ตอนที่ 317 ยานรบหนัก
ตอนที่ 317 ยานรบหนัก
“ไม่ทราบว่าคุณหลี่พอใจกับบทเพลงของผมหรือไม่?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“พอใจมาก” หลี่กวนกัดฟันพูดพร้อมกับบีบแก้วไวน์ภายในมือ ซึ่งทันทีที่เขาพูดจบลงเขาก็รู้สึกร้อนใบหน้าขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจและหวังว่าจะรีบหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
หลี่กวนเป็นคนเสนอให้เซี่ยเฟยเล่นเปียโนกาแล็กซีเพื่อให้ชายหนุ่มคนนี้ได้รับความอับอาย แต่การบรรเลงเพลงของเซี่ยเฟยได้เกินกว่าความคาดหมายของทุกคนอย่างแท้จริง และเมื่อเซี่ยเฟยได้เล่นเพลงจบเขายังมาพูดจาเยาะเย้ยจนทำให้ชายชรารู้สึกโกรธจนแทบจะเป็นบ้า
ทุกคนต่างก็ปรบมือให้กับชายหนุ่มสำหรับการแสดงที่ยอดเยี่ยม และมันก็มีผู้หญิงบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาให้กับการแสดงของเขา
ไม่จำเป็นต้องมีคนพูดว่าการแสดงนี้เป็นการแสดงที่ดีหรือไม่ เพราะเพียงแค่บทเพลงสามารถกดดันทุกคนบริเวณนั้นได้ มันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขายอมรับในตัวเซี่ยเฟยแล้ว
แอวริลรีบวิ่งออกมาจากฝูงชนและกอดเซี่ยเฟยเอาไว้แน่น ซึ่งทุกคนก็ทำได้แต่หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูโดยไม่ได้มีร่องรอยแห่งความดูถูกหลงเหลืออยู่อีกต่อไป
นิโคลปรบมืออย่างเศร้าใจโดยหวังว่าสักวันหนึ่งหญิงสาวในอ้อมแขนของเซี่ยเฟยจะเปลี่ยนจากแอวริลเป็นตัวเธอเอง
สำหรับเธอแล้วแอวริลย่อมเป็นผู้หญิงที่โชคดีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะแอวริลได้มีคนคอยปกป้องอย่างที่เธอเคยฝันหามาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามนิโคลก็ทำได้เพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาอย่างเงียบ ๆ เพราะท้ายที่สุดภาระที่เธอต้องแบกรับก็เหนือกว่าแอวริลไปไกล ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าคนอื่นได้
“ขอบใจมาก” เซี่ยเฟยกล่าวกับอันธ
“นายไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันทำได้เพียงบรรเลงเพลงตามตัวโน้ต แต่นายคือคนที่คอยส่งอารมณ์ผ่านดนตรีออกไป ฉันคิดว่านายมีพรสวรรค์ในเรื่องดนตรีมาก เพราะถึงแม้ว่าในตอนแรกนายจะตะกุกตะกักอยู่เล็กน้อยแต่นายก็สามารถที่จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การตีความบทเพลงของนายก็ยอดเยี่ยมด้วยเหมือนกัน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย ๆ” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“เรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง พอดีว่าฉันยังไม่ค่อยมีอารมณ์เล่นเปียโน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่เคยเรียนรู้วิธีการเล่นเปียโนกาแล็กซีมาก่อน มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมท่าทางของเขาถึงดูเงอะงะไม่ต่างไปจากมือใหม่
ขณะเดียวกันมันก็อาจจะเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งเซี่ยเฟยสามารถทำความเข้าใจความหมายของเพลงนี้ได้ ถึงแม้ว่านักดนตรีส่วนมากจะตีความบทเพลงออกมาในบทบาทของความหดหู่ แต่เซี่ยเฟยผู้ซึ่งเคยเผชิญหน้ากับความตายมาก่อนรู้ดีว่าความหดหู่เพียงอย่างเดียวมันยังไม่พอ เขาจึงใส่อารมณ์ของความตายเข้าไปในบทเพลงด้วย
ส่วนสาเหตุที่เขาสามารถบรรเลงเพลงออกมาได้นั้น นั่นก็เพราะเขาได้บรรเลงบทเพลงตามนิ้วมือของอันธ และเขาก็ได้อาศัยท่วงทำนองที่อันธฮึมฮัมออกมาในการกำหนดน้ำหนักของนิ้วมือ ซึ่งถ้าหากว่าเขาไม่ได้อันธช่วยเอาไว้เขาก็ไม่มีทางที่จะบรรเลงบทเพลงจากเครื่องดนตรีชนิดนี้ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังเป็นผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วที่มีปฏิกิริยาการตอบสนองเป็นอย่างดี และเขายังมีความจำที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงจดจำทุกท่วงท่าของอันธเอาไว้ในใจและเริ่มบรรเลงบทเพลงตามการเคลื่อนไหวของวิญญาณตนนี้
ในบทเพลงท่อนแรกเซี่ยเฟยยังไม่คุ้นชินกับเครื่องดนตรีชนิดนี้มากนัก มันจึงทำให้การเคลื่อนไหวของเขาดูไม่ต่างไปจากมือสมัครเล่น แต่โชคดีที่ชายหนุ่มสามารถที่จะปรับตัวได้อย่างว่องไว ทำให้เขาเริ่มสามารถส่งผ่านอารมณ์มาตามบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ได้
เมื่อดนตรีเข้าสู่ท่อนที่ 2 เซี่ยเฟยก็เริ่มคุ้นชินกับวิธีการเล่นเปียโนกาแล็กซีแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เขาค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของผู้แต่งเพลง เขาจึงพยายามเพิ่มอารมณ์ความเข้าใจของตัวเองเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นสิ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังคาดไม่ถึง เพราะในช่วงเวลาหนึ่งตัวเขาก็ได้จมลงสู่ภวังค์ในระหว่างการบรรเลงบทเพลงไปด้วยเช่นเดียวกัน
“เอาล่ะพวกเราเก็บเปียโนแล้วกลับไปคุยกันต่อเถอะ” เออเนสกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการที่จะให้เซี่ยเฟยกับแอวริลอยู่ด้วยกัน และชายหนุ่มคนนี้ยังเป็นคนที่สังหารลูกชายแท้ ๆ ของตัวเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่ความแตกต่างทางด้านสถานะเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะทำให้แอวริลกับเซี่ยเฟยไม่ควรคู่กัน
แต่ในฐานะของผู้นำตระกูลเออเนสก็ยังพึงพอใจกับการแสดงของเซี่ยเฟยในค่ำคืนนี้ เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ยังคงเป็นแขกของตระกูล ดังนั้นความอับอายของเซี่ยเฟยจึงไม่ต่างไปจากความอับอายของเขาเอง
ขณะเดียวกันเขาก็แอบบ่นวิธีการของหลี่กวนเอาไว้ในใจ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะอยากให้แอวริลอยู่กับหลี่โม่ แต่การที่หลี่กวนลากตระกูลเจี่ยนไปเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้มันก็ทำให้เออเนสรู้สึกไม่พอใจมาก
ในไม่ช้าเจ้าหน้าที่ก็ยกเปียโนกาแล็กซีออกไปอย่างระมัดระวัง ซึ่งในปัจจุบันมันก็อยู่ห่างจากเวลาเที่ยงคืนไปเพียงแค่ไม่กี่นาที โดยตามประเพณีเออเนสผู้ซึ่งเป็นเจ้าของงานวันเกิดจะต้องจุดดอกไม้ไฟเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับวันเกิดของตัวเอง
ไทสัน, เซี่ยเฟยและแอวริลเริ่มเข้าสู่งานเต้นรำ ซึ่งบทเพลงในก่อนหน้านี้ได้ทำให้เซี่ยเฟยเริ่มเป็นที่สนใจของใครบางคนแล้ว พวกเขาจึงมักขอให้เซี่ยเฟยไปเป็นคู่เต้นรำของพวกเขาด้วย โดยหวังว่าสักวันหนึ่งเซี่ยเฟยจะได้กลายเป็นคนสำคัญของพันธมิตร และการผูกมิตรเอาไว้ในคราวนี้มันก็อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขาในอนาคต
หลี่กวนมองไปยังฝูงชนที่พูดคุยกับเซี่ยเฟยอย่างเย็นชา ก่อนที่เขาจะเริ่มส่งสัญญาณให้ชายชราที่ไว้หนวดเคราอีกครั้ง
“เซี่ยเฟยผมได้ยินมาว่าคุณมีบริษัทเป็นของตัวเองใช่ไหม?” ชายชราแสร้งเข้าไปทักทายเซี่ยเฟยอย่างสนใจ
“ใช่ครับ ผมมีบริษัทชื่อควอนตัมตั้งอยู่บนดาวบ้านเกิดของผมเอง” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันได้ยินมาว่ายอดขายปีที่แล้วของบริษัทควอนตัมอยู่ที่ 230 ล้านสตาร์คอยน์ใช่ไหม?” ชายชราไว้เครากล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เหล่าบรรดาชนชั้นสูงให้ความสำคัญกับเงินทองของมิตรสหายเช่นเดียวกัน ซึ่งเงิน 230 ล้านสตาร์คอยน์ก็เป็นเพียงค่าขนมสำหรับใครหลาย ๆ คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ และการที่เซี่ยเฟยมีบริษัทที่มีรายได้ต่อปีเพียงแค่นี้มันจึงทำให้ชายหนุ่มดูไม่ต่างไปจากคนจน ๆ ในสายตาของพวกเขา
แขกภายในงานเริ่มเงียบเสียงลงในทันที ซึ่งแม้แต่แขกที่มีไหวพริบน้อยที่สุดก็ยังรู้ว่าชายชราผู้มีหนวดเคราคนนี้กำลังพยายามทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอับอาย ไม่อย่างนั้นเขาจะเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทควอนตัมขึ้นมาทำไม
ชายชราจะต้องรู้อยู่แล้วว่าชนชั้นสูงมีความอ่อนไหวในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และมีน้อยคนนักที่จะนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงในที่สาธารณะ เพราะพวกเขาคิดว่าการพูดเรื่องเงินเป็นเรื่องที่น่าอาย โดยเฉพาะจำนวนเงินที่น้อยขนาดนั้น
คำถามของชายชราไว้เคราทำให้เออเนสรู้สึกเหมือนกับจะเป็นลม และถึงแม้ว่าคนอื่น ๆ อาจจะไม่รู้จักชายชราคนนี้ แต่เออเนสรู้ดีว่าชายชราคนนี้ชื่อ ‘เมนเดต้า’ ซึ่งบริษัทของเขาติดหนี้ธนาคารไฟร์สตาร์ไฟแนนซ์อยู่เป็นจำนวนมาก และมันก็ไม่น่าแปลกใจที่ชายชราคนนี้จะได้กลายเป็นหุ่นเชิดของหลี่กวน
เออเนสเริ่มส่งสายตาไปหาหลี่กวนด้วยความโกรธ เพราะเหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่หลี่กวนพยายามจู่โจมเซี่ยเฟยโดยไม่สนใจผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับตระกูลเจี่ยนเลย
หลี่กวนหันไปสนทนากับผู้หญิงข้าง ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ โดยแสร้งทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง
“ใช่ครับ บริษัทควอนตัมของผมเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาได้เพียงแค่ไม่ถึง 3 ปี …” เซี่ยเฟยกำลังจะแนะนำบริษัทควอนตัมแต่ฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดูถูก
“3 ปี! สุนัขที่บ้านฉันมีอายุมากกว่าบริษัทของเขาอีก”
“นี่มันเรื่องจริงเหรอ? มีบริษัทที่ก่อตั้งมากถึง 3 ปีแล้วยังมีผลกำไรไม่เกิน 300 ล้านสตาร์คอยน์อยู่อีกรึไง? ฉันว่าแบบนั้นมันไม่เรียกว่าบริษัทหรอกเรียกว่าออฟฟิศเล็ก ๆ จะดีกว่า”
“หมายความว่าเซี่ยเฟยเป็นเจ้าของออฟฟิศใช่ไหม?”
“เรื่องนี้น่าสนใจจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าในชีวิตนี้ฉันจะมีโอกาสได้เข้าร่วมงานเลี้ยงกับเจ้าของออฟฟิศ”
ถึงแม้ว่าเสียงของแขกจะพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แต่เซี่ยเฟยก็ได้ยินเสียงกระซิบเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
ท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นนครหลวง สถานที่ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจกับสถานะ, อำนาจและการเงิน
เมนเดต้ายังไม่คิดที่จะให้เซี่ยเฟยรู้สึกอับอายเพียงเท่านี้ และเขาก็ตั้งใจที่จะแกล้งชายหนุ่มอย่างรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จะหาเงินมาจ่ายหนี้ให้กับธนาคารได้ แต่ถ้าหากว่าเขาทำให้หลี่กวนรู้สึกพึงพอใจเขาก็อาจจะได้รับการยกหนี้จากหลี่กวน
แม้ว่าการกระทำของเขาในคราวนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลเจี่ยน แต่เขาก็ไม่ได้เป็น ลูกหนี้ของตระกูลเจี่ยนเสียหน่อย ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะต้องตัดสินใจในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ อีกพันครั้ง แต่เขาก็ยังคงจะเลือกข้างของหลี่กวนอยู่เหมือนเดิม
“บริษัทของคุณเพิ่งจะบรรลุข้อตกลงกับบริษัทเหมืองแร่แห่งหนึ่งเพื่อให้พวกเขาจัดหาแร่ที่จำเป็นให้กับบริษัทของคุณใช่ไหม? แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนบริษัทเหมืองแร่บริษัทนี้ถูกซื้อไปโดยบริษัทเว่ยอันไปแล้วและถูกบีบบังคับให้ต้องล้มละลาย ถ้าหากว่าข้อตกลงเรื่องวัตถุดิบของบริษัทคุณถูกยกเลิกเพราะเรื่องนี้ ผมอยากรู้ว่าคุณจะจัดการกับปัญหาในเรื่องนี้ยังไง?” เมนเดต้ากล่าวขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย
คำพูดของชายชราไว้เคราทำให้หลี่กวนเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายใต้คำสั่งของเขาเอง ซึ่งเขาพยายามขัดขวางบริษัทของเซี่ยเฟยทุกวิถีทางเพื่อสั่งสอนให้รู้ว่า การพยายามยั่วยุตระกูลหลี่จะทำให้บริษัทของเขาต้องเผชิญหน้ากับหายนะ
เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะชาร์ลีเคยบอกกับเขาว่าบริษัทจำเป็นต้องใช้แร่ธาตุเป็นจำนวนมากในการผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ และก่อนหน้านี้ชาร์ลีก็ได้ทำข้อตกลงกับบริษัทเหมืองแร่แห่งหนึ่งเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงสงสัยว่าบริษัทเมืองแร่ที่ชาร์ลีเคยพูดถึงคือบริษัทเดียวกับที่ชายชราตรงหน้ากำลังพูดถึงอยู่หรือเปล่า
“ผมยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้เลย คุณรู้เรื่องบริษัทเหมืองแร่นั้นได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถาม
“คุณรู้จักคำว่าข่าววงในไหม? มันมีคนในที่นี้หลาย ๆ คนรู้เรื่องนี้อยู่แล้วและในวันพรุ่งนี้ก็คงจะมีข่าวออกตามมา” เมนเดต้ากล่าวอย่างเฉยเมย
“แน่นอนว่าถึงบริษัทของพวกเขาจะล้มละลายแต่เราก็จะต้องได้เงินมัดจำของพวกเราคืน หลังจากนั้นพวกเราค่อยหาหุ้นส่วนใหม่ก็ยังไม่สาย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก กว่าที่บริษัทแห่งหนึ่งจะสามารถชำระบัญชีคงค้างของบริษัทได้มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานมาก ผมได้ยินมาว่าบริษัทของคุณได้ทำสัญญาสั่งซื้อถึง 5 ปีในคราวเดียว และจำนวนเงินที่วางมัดจำเอาไว้ก็ค่อนข้างจะเป็นเงินก้อนใหญ่ ถ้าหากว่าบริษัทไม่ได้รับเงินมัดจำก้อนนี้คืนในเร็ววัน มันจะส่งผลกระทบต่อบริษัทของคุณหรือเปล่า?” เมนเดต้ากล่าวขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเผชิญหน้ากับคำพูดที่ก้าวร้าว แต่ชายหนุ่มก็ยังสามารถรับมือได้อย่างใจเย็น ในทางตรงกันข้ามไทสันที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ตอนนี้บริษัทควอนตัมเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ที่ได้รับการอนุมัติจากกองทัพแล้ว ถึงแม้ว่าบริษัทเหมืองแร่บริษัทนั้นจะล้มละลาย แต่เราก็มีบริษัทเหมืองแร่อีกมากมายที่พร้อมจะมาสนับสนุนการผลิตของบริษัทควอนตัม” ไทสันก้าวเท้าออกไปข้างหน้าพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแหบห้าว
“อะไรนะ?! บริษัทของเซี่ยเฟยเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกองทัพ!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง? การเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A มันหมายถึงการเป็นหุ้นส่วนสำคัญของกองทัพเลยนะ!”
“ถ้าเซี่ยเฟยพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเองฉันก็คงจะไม่เชื่อ แต่คุณยังกล้าสงสัยคำพูดของจอมพลไทสันงั้นเหรอ?”
ฝูงชนเริ่มพูดคุยถึงเรื่องนี้อย่างคับคั่ง ซึ่งจู่ ๆ หลี่กวนก็กำลังรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมทีเขาตั้งใจที่จะบีบบังคับให้บริษัทของเซี่ยเฟยล้มละลาย ก่อนที่จะค่อย ๆ บีบบังคับเพื่อยุติความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเฟยกับแอวริลลงไป และเมื่อเซี่ยเฟยได้หายออกไปจากความสนใจของทุกคน ในเวลานั้นเขาก็จะส่งคนไปสังหารชายหนุ่มคนนี้อย่างเงียบ ๆ
แต่คำพูดของไทสันเพียงแค่ประโยคเดียวกลับทำลายแผนการทั้งหมดที่เขาได้วางเอาไว้ และการที่บริษัทควอนตัมได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A มันก็ทำให้แม้แต่ตระกูลหลี่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปแตะต้องบริษัทควอนตัมได้อีกแล้ว เพราะท้ายที่สุดซัพพลายเออร์ระดับ A ก็ไม่ต่างไปจากหุ้นส่วนของกองทัพ และการพยายามจู่โจมหุ้นส่วนของกองทัพก็ไม่ต่างไปจากการพยายามเป็นศัตรูกับกองทัพของพันธมิตร
เหล่าฝูงชนเริ่มกระตือรือร้นมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่จะมีคนฝากนามบัตรอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้ให้กับเซี่ยเฟยไม่เว้นหน้า
ชายหนุ่มเก็บนามบัตรเหล่านี้เข้าไปในไมโครคอมพิวเตอร์โดยไม่สนใจอะไร เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในงานบริหารบริษัทโดยตรง เขาจึงคิดจะเก็บนามบัตรเหล่านี้เอาไว้ให้กับชาร์ลีแทน
แอวริลยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างมีความสุข เพราะสิ่งที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมาในคืนนี้เกินกว่าความคาดหมายของเธอไปมากและมันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริง ๆ
ในทางตรงกันข้ามพ่อลูกตระกูลหลี่ต่างก็กำลังตกอยู่ในอาการสิ้นหวัง หลี่กวนจึงถอนหายใจออกมาอย่างหนักก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากงานเลี้ยงแห่งนี้ไป
—
“ขอบคุณมากครับท่านจอมพลไทสัน” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากหาโอกาสมาพูดคุยกับไทสันได้สำเร็จ
“ฉันแค่พูดความจริง ถึงยังไงผลกระทบต่อบริษัทของนายก็จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของกองทัพด้วย ดังนั้นถ้าหากว่ามีใครกล้ามารังแกบริษัทของนาย ทางกรมทหารของฉันก็ไม่มีวันที่จะนั่งนิ่งอยู่เฉย ๆ” ไทสันกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“แน่นอนว่าบริษัทของผมก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อกองทัพด้วยใช่ไหมครับ? ไม่ต้องห่วงครับหลังจากนี้ผมจะนำส่งผลิตภัณฑ์ให้ตรงเวลาและขอให้แน่ใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะผ่านมาตรฐานทั้งหมด” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป
“ฉลาดดีนี่ไอ้หนู เดี๋ยววันพรุ่งนี้นายก็คงจะได้รับแผ่นป้ายซัพพลายเออร์ระดับ A ไปแล้วมั้ง” ไทสันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ว่ามันต้องรอคำอนุมัติจากสภาก่อนงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างสงสัย
“พวกนักการเมืองจะมาบริหารกองทัพได้ยังไง? ถึงแม้ทางกองทัพจะสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อพันธมิตร แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะต้องไปฟังคำสั่งจากนักการเมืองเท่านั้น ที่สำคัญคือเมื่อกี้ฉันประกาศเรื่องบริษัทของนายออกไปแล้ว ทางสภาจึงจำเป็นจะต้องจัดหาแผ่นป้ายซัพพลายเออร์ระดับ A ให้กับบริษัทของนายให้ได้โดยเร็วที่สุด” ไทสันกล่าวอย่างมั่นใจ
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและแอบชื่นชมไทสันที่ไม่สนใจพวกนักการเมือง เพราะท้ายที่สุดถ้าหากว่ากองทัพตกอยู่ภายใต้การควบคุมของใครคนใดคนหนึ่ง มันย่อมเป็นหายนะของประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัย
—
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเดินวนอยู่ท่ามกลางปวงชน แอวริลก็ถอยห่างออกมาเงียบ ๆ พร้อมกับแอบชื่นชมผู้ชายของเธออยู่อย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นานนิโคลก็เดินเข้ามา ก่อนที่ผู้หญิงทั้งสองคนจะมองออกไปที่เซี่ยเฟยในระยะไกล
ถึงแม้ว่าพวกเธอจะดูคล้ายกัน แต่ในเรื่องของรายละเอียดนั้นพวกเธอก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
แอวริลมีเซี่ยเฟยที่คอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา และแม้แต่ในช่วงเวลาที่เธอกำลังประสบกับความยากลำบาก เซี่ยเฟยก็จะรีบพุ่งเข้ามาช่วยเหลือเธอโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเอง
แต่รอบ ๆ ตัวของนิโคลไม่มีผู้ชายแบบนี้อยู่เลยสักคน เธอจึงต้องเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีคนรักคอยเข้ามาปกป้องเธอ
“เธอโชคดีนะ” นิโคลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับจิบไวน์ภายในมือ
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” แอวริลกล่าวอย่างแผ่วเบาขณะที่ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
“ฉันจะไปคุยกับเซี่ยเฟยสักหน่อย เธอคงไม่ว่าอะไรฉันใช่ไหม?” นิโคลกล่าวขึ้นมาอย่างลึกลับ
“ได้สิ” แอวริลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“เธอไม่กลัวฉันแย่งเขาไปรึไง?” นิโคลถามอย่างสงสัย
“เซี่ยเฟยไม่มีทางไปหรอก” แอวริลกล่าวราวกับเธอเป็นจิ้งจอกสาวตัวน้อย
“มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” นิโคลถามอย่างแปลกใจ
“เขาคือผู้ชายที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยฉันนะ เธอคิดว่าฉันจะเชื่อใจเขาไม่ได้เลยเหรอ?” แอวริลกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างมีความสุข
“เรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับฉันจริง ๆ” นิโคลกระซิบกับตัวเองพร้อมกับดื่มไวน์เข้าไปจนหมดแก้ว
หลังจากนั้นนิโคลก็เรียกเซี่ยเฟยไปสนทนาที่มุมหนึ่ง โดยในขณะนี้หญิงสาวเริ่มมีอาการมึนเมาบ้างแล้วบทสนทนาของเธอจึงเริ่มแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
“เบอร์โทรที่ฉันให้ไป อยู่ไหนแล้ว?”
“ผมโยนมันทิ้งไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ทำไม?” นิโคลจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างโกรธเคือง
“ก็ผมไม่ได้อยากเป็นบอดี้การ์ดนี่” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นิโคลเงียบไปสักพักก่อนที่เธอจะเริ่มหัวเราะเยาะตัวเอง จากนั้นเธอก็หยิบปากกาออกมาเขียนเบอร์โทรบนฝ่ามือของชายหนุ่ม
“พรุ่งนี้โทรมาหาฉันตอน 9 โมงเช้า”
“มีอะไรหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันมีของขวัญจะให้” นิโคลกล่าวขึ้นมาอย่างลึกลับ
“คุณนิโคลถือว่าเป็นเกียรติของผมที่ได้รับใช้คุณ แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องให้ของขวัญกับผมก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นิโคลหันหลังแล้วเดินจากไป จากนั้นเธอก็หันศีรษะกลับมาและพูดออกมาอย่างสบาย ๆ ว่า
“คุณคงไม่โง่ปฏิเสธยานรบหนักหรอกใช่ไหม?”
***************
มาแล้ว ผู้หญิงสายเปย์ แถมยังเปย์หนักสุด ๆ !!