บทที่ 30: เมืองเฮยเหยียนส่งกองกำลัง
หลังจากตระหนักถึงเรื่องสำคัญนี้ได้แล้วสายตาที่ใช้มองสิ่งของเหล่านี้ก็กลายเป็นจริงจังสุด ๆ ขึ้นมาทันที
เขาเริ่มศึกษาชุดเกราะหนังนี้อย่างถี่ถ้วนและการทำงานอย่างหนักก็ประสบผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว ๆ 3 ชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ค้นพบคุณสมบัติพิเศษของชุดเกราะหนังนี้
ต้องบอกเลยว่าเกราะหนังสีดำเป็นสมบัติที่ไม่ด้อยไปกว่ากริชสีม่วง!
พลังป้องกันของมันอยู่ในระดับปานกลางและดีกว่าเกราะหนังทั่วไปเล็กน้อย ส่วนความมหัศจรรย์อยู่ตรงที่ป้องกันข้อมือทั้งสองข้าง
ฝั่งแขนซ้ายมันมีกลไกลับซ่อนอยู่ เมื่อกดลงที่กลไกดังกล่าวมันจะยิงกรวยเหล็กสีดำออกมาโดยกรวยเหล็กดังกล่าวมีความยาวพอ ๆ กับนิ้วชี้และพลังในการเจาะทะลุของมันก็สุดเลิศเลอ
ในที่ป้องกันข้อมือมีกรวยเหล็กซ่อนอยู่ห้าชิ้นซึ่งสามารถเก็บกลับมาใช้ใหม่ได้
ถังเจิ้นอยากเห็นเหลือเกินว่าต้องเป็นกลไกสุดเจ๋งขนาดไหนถึงสามารถซุกซ่อนกรวยเหล็กที่อันตรายขนาดนี้ไว้ได้ตั้ง 5 ชิ้นในสิ่งของที่บางเบาขนาดนี้ได้ แต่ก็น่าเสียดายที่การประกอบนั้นไร้ที่ติจนเกินไปจนเขาไม่อาจหาช่องทางในการแงะมันออกมาดูได้เลย
ส่วนที่ป้องกันข้อมืออีกข้างหนึ่งนั้นมันซ่อนใบมีดเอาไว้ แม้จะไม่คมกริบเหมือนกับกริชสีม่วงก็ตาม แต่ความคมของมันก็ยังไม่ใช่กระจอก ๆ อยู่ดี
ว่ากันตามตรงคืออาวุธลับที่ซุกซ่อนอยู่ในที่ป้องกันข้อมือทั้งสองข้างนี้เป็นของอันตรายสุด ๆ ถึงตายได้เลยจริง ๆ มันเหมาะแก่การใช้ลอบกัดศัตรูตอนทีเผลอมาก ๆ แต่ว่ากับตัวถังเจิ้นเองที่มีช่องเก็บของอยู่แล้วกลับไม่ได้มีความหมายตรงประเด็นนี้เท่าไหร่นัก
ตัวถังเจิ้นนั้นสั่งการแค่ความคิดเดียวเขาก็สามารถเอาของออกจากช่องเก็บของออกมาเล่นทีเผลอได้ทุกเมื่ออยู่แล้วซึ่งสะดวกและลับลวงพรางมากกว่าอาวุธในที่ป้องกันข้อมือเหล่านี้เยอะ
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างถูกใจเขาคือเมื่อเอาที่ป้องกันข้อมือทั้งสองชิ้นนี้มาแตะกันมันจะมีพลังเวทมนตร์เกิดขึ้น โดยคุณสมบัติคือทำให้เขารู้สึกตัวเบาราวกับเป็นนกนางแอ่น เหมือนกับว่าน้ำหนักตัวของตนได้หายไปกว่าสองในสาม
เขาได้พิสูจน์ดูแล้วว่ามันคือข้อเท็จจริงไม่ใช่คิดไปเอง โดยเขาได้ลองกระโดดเบา ๆ หลังจากที่กระตุ้นพลังเวทมนตร์ดังกล่าวซึ่งหัวเกือบจะไปปักกับหลังคาบ้าน
ห้องเขาหลังคาสูงกว่าสามเมตรแต่ถังเจิ้นกระโดดเบา ๆ หัวก็ไปแตะกับหลังคาพอดี เมื่อลองคำนวณดูแล้วเขาก็พบว่าตอนกระโดดเท้าของเขาอยู่สูงจากพื้นเมตรกว่า ๆ เกือบ ๆ สองเมตร
นี่ถ้าเขาระเบิดพลังกระโดดของเลเวล 2 ออกมาอย่างเต็มที่ล่ะก็น่าจะสามารถกระโดดข้ามตึกสามชั้นได้อย่างสบาย ๆ!
แต่ก็น่าเสียดายที่ความมันส์ดังกล่าวนี้กลับคงอยู่ได้แค่ 1 นาที และหากอยากจะใช้อีกรอบล่ะก็ต้องรอไปอีก 3 ชั่วโมงถึงจะใช้ได้อีกครั้ง
กระนั้นแม้ว่าการใช้พลังนี้จะมีเวลาจำกัด แต่สำหรับถังเจิ้นแล้วก็ยังถือว่าเป็นสมบัติที่หายาก
ในแง่มุมเรื่องความแข็งแกร่งและความรวดเร็วถังเจิ้นในวันนี้เหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก แล้วถ้าสามารถกระโดดได้ทั้งสูงและไกลด้วยพื้นฐานนี้ด้วยแล้วจะยิ่งไม่มีใครเทียบได้
หากจะให้ใช้เกราะหนังเสื้อคลุมชุดนี้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดล่ะก็มีแต่ต้องเอาไปใช้ในอีกโลกหนึ่งเท่านั้น
ในกล่องยังมีม้วนกระดาษสี ๆ อีกหลายม้วนซึ่งมีอักขระอะไรก็ไม่รู้เขียนไว้เต็มไปหมด ไม่ว่าถังเจิ้นจะศึกษาหาข้อมูลอย่างไรก็ไม่เจอเบาะแสที่เป็นประโยชนเลยเขาจึงได้แต่วางมันไว้ก่อน
ต่อมาก็เป็นตาของขวดแก้วที่หนาเท่านิ้วหัวแม่มือและยาวเท่านิ้วชี้ เมื่อหยิบขึ้นมาเขารู้สึกเหมือนมือถูกกดลง ปรากฏว่าน้ำหนักของขวดแก้วนี้ดันไม่ธรรมดา
ถังเจิ้นเอามันโยน ๆ ในมือเพื่อกะน้ำหนักดูและคิดว่าน่าจะหนักเกือบสี่ห้าจิน (2-2.5 กิโลฯ)
ของอันเล็กนิดเดียวแต่กลับมีน้ำหนักถึงเพียงนี้ย่อมมีอะไรแอบแฝง ถังเจิ้นมองของเหลวสีดำในขวดแก้วด้วยสีหน้าครุ่นคิดแต่สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร
ของอื่น ๆ ที่เหลือถังเจิ้นก็ดูไม่เป็นเหมือนกันดังนั้นเขาเลยเลิกดูแล้ววางกอง ๆ กันไว้ รอเมื่อเจอกับคนที่รู้จักของพวกนี้ในอนาคตค่อยถามเอาทีหลังก็ได้
เสร็จกับของทั้งหมดแล้วถังเจิ้นก็นั่งเงียบ ๆ ในบ้าน รอให้ระบบรีบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง
ก่อหน้านี้เขาได้ล็อกประตูเข้าลานบ้านไว้แล้วจากนั้นก็แอบกระโดดข้ามกำแพงเข้าบ้านโดยตั้งใจจะสร้างภาพว่าตัวเขาไม่ได้อยู่บ้าน
เขาไม่อยากให้ตำรวจที่มาสืบโดยการเช็คมิเตอร์น้ำมาป่วนเอาระหว่างที่นั่งรอ
****************
โลกโหลวเฉิง เมืองผู้พเนจร
เฉียนหลงเดินเข้ามาในถ้ำ หลังจากดูต้าสยงเล่นกับเด็กหญิงตัวน้อยอยู่พักหนึ่งเขาก็ถามกับมู่หรงจื่อเหยียนว่า “พี่ถังหายไปหลายวันแล้วไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลย คงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
มู่หรงจื่อเหยียนส่ายหัวเมื่อได้ยินคำถามแล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก เขาบอกให้เรารอที่นี่ไม่ใช่เหรอ? เรารอเขาเงียบ ๆ กันเถอะ”
เฉียนหลงพยักหน้าแล้วนั่งลงด้วย “พี่ถังเป็นคนมีความสามารถมากจริง ๆ หาของดี ๆ มาได้เยอะแยะ บอกตามตรงเลยนา ตอนแรกที่เจอกับพี่ถังฉันรู้สึกเหมือนได้เกาะแข้งเกาะขาทรราชท้องถิ่นกินของที่ทั้งอร่อยทั้งเผ็ดสะใจได้ทุกวัน!”
มู่หรงจื่อเหยียนยิ้มเมื่อได้ยินและพยักหน้าเห็นด้วย “จริง เขามีบรรยากาศพิเศษมากจริง ๆ ไม่เหมือนกับผู้พเนจรคนอื่น ๆ เลย”
“ตกลงว่าพี่ถังเป็นใครกันแน่นายสารภาพมาซะดี ๆ”
“ไม่รู้สิ ฉันอยากรู้มากกว่าเธออีก!”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังวุ่นวายดังมาจากข้างนอก เฉียนหลงขมวดคิ้วและรีบออกจากถ้ำเพื่อไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเฉียนหลงก็วิ่งหน้าเครียดเข้ามาเลย เขาบอกกับมู่หรงจื่อเหยียนว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยดี ฉันได้ยินมาว่ามีอาคารป่าสีดำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มันมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังคอยเฝ้าอยู่เพียบ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่จู่ ๆ มันก็มีมอนสเตอร์เป็นพัน ๆ ตัวแห่กันออกมาไล่จับทั้งคนทั้งมอนตามทางทั้งหมด แล้วตอนนี้พวกมันกำลังมุ่งน่ามายังเมืองผู้พเนจรนี่ด้วย”
จากประสบการณ์เฉียนหลงได้ตัดสินแล้วว่ามอนสเตอร์ที่มาคราวนี้มันเรื่องใหญ่มาก หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปล่ะก็เมืองผู้พเนจรจะไม่อาจรักษาตนเองไว้ได้แน่นอน
เมื่อใดที่มอนสเตอร์บุกเข้ามามันจะไม่ละเว้นผู้คนในเมืองนี้แม้แต่คนเดียว ซึ่งจะทำให้พวกมู่หรงจื่อเหยียนต้องตกอยู่ในอันตราย!
ในมุมมองของเฉียนหลงมู่หรงจื่อเหยียนเป็นผู้หญิงของพี่ถัง เนื่องจากพี่ถังไม่อยู่ตนจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องความปลอดภัยของผู้หญิงของพี่ถัง ดังนั้นเฉียนหลงจึงแนะนำให้มู่หรงจื่อเหยียนรีบย้ายหนีทันที
ทว่าไอ้แดนทุรกันดารนี้มันก็กว้างใหญ่ไพศาลซะเหลือเกินแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าจะไปหาที่ซ่อนได้ที่ไหนซะอย่างนั้น
ทุกคนต่างเป็นกังวลและคิดมาตรการตอบโต้อยู่ในใจ ทว่าความกังวลดังกล่าวกลับอยู่ได้ไม่นานกลับมีข่าวใหม่ที่มาเร็วอีกทั้งยังเป็นข่าวดี!
ในการตอบสนองการจลาจลของมอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้เมืองเฮยเหยียนได้ส่งทีมนักรบชั้นยอดบุกเข้าสู่แดนทุรกันดารเพื่อกวาดล้างฝูงมอนสเตอร์ โดยพวกเขาได้รับอนุญาตให้ลงมือจัดการได้เต็มที่ภายในพื้นที่ที่เมืองเฮยเหยียนควบคุม
ในขณะเดียวกันเมืองเฮยเหยียนยังได้ออกคำสั่งให้รางวัลใครก็ตามที่ฆ่ามอนสเตอร์ประเภทซากศพที่ระดับสอดคล้องกัน โดยผู้ที่เอาอวัยวะของมอนสเตอร์นั้น ๆ มาเป็นหลักฐานจะสามารถแลกของรางวัลได้เลย
รางวัลที่เมืองเฮยเหยี่ยนออกให้นั้นมีมากมาย โดยหลังจากฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 2 แล้วลูกปัดสมองจะตกเป็นของผู้ที่ฆ่า และยังสามารถนำชิ้นส่วนของไอ้ตัวที่ฆ่าไปขึ้นรางวัลที่มีมูลค่าเทียบเท่าลูกปัดสมองเลเวล 2 ได้อีกด้วย เท่ากับได้ผลการเก็บเกี่ยวเพิ่มเป็นสองเท่า
เมื่อพวกมอนสเตอร์ซากศพถูกกวาดล้างไปได้ในระดับหนึ่งแล้วเมืองเฮยเหยียนก็จะส่งนักรบระดับสูงเขาไปกวาดล้างเย่โหลวแห่งนั้นให้สิ้นซากไปโดยสมบูรณ์
ทันทีที่ข่าวเหล่านี้ออกมาผู้พเนจรที่ยังคงตื่นตระหนกก็สงบลงทันที
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเมืองเฮยเหยียนซึ่งทำตัวเหินห่างอยู่ตลอดถึงได้ทำตัวผิดปกติถึงขนาดส่งกองกำลังออกมากวาดล้างมอนสเตอร์ก่อนในครั้งนี้ก็ตาม แต่มันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น พวกผู้พเนจรยังวางแผนที่จะจัดตั้งทีมเพื่อตามล่าเหล่ามอนสเตอร์ซากศพ ซึ่งไม่แปลกเพราะการเก็บเกี่ยวสองเท่ามันคือสิ่งที่ทำให้ตาลุกวาวจริง ๆ!
ผู้พเนจรทั้งหลายต่างโห่ร้องอย่างมีความสุข และดูเหมือนวิกฤตการณ์จะหายไปเพราะคำประกาศจากเมืองเฮยเหยียนซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของเมืองเฮยเหยียนที่มีต่อพื้นที่ในละแวกนี้!