998 - การแลกเปลี่ยน
998 - การแลกเปลี่ยน
“กร๊ากกก…”
ในขณะที่เรือล่องลอยไปเรื่อยๆ ก็มีอีกาตัวหนึ่งบินผ่านท้องฟ้าพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องยามค่ำคืน
“สหายตัวแสบตามมาทันแล้ว” เย่ฟานหัวเราะ
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเอี๋ยนอี้ซีกลับเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขากล่าวด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย
“ศิษย์คนโตของแม่เฒ่าเทียนเหยาอยู่ที่นี่!”
“แม่เฒ่าเทียนเหยา(อสูรสวรรค์)?” เย่ฟ่านตกใจและไวต่อคำสี่คำนี้มาก
“ถูกต้อง อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์พิภพคืออสูรสวรรค์ ว่ากันว่าแม่เฒ่าเทียนเหยาคือมารดาแห่งอสูรสวรรค์ทั้งมวล ในโลกนี้ไม่มีใครไม่กลัวนาง ความแข็งแกร่งของนางยังน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์อีกาทองด้วยซ้ำ”
แม่เฒ่าเทียนเหยามีศิษย์สี่คนซึ่งทุกคนมี มีชื่อเสียงมากว่าพันปี
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์พิภพ ไม่ว่ามาหาอำนาจใดถือกำเนิดขึ้นมาก็ต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขาอย่างนอบน้อม
รถม้าทองแดงโบราณที่บรรทุกศพบินผ่านไป พร้อมกับอีกาฟง 1 ที่กำลังลากรถม้าไปข้างหน้าอย่างดุร้าย
“นี่คือซากศพอันชั่วร้ายของศิษย์คนโตของแม่เฒ่าเทียนเหยา กล่าวกันว่าเขาถูกสังหารโดยชายผู้แข็งแกร่งจากยุคอดีต แต่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขายังคงอยู่และบ่มเพาะซากศพของตัวเองด้วยทักษะที่แปลกประหลาดบางประเภท”
แม่เฒ่าเทียนเหยาคือได้ว่าเป็นมารดาแห่งอสูรทั้งปวง และมีเพียงไม่กี่คนในโลกที่กล้ายั่วยุนาง แม้แต่ศิษย์หลักทั้งสี่ของนางก็ยังเป็นคนที่ทุกคนหลบเลี่ยง
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนเห็นผู้ทรงพลังบางคนบินผ่านไป บางคนมีกลิ่นอายมหึมาหรือมานาเหมือนทะเล พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด
ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อดูหน้าคัมภีร์ขอเทพเมื่อมาถึงจุดนี้มีเพียงการทะลวงสู่ความเป็นอมตะเท่านั้นจึงจะทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ที่ด้านล่างสุดของแม่น้ำลั่วซิงมีสันดอนหนาปรากฏขึ้นเหมือนกำแพงยักษ์ที่สูงนับพันวาทำให้สายน้ำไม่สามารถเคลื่อนตัวผ่านไปได้ สิ่งนี้เรียกว่าหน้าผาตวนมู่ซึ่งดำรงอยู่มานานนับพันปี
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผู้บ่มเพาะอย่างเย่ฟาน
แต่ความแปลกประหลาดของมันอยู่ที่ความจริงที่ว่าในสันดอนขนาดยักษ์นี้กลับมีต้นไม้ใหญ่ที่ทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับต้นไม้โลก
“ไม่คิดว่าที่นี่จะมีต้นไม้ขนาดใหญ่แบบนี้อยู่!”
เย่ฟานรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะนี่คือต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น
“ว่ากันว่านี่คือราชาต้นไม้ หลังจากหายนะหลายร้อยครั้ง มันก็ไม่สามารถกลับสู่ความเป็นอมตะได้และยืนต้นตายอยู่ที่นี่อย่างน่าเสียดาย มีตำนานเล่าขานว่าต้นไม้นี้เป็นรังของมังกรที่แท้จริง บางทีอาจมีไข่ของมังกรซุกซ่อนอยู่ข้างในก็ได้”
ในเวลานี้รอบๆ ผาตวนมู่ มีผู้คนมากมายปรากฏตัวขึ้น แน่นอนว่านี่เป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่คอยต้องการมองเห็นคัมภีร์ระดับเทพเล่มนั้น
“พวกเขาจะแลกเปลี่ยนคัมภีร์โบราณที่นี่จริงๆ หรือ?” เย่ฟานบิดร่างกายอย่างเกียจคร้าน
บนหน้าผาสีดำมีชายชราผมสีเงินเป็นประกายมีความศักดิ์สิทธิ์ดังเทพเซียนกำลังนั่งสมาธิด้วยความสงบ
“นั่นคือนักพรตซานเชวีย!” เอี๋ยนอี้ซีให้คำแนะนำเย่ฟ่านด้วยท่าทางเคร่งขรึม
อีกฟากหนึ่งคือนักพรตหนุ่มที่มีความหล่อเหลาเป็นอย่างมาก เขาสวมชุดคลุมนักพรตสีขาวนวล ปักเป็นรูปหยินหยางแปดดวงที่ส่องสว่างเป็นครั้งคราว
ผิวพรรณของเขาผ่องใสงดงามราวกับสตรี ความสงบนิ่งในใจนี้ไม่ต้องสงสัยอะไรว่านี่จะต้องเป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
ในขณะนี้นักพรตชราแห่งวิหารฉางเชิงลืมตาตื่นขึ้น เขาและนักพรตซานเชวียยืนอยู่ตรงข้ามกันบนหน้าผาก่อนจะทักทายกันตามมารยาทด้วยความเท่าเทียม
ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่านักพรตซานเชวีย นั้นน่ากลัวเพียงใด
“เฮ้อ ขนาดเก็บไว้เป็นความลับแบบนี้ก็ยังมีผู้คนมากมายรับรู้”
นักพรตชราแห่งวิหารฉางเชิงขมวดคิ้ว
ทั้งสองไม่ได้เลือกที่จะนัดหมายเวลาอื่น แต่ต่างคนล้วนหยิบกล่องไม้ออกมาอย่างระมัดระวัง ซึ่งทั้งสองเป็นกล่องไม้โบราณที่สลักด้วยลวดลายของมังกรและหงส์เห็นได้ชัดว่าพวกมันมาจากต้นกำเนิดเดียวกันอย่างแน่นอน
บริเวณโดยรอบเงียบสงบมากมีเพียงเสียงแม่น้ำลั่วซิงที่ไหลเชี่ยว และไม่มีเสียงรบกวนอื่นใด บนผาไม้หักแสงจันทร์ส่องสว่าง และปรมาจารย์ผู้ไร้เทียมทานทั้งสองก็ถือกล่องไม้ยื่นมันไปข้างหน้าพร้อมกัน
ไม่รู้ว่ามีสายตากี่คู่ที่จ้องมองมาที่เขาในความมืด อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ พวกเขาเพียงรอคอยว่าจะมีใครบางคนยื่นมือเข้าไปสอดแทรกการแลกเปลี่ยนครั้งนี้หรือไม่
“บูม”
ทันใดนั้น มือสีม่วงขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากความว่างเปล่า ปกคลุมหน้าผาด้วนมู่ด้านล่างทั้งหมด เขาตั้งใจจะจับนักพรตซานเชวียและนักพรตชราจากวิหารฉางเชิง
คนนี้คือใครถึงกล้าโจมตีปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้สองคนในเวลาเดียวกัน? ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง
“ปัง”
นักพรตซานเชวียและชายชราจากวิหารฉางเชิงพยักหน้าก่อนจะโยนกล่องไม้ของตัวเองขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของศัตรู
รอยแตกสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ในความว่างเปล่า และมือสีม่วงขนาดใหญ่อีกข้างก็พุ่งเข้าหากล่องไม้ทั้งสองอย่างดุร้าย
“กร๊ากกก ก๊วกๆ…”
อีการ้องเสียงหลง พวกมันดึงรถม้าทองแดงที่บรรจุซากศพโบราณให้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ในขณะนั้นเหงาลึกลับสี่ร่างก็ปรากฏตัวออกมาจากโลงศพโบราณทันที
พวกเขาคือศิษย์หลักสี่คนของแม่เฒ่าเทียนเหยา ทั้งสี่คนมาที่นี่ก็เพื่อต้องการแย่งชิงคัมภีร์ที่จะพาพวกเขาทะลวงเข้าสู่ความเป็นอมตะ
“หากแม่เฒ่าเทียนเหยามาด้วยตัวเองอาจยังพอมีโอกาส แต่พวกเจ้าเพียงสี่คนไม่มีความสามารถนั้น!”
เสียงเย็นชาดังออกมาจากความว่างเปล่า ได้เวลาตอบมามือสีขาวขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากท้องฟ้าและปะทะกับมือสีม่วงทันที
ปัง ปัง!
“ผู้แข็งแกร่งรวมตัวกัน และผู้ที่เคลื่อนไหวอย่างน้อยต้องเป็นปีศาจเฒ่าที่มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันปี!” เอี๋ยนอี้ซีกระซิบ
หน้าผาไม้สีดำกลายเป็นความยุ่งเหยิง ความว่างเปล่ายังคงจากพังทลายจากการต่อสู้ของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคน
“คนนั้นคืออู๋เต้าเชวีย!” มีคนอุทาน
ในที่สุดก็มีใครบางคนจดจำแขนสีขาวข้างนั้นได้ เขาคือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่ได้ชื่อว่าชั่วร้ายมากที่สุดในลู่โจว ครั้งหนึ่งเคยเดินทางแปดพันลี้ในคืนเดียว และกวาดล้างนิกายใหญ่สองแห่งจนหมดสิ้น
“อีกคนคือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ทำไมเขาถึงปรากฏตัวอีกครั้ง!”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางคือศิษย์คนหนึ่งของแม่เฒ่าเทียนเหยา ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปจะนำไปเปรียบเทียบได้
“ปัง!”
ผาไม้สีดำแตกเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้การเผชิญหน้าของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดหลายคน เศษหินเศษดินปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า
นี่คือราชาต้นไม้ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ พื้นผิวของมันแข็งกว่าหิน แต่วันนี้มันกลับถูกทำลายภายใต้การโจมตีของผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์พิภพ
มือสีม่วงขนาดใหญ่คว้ากล่องไม้ที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ข้างในนั้นว่างเปล่า
“ระยำ!”
กล่องไม้อีกใบถูกมือสีขาวฉกไป และเมื่อเปิดออกก็ว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น
เวลานี้นักพรตซานเชวียและชายชราในวิหารฉางเชิงต่างยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พวกเขาไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเองแต่ส่งร่างอวตารออกมาแลกเปลี่ยนสินค้า
“พวกมันหลอกเรา!”
“ไล่ล่า!”
ปรมาจารย์หลายคนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน ทันทีที่ปรมาจารย์ไร้เทียมทานในตำนานจากไป ก็มีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกแสดงตัวขึ้น
“ปรมาจารย์ลึกลับที่แซ่เย่ก็มาเช่นกัน หลังจากตัดหัวองค์ชายเก้าแห่งเผ่าพันธุ์อีกาทองและอวตารของลู่หยา เขายังกล้าปรากฏตัวโดยไม่หวั่นเกรงผู้ใดแม้แต่น้อย!”
ในขณะนี้ผู้คนกำลังมองเย่ฟานซึ่งนั่งอยู่บนเรือน้อยด้วยความตกใจ
“เหตุใดไม่มีผู้คนจากเผ่าพันธุ์อีกาทองมาเลย เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่านี่คือการแลกเปลี่ยนปลอม” เย่ฟ่านมีความสงสัย
“ว่ากันว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เผ่าพันธุ์อีกาทองได้ค้นพบความลับที่น่าตกใจเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์พวกเขา นั่นเป็นเหตุผลให้คนเหล่านั้นเลิกไล่ล่าพวกเราชั่วคราว”
“ความลับประเภทใดที่สำคัญกว่าคัมภีร์เทพ” เย่ฟ่านรู้สึกงงงวย
“ต้นชบาอมตะปรากฏขึ้นอีกครั้ง ข้ากำลังยืนยันว่าข่าวนี้จริงหรือไม่”
เอี๋ยนอี้ซีกระซิบอย่างไรก็ตามใบหน้าของเขากลับแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง
ในขณะนั้นมีชายหนุ่มที่สวมชุดห้าสีปรากฏตัวขึ้นบนเรือของพวกเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เจอกันนานแล้ว พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ใบหน้าของเอี๋ยนอี้ซีมืดลงทันที
“เขาเข้าสู่ความสันโดษมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตามวันนี้พี่ใหญ่ได้สั่งการให้ข้ามาจับตัวอี้ชิงอู่หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์พิภพกลับไปให้ได้ ไม่ทราบว่าพี่เอี๋ยนพอจะช่วยเหลือได้หรือไม่?” ชายหนุ่มในชุดเทพห้าสีมีสีหน้าชั่วร้าย
“เรื่องชั่วช้าแบบนี้ข้าไม่ทำอย่างเด็ดขาดเจ้าเลิกฝันไปได้เลย!” เอี๋ยนอี้ซีปฏิเสธอย่างรุนแรง
“ฮ่าๆๆ เจ้าช่างน่าเบื่อจริงๆ!” ชายในชุดเทพห้าสีมองไปยังเย่ฟ่านและกล่าวว่า
“พี่เย่ข้ามีความปรารถนาอยากพบเจ้ามานานแล้วไม่คิดว่าเราจะได้พบกันที่นี่ เราจะร่วมมือกันจับอี้ชิงอู่แล้วปล่อยให้ไอ้สารเลวหยินเทียนเต๋อคุ้มคลั่งเป็นอย่างไร ไอ้สาระเลวนั้นเป็นศัตรูของเจ้าไม่ใช่หรือ?!”
เย่ฟ่านต้องการจะปฏิเสธ แต่ในขณะนั้นกลับมีกลีบดอกไม้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ในเวลาต่อมารถมาที่งดงามคันหนึ่งก็เคลื่อนตัวมาจอดอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา
“เจ้าคือเย่ฟ่านใช่ไหม” สาวใช้คนหนึ่งบินออกมาจากรถและถามด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆๆ โฉมงามอันดับหนึ่งอี้ชิงอู่กำลังเชื้อเชิญพี่เย่ นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะจับตัวนานไว้!” ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมห้าสีหัวเราะเสียงดัง