“จุ๊จุ๊จุ๊ อาวุธระดับสมบัติขั้นสูง มันไม่ธรรมดาจริงๆ” สวี่ล่ายถือง้าวกรีดนภาในมือ แอบว้าวอยู่ในใจ
เห็นแค่เพียงเหนือของอาวุธระดับสมบัติขั้นสูง รัศมีความผันผวนที่เปล่งออกมานั้นแตกต่างจากขั้นกลางมากนอกจากนี้ วัตถุดิบของอาวุธระดับสมบัติขั้นสูงเองก็มีค่ามากกว่าอาวุธขั้นกลางเช่นกัน
“แม้ว่าจะน่าเสียดาย แต่สิ่งนี้เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ เช่นนั้นนำมันไปทดสอบดูดีกว่า”
ตัดสินใจได้แบบนี้ สวี่ล่ายหยิบดาบกระหายเลือดออกมา จากนั้นฉีดปราณบริสุทธิ์เพื่อเปิดใช้งาน
หึ่ง หึ่ง!
ดาบกระหายเลือดถูกเปิดใช้งาน ใบดาบที่แต่เดิมเป็นสนิมและแตกหัก ทันใดนั้นพุ่งยาวขึ้นกว่าสามอิงฉื่อ
สวี่ล่ายกดดาบกระหายเลือดลงบนง้าวกรีดนภาเบาๆ
“กลืนกิน!” สวี่ล่ายตะโกน ดาบกระหายเลือดระเบิดแสงสีครามอย่างรุนแรง
หึ่ง หึ่ง!
อักขระยันต์ชุดหนึ่งแผ่ออกมาจากดาบกระหายเลือด และค่อยๆ หมุนไปรอบๆง้าวกรีดนภา
ณ ขณะนี้ ง้าวกรีดนภา คล้ายประสบกับเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูงมาก เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ละลายกลายเป็นของเหลวโลหะ ไหลลงสู่ดาบกระหายเลือดอย่างช้าๆ
“หือ? คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้” สวี่ล่ายอึ้งเล็กน้อย ในใจอยากรู้อยากเห็นมาก
หึ่ง หึ่ง!
ดาบกระหายเลือดราวกับได้รับอาหาร มันดูดซับของเหลวโลหะอย่างหมดจด
หึ่ง หึ่ง~!
หลังจากที่ดาบกระหายเลือดดูดซับเสร็จแล้ว มันก็เปล่งประกายทันที
[ติ๊ง!!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ดาบกระหายเลือดเลื่อนขั้นสำเร็จ ขยับสู่อาวุธระดับสมบัติขั้นสูง]
“เสร็จแล้วหรือ?” สวี่ล่ายมีความสุขมาก รีบตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของดาบกระหายเลือดอย่างละเอียด
เห็นเพียงดาบกระหายเลือดได้สลัดคราบสนิมออกแล้ว ทอสีเงินวาววับไปทั้งตัว ใบดาบที่หักก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเหนือใบดาบยังแผ่กลิ่นอายไฟฟ้าสถิตจางๆ
“ไม่มีทางน่า! หรือว่านี่จะ ....”
สวี่ล่ายตัวแข็ง ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กวัดแกว่งดาบกระหายเลือดอย่างลวกๆ
เปรี๊ยะ!
ประจุไฟฟ้าปรากฏขึ้นเหนือใบดาบอย่างน่าประหลาดใจ
“ใช่จริงๆด้วย!” ดวงตาของสวี่ล่ายเป็นประกาย ในใจปลื้มปริ่มมีความสุขมาก ไม่คิดว่าดาบกระหายเลือดนอกจากจะดูดซับอาวุธเพื่อเลื่อนขั้นแล้ว มันยังได้รับคุณสมบัติรองจากอาวุธเดิมมาด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเป็นแบบนี้ หากข้าไล่ซื้ออาวุธขั้นสูงเพิ่มอีกซักสองสามชิ้น ดาบกระหายเลือดของข้าไม่ใช่กลายเป็นอาวุธเทพไปเลยหรือ ... นี่มันโครจเจ๋งเลย!”
สวี่ล่ายเกิดหลงรักมัน เนิ่นนานไม่สามารถวางดาบลงได้
แต่ไม่นาน สวี่ล่ายก็นึกถึงอาวุธวิเศษอีกหกชิ้นของบรรพบุรุษตระกูลสวี่ หากรวบรวมดาบได้เจ็ดเล่ม มันจะโหดขนาดไหน ...
หลังจากใช้เวลานานพอสมควร สวี่ล่ายก็ยอมวางดาบกระหายเลือด แล้วหยิบวัสดุต่างๆสำหรับทำหินประสานค่ายกลออกมา
...
งานประมูลของพันธมิตรการค้าว่านตงกำลังจะจัดขึ้น
“จุ๊จุ๊จุ๊ สมกับเป็นเมืองเทียนตู แม้แต่พันธมิตรการค้าว่านตงก็ใหญ่กว่าในเมืองหรันเถียนมาก”
สวี่ล่ายเพิ่งเข้าสู่พันธมิตรการค้าว่านตง เขาตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
เห็นเพียงห้องโถงชั้นหนึ่งของพันธมิตรการค้าว่านตง ครอบคลุมพื้นที่อย่างน้อย 3,000 ตร.ม และมีโต๊ะพนักงงานกว่า 20 ชุดที่เกือบทั้งหมดมีคนต่อแถวยาว อีกทั้งยังมีคนเข้าและออกจากห้องโถงทั้งหมดอย่างน้อยหนึ่งพันคน และเหมือนว่าทั้งหมดจะมาจากตระกูลใหญ่ พวกเขาใช้โอกาสนี้เพื่อซื้อวัสดุและสมบัติมากมาย
“คุณชายท่านนี้ ไม่ทราบท่านตั้งใจมาซื้อวัสดุหรือขายสมบัติ?”
ขณะที่สวี่ล่ายยังเดินเตร็ดเตร่ไปมา สาวใช้คนหนึ่งเดินมาที่ด้านข้างของสวี่ล่าย
“โอ้” สวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย หยิบบัตรสมาชิกสีม่วงทองของพันธมิตรการค้าว่านตงออกจากวงแหวนมิติ แล้วโบกมันต่อหน้าสาวใช้ “จริงๆ แล้วข้ามีสมบัติล้ำค่าอยู่บ้าง เลยอยากจะให้ทางพันธมิตรการค้าของเจ้าช่วยประมูลแทน”
“อ๊ะ?! ที่แท้ท่านก็คือคุณชายสวี่” สาวใช้ผงะเล็กน้อย แต่ไม่นานก็จําตัวตนของสวี่ล่ายได้
“ฮะ? เจ้ารู้จักข้าได้ยังไง?”
“คิกคิก มีบัตรสมาชิกระดับทองม่วงไม่เกินสิบใบที่ออกโดยพันธมิตรการค้าว่านตง ถ้ากระทั่งบุคคลพิเศษของตัวเอง พวกเรายังระบุตัวไม่ได้ ก็เกรงว่าคงไม่มีหน้าพอที่จะยืนหยัดท่ามกลางพันธมิตรการค้าอื่นๆ” สาวใช้หัวเราะเหมือนระฆังเงิน
“โฮะ โฮ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” สวี่ล่ายยิ้มบาง
“คุณชายสวี่ หากท่านต้องการขายสมบัติของตัวเอง โปรดตามบ่าวไปยังพื้นที่สมาชิกบนชั้นสาม” สาวใช้สาวทำท่าทาง ‘เชิญ’
“ได้” สวีพยักหน้า ขึ้นบันไดชั้นสองตามท่าทางของสาวใช้
เมื่อก้าวเข้าสู่ชั้นสอง เขาพบว่าที่นี่สะอาดกว่าชั้นล่างมาก แม้ว่าจะยังมีผู้คนจำนวนมากเข้าแถวหน้าโต๊ะพนักงานเยอะเหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีเสียงดังเท่ากับชั้นหนึ่ง
และเมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่สมาชิกบนชั้นสาม ที่นี่เป็นห้องเดี่ยวทั้งหมดเหมือนห้องส่วนตัว ทุกห้องเดี่ยวมีผู้ประเมินคนหนึ่งคอยดูแล
“ป้าหลาน คุณชายสวี่ สมาชิกบัตรม่วงทองต้องการขานสมบัติในนามตัวเอง”
สาวใช้นำสวี่ล่ายเข้าไปในห้องส่วนตัวมุมหนึ่ง และเรียกผู้ประเมินของในห้องส่วนตัวมา
“รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
แค่เสียงแผ่วลง ผ้าม่านตรงประตูก็เลิกขึ้น หญิงงามวัยกลางคนเดินเข้ามา
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงตัวใหญ่ รูปร่างอวบอิ่ม มีเสน่ห์ แม้จะอายุเกินสี่สิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงความงามอยู่
“ไง ท่านน่ะหรือคุณชายสวี่ที่กำลังมีชื่อเสียงในช่วงนี้ หลานซินขอคารวะ” เมื่อหลานซินเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของสวี่ล่าย เธอเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ
“ฮี่ ฮี่ พี่สาวหลานซินชมกันเกินไปแล้ว” สวี่ล่ายก้าวมาข้างหน้าและช่วยประคองเธอขึ้นอย่างอ่อนโยน อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นเขาแอบสะกิดฝ่ามือของหลานซินสองสามครั้ง
“คิกคิก คำ ‘พี่สาว’ของท่านทำให้หัวใจบ่าวรู้สึกอบอุ่นจริงๆ” กระนั้น หลานซินไม่เพียงไม่ตำหนิเแต่ใบหน้าตัวเองกลับแดงระเรื่อเล็กน้อย
“ฮี่ ฮี่”สวี่ล่ายแอบยิ้ม คาดไม่ถึงว่ากลยุทธ์จีบสาวในบาร์ยังคงใช้ได้ผลที่นี่
“เสี่ยวชุ่ย รีบไปชงชาดีๆมาให้คุณชายสวี่ซักกา”
“เจ้าค่ะ ป้าหลาน” เสี่ยวชุ่ยให้รับคำ หันหลังกลับและออกมาชงชา
“คิกคิก ไม่ทราบคุณชายสวี่ตั้งใจจะให้พวกเราพันธมิตรการค้าว่านตงขายสมบัติใด?” หลานซินยิ้มเล็กน้อย เธอเดินมาทางสวี่ล่าย และกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ
สวี่ล่ายยื่นมือออกมาโอบเอวเธอ ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดึงหลานซินมานั่งลงบนตักเขา
“ไอ้หย๋า คุณชาย ถ้ามีคนเห็นเข้า แล้วต่อไปพี่สาวจะกล้าสู้หน้าผู้อื่นได้อย่างไร?” หลานซินหน้าแดง หลังจากดิ้นรนพอเป็นพิธีสองสามครั้งก็ยอมเชื่อฟัง
“ฮี่ ฮี่ พี่สาวหลานซินตัวหอมจัง” สวี่ล่ายสูดดมกลิ่นบริเวณซอกคอของหลานซิน
“เจ้าวายร้ายตัวน้อย รีบปล่อยพี่สาวลง พวกเรามาเริ่มการค้ากันก่อน ไว้เสร็จธุระแล้ว อยากทำอะไรก็ตามแต่เจ้าต้องการ” หลานซินยอมสวี่ล่ายสองสามครั้งพอเป็นพิธี ก็ผละจากอ้อมกอดเขาลุกไปนั่งในที่ไกลๆ อย่างไรก็ตาม หน้าอกยังคงกระเพื่อมขึ้นลงแรง ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะสงบความกระสับกระส่ายในใจ
“เอาล่ะ ในเมื่อพี่สาวหลานซินว่าแบบนั้น เช่นนั้นพวกเรามาเริ่มการค้ากันก่อน” สวี่ล่ายแอบยิ้ม ใช้มือข้างหนึ่งลูบแหวนมิติเบาๆ รัศมีแสงวิญญาณกระพริบ กล่องไม้สามสิบถึงสี่สิบกล่องปรากฏขึ้นบนโต๊ะ
“หือ? พวกนี้คือ......?” หลานซินตัวแข็งเล็กน้อย เพียงหยิบสุ่มๆมาหนึ่งกล่องแล้วเปิดช้าๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ทำให้เธอต้องประหลาดใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง พี่สาวหลานซิน สมบัติเหล่านี้ของข้าสามารถส่งมอบให้พันธมิตรการค้าของเจ้าประมูลได้หรือไม่?”
สวี่ล่ายนั่งไขว่ห้างและรอคำตอบอย่างสบายๆ
“คุณชายสวี่ สิ่ง ... สิ่งที่อยู่ข้างในกล่องทั้งหมดนี้คือหินประสานค่ายกลหรือ?” หลานซินมองสวี่ล่ายด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ถูกตัอง ข้าหวังว่าพี่สาวจะมีน้ำใจช่วยข้าประมูลพวกมันทั้งหมด น้องชายต้องการเงินเร่งด่วน อีกอย่างตอนนี้น้องชายยังติดหนี้หินดวงดาวกับทางว่านตงของท่านไม่น้อย”
“คิกคิก ตกลง พี่สาวจะช่วยประเมินอย่างดี”