ตอนที่แล้วตอนที่ 315 ต้นกำเนิดของจักรวาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 317 ยานรบหนัก

ตอนที่ 316 ความตายและการกำเนิดขึ้นมาใหม่


ตอนที่ 316 ความตายและการกำเนิดขึ้นมาใหม่

ทุกคนรู้ดีว่าส่วนที่ยากที่สุดของการบรรเลงเพลงต้นกำเนิดของจักรวาลอยู่ในท่อนที่ 2 ซึ่งมันเป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจักรวาลที่กำลังจะตายภายใต้ความมืดมิด

ขณะที่ดนตรีเริ่มบรรเลงอย่างหดหู่ใจ แอวริลก็เริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเธอรู้ดีว่าช่วงเวลาแห่งบททดสอบสำคัญกำลังใกล้จะมาถึงแล้ว

แม้ว่าเธอจะได้รับการฝึกฝนจากครูสอนดนตรีชั้นแนวหน้าในพันธมิตร แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถบรรเลงเพลงท่อนที่ 2 ของต้นกำเนิดของจักรวาลได้อย่างสมบูรณ์ โดยอย่าลืมว่าเธอได้เริ่มเรียนเปียโนกาแล็กซีมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งมันก็หมายความว่าเธอมีประสบการณ์ในการเล่นเปียโนกาแล็กซีมามากกว่า 10 ปี

ถ้าหากว่าแม้แต่แอวริลซึ่งมีประสบการณ์มานานขนาดนี้ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ แล้วเซี่ยเฟยจะสามารถบรรเลงบทเพลงนี้ได้จริง ๆ เหรอ?

ท่วงทำนองเริ่มหดหู่มากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าพายุเมฆฝนกำลังเข้าปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า

ระยะการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยเริ่มเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ในขณะที่ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นราวกับว่าเขากำลังรับรู้ถึงการรุกราน ซึ่งการส่งผ่านอารมณ์ของชายหนุ่มคนนี้สามารถที่จะแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี

แววตาของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ ซึ่งถ้าหากผู้มีประสบการณ์ได้มาเห็นแววตาของชายหนุ่มในครั้งนี้ พวกเขาก็จะสามารถรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่านี่คือสายตาของผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งที่อาจจะคุกคามชีวิตของพวกเขาได้ทุกเมื่อ

โดยปกติแล้วมันจะมีเพียงแต่นักดนตรีชั้นแนวหน้าที่สามารถส่งผ่านความรู้สึกไปทางตัวโน้ตจนถึงผู้ที่รับฟังได้ แต่ในขณะนี้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ กลับรู้สึกถึงเมฆดำที่กำลังล่องลอยอยู่เหนือศีรษะ และเงาดำแห่งความตายก็กำลังคืบคลานเข้ามารุกรานชีวิตของพวกเขา

เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ชมทุกคนรู้สึกตกตะลึง เพราะเซี่ยเฟยสามารถส่งผ่านความรู้สึกผ่านบทเพลงออกมาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูคล้ายกับมือใหม่มากก็ตาม

ทุกคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องดนตรีรู้อยู่แล้วว่าเพลงนี้ให้ความรู้สึกถึงความมืดมิดและความหดหู่ใจ ซึ่งเซี่ยเฟยก็สามารถส่งอารมณ์ผ่านดนตรีได้อย่างถูกต้อง และโน้ตที่เขากดลงไปในแต่ละครั้งก็คล้ายกับก้อนหินที่กำลังกระทุ้งเข้าใส่หัวใจของผู้ฟังอย่างโหดเหี้ยม

ผู้หญิงซึ่งมีความอ่อนไหวทางด้านอารมณ์บางคนได้ใช้มือกุมหน้าอกตรงบริเวณหัวใจของพวกเธอเอาไว้ ราวกับว่าความหดหู่และความตายที่เซี่ยเฟยกำลังส่งผ่านบทเพลงกำลังจะกลายเป็นเรื่องจริง

เซี่ยเฟยกำลังใช้ดนตรีบ่งบอกทุกคนถึงความหมายที่แท้จริงของความตาย นอกจากนี้สิ่งที่เขากำลังแสดงอีกอย่างคืออารมณ์ที่จักรวาลทั้งหมดกำลังจมดิ่งลงสู่ความมืด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากกว่าความตายไม่รู้กี่เท่า

ครวญคราง!

โศกเศร้า!

หดหู่!

บทเพลงทำให้คน ๆ หนึ่งรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะส่งเสียงเพื่อร้องขอความเมตตาจากความตายได้

ในไม่ช้าผู้รับฟังก็เริ่มหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ทุกคนในคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่าจมอยู่ในความโศกเศร้าราวกับว่าจักรวาลกำลังจะถูกทำลายล้างลงไปจริง ๆ

เหตุการณ์นี้ทำให้ไทสันขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะในบรรดาแขกทั้งหมดคงจะมีเพียงแค่เขากับทูรามที่เคยยืนเผชิญหน้ากับความตาย แต่เซี่ยเฟยกลับตีความหมายของความตายออกมาได้อย่างลึกซึ้ง จนไทสันถึงกับถามตัวเองว่าเขามีประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับความตายน้อยกว่าชายหนุ่มคนนี้จริง ๆ เหรอ?

เพล้ง!

ไทสันออกแรงเพียงเล็กน้อยเพื่อบีบแก้วไวน์ภายในมือให้แตกออกเป็นชิ้น ๆ และถึงแม้ว่าเสียงแก้วแตกจะไม่ดังมากนัก แต่มันก็ส่งเสียงไปถึงหูของผู้ฟังทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น

เสียงนี้เหมือนเสียงที่ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน และพวกเขาก็พยายามปาดน้ำตาออกไปจากใบหน้าแล้วทำเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แขกเป็นจำนวนมากเริ่มใช้โอกาสนี้ในการหนีออกจากงานเลี้ยง โดยหยิบยกข้ออ้างต่าง ๆ นานาขึ้นมาอย่างมากมาย แต่เหตุผลสำคัญคือพวกเขาไม่สามารถที่จะทนรับอารมณ์อันหดหู่ของเพลงนี้ได้จริง ๆ พวกเขาจึงไม่อยากจะอยู่ตรงนี้ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว

ทันใดนั้นท่วงทำนองของบทเพลงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายไม่ได้ให้ความรู้สึกหดหู่เหมือนกับในก่อนหน้านี้อีกต่อไป

เซี่ยเฟยรู้ดีว่าช่วงเวลาที่ไทสันบีบแก้วจนแตกเป็นช่วงเวลาที่อารมณ์ของทุกคนกำลังถึงจุดบอบบางมากที่สุด เขาจึงใช้เสียงแตกของแก้วไวน์ในการปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ซึ่งการรับรู้ของชายชราคนนี้จัดอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว

เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากและพยายามปรับท่วงทำนองให้อยู่ในระดับที่ทุกคนยอมรับได้ ซึ่งอันที่จริงในช่วงเวลาก่อนหน้านี้แม้แต่ตัวของเขาเองก็กำลังจมอยู่กับท่วงทำนองแห่งความตายเช่นกัน และกำลังหวนนึกถึงวันวานที่เขาต้องพยายามเอาชีวิตรอดท่ามกลางกองซากศพ

น่าเสียดายที่การเข้ามาแทรกแซงของไทสันได้ทำให้เซี่ยเฟยตื่นขึ้นมาจากภวังค์ และมันก็ทำให้บทเพลงนี้มีความเข้มข้นน้อยลงไปกว่าเดิม

แอวริลที่กำลังมีใบหน้าอันซีดเผือดถอนหายใจออกมาอย่างแรง โดยในตอนนี้เธอก็มี 2 ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจ คืออย่างแรกเธอได้ประหลาดใจกับการแสดงของเซี่ยเฟย และความรู้สึกที่ 2 คือเซี่ยเฟยต้องเผชิญหน้ากับประสบการณ์แบบไหนมาถึงสามารถส่งผ่านอารมณ์เพลงออกมาได้อย่างหดหู่มากขนาดนั้น

ช่วงเวลาต่อมาบทเพลงในท่อนที่ 3 ก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งดนตรีที่ไพเราะก็ได้ชักนำความคิดของทุกคนกลับสู่ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเป็นช่วงเวลาแห่งการก่อกำเนิดขึ้นมาใหม่

หลี่กวนกับหลี่โม่สบสายตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยแววตาของหลี่โม่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าและเขาก็ได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปแล้ว เพราะท้ายที่สุดการแสดงของเซี่ยเฟยก็ยอดเยี่ยมมากจนเกินไป จนทำให้ความหวังสุดท้ายของเขาได้ดับไปท่ามกลางเสียงดนตรีของศัตรู

ถ้าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ข้าง ๆ บิดาของตัวเองเขาก็คงจะรีบหนีออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะพยายามหนีออกไปให้ไกลที่สุด และพยายามจะทำยังไงก็ได้ให้ไม่ต้องกลับมาพบกับเซี่ยเฟยอีก

หลี่กวนไม่ใช่ชายขี้ขลาดเหมือนกับลูกชายของตัวเอง เขาจึงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ง่าย ๆ แต่การแสดงออกของลูกชายก็เริ่มทำให้เขารู้สึกอึดอัดเช่นเดียวกัน

ผู้นำตระกูลหลี่เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปทางชายชราผู้ไว้หนวดเครา และได้เห็นว่าชายชราคนนี้กำลังยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาตัวเองอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อชายชราผู้ไว้หนวดเคราได้เห็นแววตาของหลี่กวนที่กำลังจ้องมองมา เขาก็พยักหน้าและแสร้งทำเป็นมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างดุดัน

“ไม่ว่าใครคนหนึ่งจะเล่นเปียโนกาแล็กซีได้หรือไม่ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นจะเป็นนักดนตรีที่ดีหรือไม่ดี บางคนเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้มาทั้งชีวิตแต่ก็ยังไม่สามารถส่งผ่านอารมณ์ทางดนตรีได้ ในขณะที่บางคนไม่เคยมีโอกาสได้แตะต้องเครื่องดนตรีชนิดนี้เลย แต่พวกเขาก็ยังสามารถส่งอารมณ์ผ่านดนตรีได้อย่างมีพลัง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่นิ้วยังคงเล่นเปียโนราวกับว่าเขาคือนักดนตรีที่มีประสบการณ์

เสียงของเซี่ยเฟยผสานเข้ากับเสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงได้อย่างลงตัว ทำให้คำพูดของเขาได้ล่องลอยเข้าไปในหัวใจของทุกคน

“หากผู้บรรเลงไม่มีดนตรีในหัวใจ แม้แต่เครื่องดนตรีที่แพงที่สุดในโลกก็ไม่สามารถทำให้พวกเขากลายเป็นนักดนตรีที่ดีได้ แต่ถ้าหากว่าใครคนหนึ่งมีดนตรีอยู่ในหัวใจ แม้แต่ใบไม้ก็สามารถทำให้พวกเขาบรรเลงดนตรีออกมาได้อย่างงดงาม”

ประโยคสุดท้ายของเซี่ยเฟยจบลงพร้อมกับบทเพลงซึ่งทำให้ทุกคนได้จมอยู่ในภวังค์อีกครั้ง พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเสียงเพลงหรือคำพูดของเซี่ยเฟยกันแน่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกหลงใหลได้มากขนาดนี้ แต่หลังจากที่การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มได้หยุดลงไป พวกเขาทุกคนกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังขาดหายไปจากชีวิตของตัวเอง

เซี่ยเฟยจับจ้องมองไปยังผู้รับชมที่อยู่บริเวณโดยรอบ ก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดลงที่ใบหน้าของหลี่โม่

“ไม่ทราบว่าคุณหลี่พอใจกับบทเพลงของผมหรือไม่?”

***************

อ่ะ! มีใครเดาได้บ้างว่าพี่เฟยเล่นได้ยังไง? รายงานตัวหน่อยยยย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด