ตอนที่ 318 ยานครุยเซอร์ที่มีอำนาจการยิงสูงที่สุด
ตอนที่ 318 ยานครุยเซอร์ที่มีอำนาจการยิงสูงที่สุด
บางครั้งชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ ซึ่งก่อนที่ไทสันจะเปิดเผยว่าบริษัทควอนตัมเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกองทัพ เซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่คนจน ๆ ในสายตาของชนชั้นสูงที่สามารถบรรเลงเพลงจากเปียโนกาแล็กซีได้อย่างโดดเด่นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทันทีที่ไทสันประกาศว่าบริษัทของเซี่ยเฟยคือซัพพลายเออร์ระดับ A ของกองทัพ ทัศนคติที่ทุกคนได้มองมายังชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างกะทันหัน
แม้ว่าบริษัทเหมืองแร่ที่บริษัทควอนตัมได้ทำสัญญาไว้จะล้มละลายและทำให้บริษัทของเซี่ยเฟยประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่อง แต่การที่บริษัทควอนตัมได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A มันก็จะมีบริษัทเมืองแร่อีกเป็นจำนวนมากรีบเข้ามาเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้บริษัทควอนตัมอย่างรวดเร็ว ซึ่งสัญญาที่ถูกเสนอเข้ามาใหม่เหล่านี้ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ต้องจ่ายเงินมัดจำเท่านั้น แต่บริษัทควอนตัมยังสามารถลดต้นทุนวัตถุดิบได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่าอีกด้วย
เพียงแค่การมีป้ายซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหารแขวนเอาไว้ มันก็ทำให้บริษัทมากมายต้องการจะทำธุรกิจร่วมกับบริษัทควอนตัมแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มันก็ทำให้บริษัทพัฒนาขึ้นไปจากเดิมอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะชื่อเสียงในทางด้านความน่าเชื่อถือ
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณว่างานเลี้ยงในครั้งนี้ใกล้ที่จะสิ้นสุดลงไปแล้ว ซึ่งเซี่ยเฟยก็กำลังยืนพิงราวบันไดพร้อมกับสูบบุหรี่ที่อยู่ภายในมือ
“ขอแสดงความยินดีด้วย” นิวแมนเดินเข้ามาแสดงความยินดี แต่เซี่ยเฟยรู้สึกว่าคำพูดของชายคนนี้ไม่ได้มาจากใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร เพราะท้ายที่สุดความตายของแบ็ตตี้ก็ก่อให้เกิดรอยร้าวทางความสัมพันธ์อย่างไม่มีวันจะรักษาให้หายได้ ซึ่งแอวริลที่เป็นตัวกลางก็ยากที่จะทำให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ดูเหมือนว่านายจะไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้นะ” นิวแมนกล่าว
“ผมไม่ชอบงานเลี้ยงจริง ๆ แต่ผมก็จะเรียนรู้และพยายามยอมรับมันอย่างช้า ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปตรง ๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
นิวแมนมองไปที่แอวริลที่กำลังยืนส่งแขกในระยะไกลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งหญิงสาวคนนี้ก็อาจจะเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในค่ำคืนที่ผ่านมา
“ยินดีต้อนรับสู่กลุ่มดาวที่เสื่อมทรามมากที่สุดภายในพันธมิตร” นิวแมนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปทางเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของนิวแมนเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปเพื่อจับมือโดยไม่พูดอะไร และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างสนิทใจ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถตัดขาดออกจากกันได้เพื่อความสบายใจของแอวริล
—
โรงงานยานรบหนักของบริษัทไกอา
ปัจจุบันนิโคลกำลังนั่งอยู่ในสำนักงานพร้อมกับจ้องมองไปยังเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ซึ่งในตอนนี้เป็นเวลา 8 โมง 58 นาทีแล้วแต่เซี่ยเฟยก็ยังคงไม่ทำการติดต่อมาหาเธอ
นิโคลกดปุ่มติดต่อไปยังเลขาที่อยู่ด้านนอกพร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึง
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
“8 โมง 58 นาทีแล้วค่ะท่านประธาน ไม่ทราบว่าท่านประธานมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ? ฉันเห็นคุณสอบถามเวลามาแล้วตั้ง 3 ครั้งหรือว่านาฬิกาบนโต๊ะของคุณเสียเหรอคะ?” เลขาสาวถามด้วยความสงสัยเพราะมันมีวิธีมากมายที่จะตรวจสอบเวลา แต่ถึงกระนั้นนิโคลก็ยังเลือกที่จะติดต่อมาเพื่อถามเวลากับเธอ
“ไม่มีอะไร เธอทำงานต่อไปเถอะ” หลังจากวางสายนิโคลก็เอามือขึ้นมาเท้าคางพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างและคิดกับตัวเองขึ้นมาในใจ
‘หรือว่าเขาจะไม่มา?’
‘เขาจะปฏิเสธยานรบหนักได้จริง ๆ เหรอ?’
‘แอวริลได้ไปพูดอะไรกับเขาหรือเปล่า?’
‘หรือว่าเขาจะไม่เชื่อฉัน?’
ไม่ว่านิโคลจะคิดฟุ้งซ่านมากแค่ไหนคนที่เธอกำลังเฝ้ารอก็ไม่ปรากฏตัว เธอจึงเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์และเตรียมพร้อมที่จะเริ่มงานโดยพยายามบอกตัวเองว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป
แต่ในทันใดนั้นเองระบบสื่อสารบนโต๊ะก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน นิโคลจึงรีบรับสายอย่างฉับพลันโดยไม่รีรอ
“ฉันเอง นิโคล” สิ้นเสียงคำพูดนิโคลก็เริ่มรู้ตัวว่าเธอไม่สามารถที่จะควบคุมความสงบของตัวเองเอาไว้ได้
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณนิโคล” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษนะ แต่ตอนนี้เกิน 9 โมงแล้ว มันสายเกินไปที่คุณจะติดต่อมา” นิโคลพยายามกล่าวอย่างใจเย็น
“ผมไม่เคยสายครับ เชิญคุณตรวจเวลาตอนนี้ได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าว
นิโคลเหลือบไปมองนาฬิกาและได้เห็นว่าเวลาตอนนี้คือ 9.00 น. พอดิบพอดี
“แน่นอนว่าผมก็ไม่คุ้นกับการติดต่อมาก่อนเวลานัดด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มต่อไป
—
“พวกเรากำลังจะไปไหนกันครับ?” เซี่ยเฟยถามขณะนั่งอยู่บนยานทริสตัล ซึ่งด้านข้างก็คือนิโคลสาวสวยที่เขาเพิ่งมีโอกาสได้พบเมื่อคืน
“ทำไมนายถึงถามเยอะจัง ฉันไม่เอานายไปขายหรอก เพราะถึงแม้จะเอานายไปขายได้แต่ฉันก็คงจะไม่ได้รับเงินกลับมามากนัก” นิโคลกล่าวพร้อมกับชำเลืองตาไปมองทางชายหนุ่ม
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกชั่วขณะและเขาก็รู้ดีว่าวิธีการรับมือกับผู้หญิงที่กำลังมีอารมณ์ฉุนเฉียวคือการพยายามอยู่เงียบ ๆ เอาไว้ ดังนั้นเขาจึงมองออกไปนอกหน้าต่างโดยพยายามไม่ชวนเธอพูดคุยอีก
การกระทำของเซี่ยเฟยเริ่มทำให้นิโคลรู้สึกโหวงเหวงขึ้นมาบ้าง เธอจึงเริ่มเปิดประเด็นยิงคำถามออกไปก่อน
“คุณอยากรู้ไหมว่ายานรบหนักที่ฉันได้พูดถึงในก่อนหน้านี้มันเป็นยังไง?”
เซี่ยเฟยเริ่มจุดบุหรี่ขึ้นมาตามนิสัย แต่ถึงแม้ว่านิโคลจะรู้สึกเกลียดกลิ่นบุหรี่มากแค่ไหนแต่เธอกลับแสร้งทำเป็นไม่สนใจและปล่อยให้ชายหนุ่มสูบบุหรี่ของเขาต่อไป
“มันก็คงจะมีอานุภาพไม่ต่างไปจากยานลำนี้มากนัก ถ้าหากมองผ่าน ๆ ยานลำนี้ก็คงจะดูเหมือนยานทริสตัลทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วยานลำนี้มีความซับซ้อนมากกว่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าจะให้ผมเดาผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นยานคอมเมทในตำนานใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะรู้เรื่องยานมากขนาดนี้ ใช่แล้วยานลำนี้คือยานคอมเมทจริง ๆ แล้วมันยังถูกปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อใช้สำหรับกองกำลังพิเศษของพันธมิตร ทำให้ยานรุ่นนี้แต่ละลำมีราคาสูงถึง 900 ล้านสตาร์คอยน์แต่นั่นเป็นเพียงแค่ราคายานเปล่า เพราะถ้าหากต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นเข้าไปอย่างครบครัน มันก็จะทำให้ราคาของยานเพิ่มขึ้นไปจนถึง 2,000 ล้านสตาร์คอยน์” นิโคลกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
คำอธิบายนี้อดที่จะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็เคยอ่านเพียงแค่บันทึกของยานคอมเมทแต่ในหนังสือเท่านั้น ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามันมียานรบที่มีราคาถึง 900 ล้านสตาร์คอยน์ และมันยังเป็นเพียงแค่ราคายานเปล่า ๆ ที่ยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเข้าไป
“น่าเสียดายจริง ๆ ที่ยานรบที่ทรงพลังขนาดนี้ไม่ได้ถูกผลิตออกมาวางขายในตลาดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างเสียใจ
“แล้วคุณรู้ไหมว่าทำไมพวกเราถึงเลิกผลิตยานรุ่นนี้ออกไปวางขายในตลาด?” นิโคลกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ทำไมเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ไม่บอก... เดี๋ยวคุณก็จะรู้เองเมื่อได้เห็นยานรบหนัก” นิโคลกล่าวพร้อมกับเดินไปชงกาแฟมา 2 แก้ว
ต่อมายานรบก็ได้ลงจอดบนดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณ เซี่ยเฟยจึงเดินตามนิโคลออกจากยานก่อนจะได้พบว่าพื้นที่บริเวณรอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่, ดอกไม้หลากหลายชนิดและเสียงนกนานาพันธุ์ที่กำลังส่งเสียงร้อง มันจึงทำให้สถานที่แห่งนี้ดูคล้ายกับสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าสถานที่ที่นิโคลจะนำเขามาเพื่อดูยานรบ
สนามบินกลางป่าที่ยานของพวกเขาได้เคลื่อนที่ลงมาจอดนี้เป็นเพียงแค่สนามบินเล็ก ๆ ที่สามารถรองรับยานฟริเกตได้ไม่เกิน 10 ลำ ซึ่งหลังจากที่พวกเขาเดินลงมาจากยานเพียงแค่ไม่นาน พนักงานประจำสนามบินแห่งนี้ก็เริ่มยกโต๊ะ, เก้าอี้, อาหารและผลไม้มารับรองพวกเขา
“นั่งลงก่อนสิ” นิโคลกล่าวพร้อมกับผายมือไปทางเก้าอี้
“ไหนล่ะครับยานรบหนักที่คุณพูดถึง?” เซี่ยเฟยถาม
“ใจเย็น ๆ ช่วยนั่งดื่มชาเป็นเพื่อนกับฉันก่อน” นิโคลกล่าวพร้อมกับรินน้ำชาและยกขึ้นมาจิบเบา ๆ
เซี่ยเฟยไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องนั่งลง ซึ่งในเวลานั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปมองเห็นรอยแผลเป็นบนข้อมือของนิโคลโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งในวันนี้หญิงสาวได้แต่งตัวอย่างสบาย ๆ มันจึงไม่ได้มีเครื่องประดับมากมายเหมือนกับที่เขาได้พบกับเธอในงานเลี้ยงเมื่อคืน
“อันที่จริงแผลเป็นพวกนี้มันสามารถลบออกไปได้ไม่ใช่เหรอครับ?” เซี่ยเฟยเริ่มถามขึ้นมาเบา ๆ
“ฉันรู้ แต่ฉันอยากจะเก็บมันเอาไว้ มันมีเรื่องบางเรื่องที่ฉันไม่อยากจะลืมและฉันก็อยากจะใช้แผลนี้เป็นสิ่งที่คอยเตือนใจฉันในอนาคต” นิโคลกล่าวพร้อมกับลูบแผลบนข้อมือโดยไม่รู้ตัว
“รอยแผลเป็นที่แท้จริงควรจะถูกฝังเอาไว้ในหัวใจมากกว่าบนร่างกายนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
คำพูดนี้ทำให้นิโคลตกตะลึงในทันทีพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย เธอจึงพยักหน้าเล็กน้อยและนิ่งเงียบไปโดยไม่พูดอะไร
หลังจากนั้นไม่นานลานจอดยานก็เปิดออกเผยให้เห็นลิฟต์ด้านในที่ค่อย ๆ ยกยานรบสีเขียวเข้มขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยทิ้งบุหรี่ในมือโดยไม่ได้ตั้งใจพร้อมกับมองไปยังยานด้านหน้าด้วยดวงตาที่เหม่อลอย
“นี่มันจะน่าทึ่งมากเกินไปแล้ว! เกราะโลหะผสมไทเทเนียม, ระเบิดนิวตรอนความแม่นยำสูง, เครื่องวาร์ปดิสรับเตอร์ พระเจ้านี่มันไม่ใช่ยานอวกาศแล้วแต่นี่มันคือเพชฌฆาตชัด ๆ!!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เริ่มได้เห็นรายละเอียดของยานตรงหน้า
“เป็นยังไงบ้าง ยานลำนี้พอจะคุ้มค่าเวลาดื่มชากับฉันบ้างไหม?” นิโคลกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“คุ้ม! คุ้มมาก!! นี่เหรอยานรบหนักที่คุณพูดถึง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“ดูเหมือนยานรบหนักลำนี้จะทำให้คุณตื่นเต้นมากเลยนะ นี่ถ้าหากว่าคุณเห็นยานอิชทาร์รุ่นล่าสุด คุณจะไม่ตื่นเต้นจนเป็นลมไปเลยเหรอ?” นิโคลกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ยานลำนี้ชื่ออะไร?” ชายหนุ่มเดินไปลูบเกราะแข็ง ๆ ของยานตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นโดยไม่สนใจที่จะสอบถามนิโคลถึงยานลำอื่น
“นี่คือยานรบรุ่นที่ 2 ของพันธมิตร ‘ไดมอส’” นิโคลกล่าวอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นความตื่นเต้นของเซี่ยเฟย
“ไดมอส!! ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินเรื่องยานรบประเภทนี้มาก่อนเลย หรือว่านี่จะเป็นของเล่นใหม่ที่คุณได้คุยกับคุณตาทูรามเมื่อคืนนี้?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ไม่ใช่ ยานที่ฉันคุยกับลุงทูรามคือยานอิชทาร์ที่ฉันได้พูดถึงในก่อนหน้านี้ ยานไดมอสเป็นยานปืนล้วน ขณะที่ยานอิชทาร์เป็นยานที่ใช้โดรนผสมปืนใหญ่ มันจึงทำให้วิธีการต่อสู้ระหว่างยานทั้งสองรุ่นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉันคิดว่าผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณน่าจะรู้ถึงข้อแตกต่างระหว่างพวกมันได้เป็นอย่างดี เชิญคุณขึ้นไปสำรวจบนยานเถอะ” นิโคลกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าและรีบขึ้นไปสำรวจบนตัวยานด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันนิโคลก็ไม่ได้ตามเซี่ยเฟยเข้าไปแต่ยังคงนั่งดื่มชาและกินของว่างแสนอร่อยท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ
“เธอจะทิ้งฉันไปจริง ๆ เหรอ?” นิโคลพูดกับตัวเองขณะลูบรอยแผลเป็นบนข้อมือ
—
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมง เซี่ยเฟยก็เดินลงมาจากยานไดมอสพร้อมกับหยิบของว่างขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ปากของคุณเลอะน่ะ” นิโคลกล่าวพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาให้กับเซี่ยเฟย
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนที่เขาจะใช้แขนเสื้อเช็ดเศษอาหารที่ติดอยู่บริเวณมุมปาก
นิโคลรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงพยักหน้ารับและเก็บผ้าเช็ดหน้าของเธอกลับไป
“ผมได้ขึ้นไปตรวจสอบยานอย่างละเอียดแล้ว ยานลำนี้เป็นยานที่ดีมากจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันคงจะดีถ้าทุกคนมีความคิดเห็นเหมือนกับคุณ ความจริงแล้วยานรุ่นนี้ถูกปฏิเสธโดยกรมทหาร พวกเราจึงจำเป็นจะต้องพัฒนายานรบหนักขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง” นิโคลกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“มันก็ไม่น่าแปลกใจนะครับที่ยานลำนี้จะถูกปฏิเสธจากกรมทหาร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?” นิโคลกล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“ยานไดมอสมีข้อดีเรื่องอำนาจยิงที่สูงมาก แต่ข้อเสียของมันก็อยู่ที่อำนาจการยิงด้วยเหมือนกัน ถ้าผมเดาไม่ผิดอำนาจการยิงของยานน่าจะพุ่งทะลุสูงเกินกว่า 600 แต้มใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ใช่แล้ว อำนาจการยิงของไดมอสอยู่ที่ 640 แต้มและถ้าหากว่าคุณต้องการจะปรับแต่งมันเพิ่มเติม คุณก็สามารถเพิ่มอำนาจการยิงได้มากกว่านี้อีก” นิโคลกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
“ระดับยานรบในพันธมิตรเริ่มจากยานฟริเกต, ยานเดสทรอยเยอร์, ยานครุยเซอร์, ยานแบทเทิลครุยเซอร์, ยานประจัญบานและยานบัญชาการ ซึ่งยานไดมอสถือว่าเป็นยานระดับ 3 หรือก็คือยานประเภทครุยเซอร์”
“โดยปกติแล้วอำนาจการยิงของยานครุยเซอร์จะมีไม่เกิน 250 แต้ม และแม้แต่ยานประจัญบานก็มีอำนาจการยิงไม่เกิน 500 แต้ม แต่อำนาจการยิงของยานลำนี้สูงมากถึง 640 แต้มทำให้มันเป็นยานครุยเซอร์ที่มีอำนาจการยิงสูงกว่ายานประจัญบานด้วยซ้ำ”
“คนออกแบบยานลำนี้ถึงกับยอมละทิ้งความสามารถในการสู้รบระยะไกลของยานรบทั้งหมดเพื่อแลกกับการติดตั้งอาวุธจู่โจมที่รุนแรง ดังนั้นยานลำนี้จึงมีวิธีการสู้รบเพียงแบบเดียวคือการพุ่งตรงเข้าไปทำลายข้าศึกอย่างไร้ความปราณี” เซี่ยเฟยเริ่มอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“อันที่จริงยานไดมอสก็มีช่องใส่โดรนและสามารถใช้โดรนในการต่อสู้ระยะไกลได้นะ” นิโคลกล่าวแย้งพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณนิโคลอย่าล้อผมเล่นเลย พื้นที่ส่วนใหญ่ของยานรบถูกระบบอาวุธติดตั้งเอาไว้ทั้งหมดแล้วทำให้เหลือช่องใส่โดรนสูงสุดเพียงแค่ 10 ลำ แล้วโดรนเพียงแค่นั้นจะสามารถไปทำลายยานรบที่ไหนได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
คำพูดนี้ถึงกับทำให้นิโคลพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะอำนาจการยิงของโดรนเพียงแค่ 10 ลำไม่สามารถที่จะสร้างอันตรายให้กับยานรบลำไหนได้จริง ๆ มันจึงทำให้ความสามารถในการต่อสู้ระยะไกลของไดมอสเป็นเพียงแค่เครื่องประดับที่ไม่สามารถจะนำมาใช้ในสถานการณ์จริงได้
“ทางกองทัพย่อมไม่ชอบยานรบที่ต้องเสี่ยงในระหว่างการสู้รบมากเกินไป เพราะการขับยานไดมอสทำให้ทหารต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในการต่อสู้ระยะประชิดตลอดเวลา มันจึงทำให้จุดเด่นของยานลำนี้ไม่เหมาะสมกับวิธีการต่อสู้ของกองทัพ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงปฏิเสธยานลำนี้” เซี่ยเฟยกล่าว
“จอมพลไทสันก็พูดเหมือนนายเลยว่าการโจมตีด้วยปืนใหญ่ล้วน ๆ ไม่เหมาะสมกับวิธีการต่อสู้ของกองทัพ” นิโคลกล่าว
“จอมพลไทสันพูดถูกแล้วว่ายานรบลำนี้ไม่เหมาะกับกองทัพ แต่มันเหมาะกับสไตล์การต่อสู้ของผมมาก” เซี่ยเฟยกล่าว
“ทำไมล่ะ?” นิโคลถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เพราะว่าผมมันบ้ายังไงล่ะ!” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
นิโคลส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่เธอจะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่อย่างเงียบ ๆ ทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่นานมันก็มียานรบหนักอีกลำถูกลิฟต์ยกขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน
“แล้วถ้าฉันให้คุณเลือกล่ะ คุณจะเลือกยานรบลำไหน?”
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะโดยปกติยานรบหนักถือว่าเป็นความลับในพันธมิตร ซึ่งในวันนี้ไม่เพียงแต่เขาจะได้เห็นยานรบหนักเพียงแค่ลำเดียวเท่านั้น แต่มันยังมียานรบหนักลำที่ 2 ปรากฎขึ้นมาให้เขาได้เห็นด้วย!!
“ยานอิชทาร์ลำนี้พอจะเทียบกับยานไดมอสได้ไหม?” นิโคลถาม
“วิธีการต่อสู้ของยานทั้งสองลำนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไดมอสโดดเด่นทางด้านการใช้ปืนใหญ่ทำลายศัตรูในระยะประชิด ขณะที่อิชทาร์สามารถประยุกต์ใช้ในแผนการรบได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปืนใหญ่จู่โจมศัตรูในระยะประชิดหรือจะเป็นการปล่อยโดรนเพื่อทำลายศัตรูในระยะไกล แต่ก็ไม่มีระบบการโจมตีไหนที่โดดเด่นขึ้นมาสักทาง ซึ่งถ้าหากจะให้ผมนิยามผมก็คิดว่าอิชทาร์คือยานที่ยืดหยุ่น ขณะที่ไดมอสเป็นยานที่โหดเหี้ยม” เซี่ยเฟยกล่าว
“แล้วถ้าคุณต้องเลือก คุณจะเลือกยานลำไหนล่ะ?” นิโคลถาม
“ไดมอส” เซี่ยเฟยตอบโดยไม่ลังเล
“ทำไมล่ะ? คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายานอิชทาร์มีความยืดหยุ่นในการจู่โจมศัตรูมากกว่า แล้วทำไมคุณถึงยังเลือกยานไดมอสที่มีวิธีการจู่โจมเพียงแบบเดียว?” นิโคลถามอย่างสับสน
“นั่นก็เพราะอำนาจการยิงของมัน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“อำนาจการยิง? อำนาจการยิงของอิชทาร์ยังไม่มากพอเหรอ?” นิโคลถาม
“มันถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับยานครุยเซอร์ เพียงแต่อำนาจการยิงของไดมอสมันแข็งแกร่งกว่ายานประจัญบานเท่านั้นเอง”
“ถึงแม้อำนาจการยิงของไดมอสจะทรงพลังมากแต่มันจะสามารถจู่โจมได้ก็ต่อเมื่อต้องอยู่ใกล้กับศัตรู ท้ายที่สุดระยะทำการของปืนใหญ่นิวตรอนก็สั้นมาก แล้วถ้าคุณต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ล่ะ คุณจะทำยังไง?” นิโคลถาม
เซี่ยเฟยจุดบุหรี่โดยไม่ตอบคำถามของนิโคล แต่เลือกที่จะเปลี่ยนไปพูดคุยในเรื่องอื่น
“ถ้าสมมติเราเอาช่องใส่โดรนออกทั้งหมดแล้วติดตั้งปืนกลนิวตรอนเข้าไป มันจะสามารถเพิ่มอำนาจการยิงได้สักแค่ไหนกันนะ?”
“ถ้าเอาช่องใส่โดรนออกหมดน่าจะติดตั้งปืนกลนิวตรอนได้ประมาณ 7 กระบอก ซึ่งถ้าหากว่าคุณติดตั้งปืนกลรุ่นล่าสุดมันก็น่าจะเพิ่มอำนาจการยิงได้เกินกว่า 800 แต้ม แต่ว่า…”
ก่อนที่นิโคลจะพูดจบ เซี่ยเฟยก็ขัดจังหวะขึ้นมาว่า
“ไม่มีแต่! นี่เรากำลังพูดถึงอำนาจการยิง 800 แต้มเชียวนะ! หากพูดกันตามตัวเลขยานไดมอสมีอำนาจการยิงมากกว่ายานครุยเซอร์ปกติกว่า 3 เท่า แต่ผลลัพธ์ในสนามรบจริง ๆ อำนาจในการทำลายล้างของมันน่าจะมากกว่ายานครุยเซอร์ไม่น้อยกว่า 12 เท่า”
“นี่คืออำนาจการยิงที่แม้แต่ยานประจัญบานที่มีอำนาจการยิงมากที่สุดก็ยังไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับมันได้ แล้วทำไมผมถึงต้องละทิ้งพลังทำลายขนาดนี้ไปมองหาความยืดหยุ่นที่คุณพูดถึงด้วย”
“แต่เพื่อแลกกับอำนาจการยิงขนาดนั้น คุณก็ต้องเข้าไปเสี่ยงสู้รบในระยะประชิดนะ” นิโคลกล่าว
“ผมเป็นพวกบุกเข้าหาศัตรูแบบบ้าคลั่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยานไดมอสจึงถือว่าเหมาะสมกับสไตล์การสู้รบของผมมาก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
***************
ย้ำความบ้าของตัวเองสุด ๆ แล้วนี่พี่แกรู้สึกถึงกลิ่นแปลก ๆ จากสาวน่ารักคนนี้บ้างไหมน๊อ?