บทที่ 29: เกราะกับกริช
เมื่อคนเราพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝันก็จะเกิดสภาวะทางอารมณ์ที่ผิดปกติได้ง่ายแบบนี้แหละ
ราวกับว่าผู้พเนจรของอีกโลกที่วิ่งหาอาหารใส่ปากตลอดทั้งวันเพื่อเติมท้องของตน แต่จู่ ๆ ก็ได้รับแจ้งว่าตนเองได้รับสิทธิ์ในการเข้าอยู่อาศัยในโหลวเฉิงอันทรงพลังขึ้นมาเฉย ๆ ยังไงยังงั้น
ความตกใจประเภทนี้สามารถทำให้ผู้พเนจรคนดังกล่าวสามารถเป็นบ้าได้เลยเหมือนกับถังเจิ้นในตอนนี้
อย่างที่ว่าคือถังเจิ้นรู้สึกตื่นเต้นมากจนแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว เพราะตอนอยู่ในโลกโหยวเฉิงเขาได้ทำงานอย่างหนักหน่วงมากกว่าจะได้ลูกปัดสมองกาก ๆ เพียงจำนวนเล็กน้อย
แต่ตอนนี้กลับมีลูกปัดสมองอย่างน้อยก็หลายร้อยเม็ดที่เลเวลเกิน 3 วางกองอยู่ตรงหน้าซะงั้น!
มีลูกปัดสมองเลเวลเกิน 3 นับร้อย ๆ เม็ดสำหรับตัวเขาตอนนี้ไม่รู้ว่าการได้มานั้นยากเย็นเพียงใด
กับถังเจิ้นแล้วมันคือเหรียญทองเกือบ ๆ ล้าน และสุดท้ายเขาก็ได้ตะโกนออกมาว่า “ในที่สุดกูก็หนีความจนสำเร็จแล้วโว่ยยยยยยยยย...!”
ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนั้นมือถือมันสั่นไม่ยอมหยุด ขนาดกดปิดมันยังไม่ยอมปิดให้ ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง!
เมื่อเทียบกับถังเจิ้นแล้วดูเหมือเจ้าสมาร์ตโฟนเครื่องนี้มันจะอยากได้ลูกปัดสมองยิ่งกว่าตัวเขาเองซะอีก
ถังเจิ้นหัวเราะอย่างหนักจนเกือบตาย หลังจากที่สงบลงได้แล้วเขาก็รีบนับจำนวนมันด้วยอาการตื่นเต้นที่ยังระงับได้ไม่เต็มที่ทันที
นับไปก็ยิ้มไปไม่หุบเลย บางครั้งก็ทำหน้าตาพิลึกกึกกืออีกต่างหาก
หลังจากนับลูกปัดสมองเสร็จแล้วก็เอาไปกองไว้บนโต๊ะและจ้องมองมันด้วยสีหน้างง ๆ หน่อย ๆ
เพนสะในกองลูกปัดสมองนี้มีลูกปัดสมองเลเวล 3 อยู่ 450 เม็ด เลเวล 4 อยู่ 50 เม็ด เลเวล 5 อยู่ 10 เม็ด ซึ่งถ้าแปลงเป็นเหรียญทองล่ะก็จะได้เต็ม ๆ ที่ 1.95 ล้าน!
เป็นตัวเลขที่ทำเอาหัวใจแทบกระดอนออกจากอก! เป็นตัวเลขที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อน!
‘แล้วจะลังเลอยู่ทำห่าไรอีกวะไอ้มือถือ มึงรีบ ๆ ดูดซับมันให้กูแต่บัดเด๋วเน้~~~~!’
ถังเจิ้นคำรามอยู่ในใจ จากนั้นก็เห็นกองลูกปัดสมองเหล่านี้ค่อย ๆ หายไปต่อหน้าต่อตา แล้วยอดเงินเหรียญทองคงเหลือจำนวนเจ็ดหลักก็ปรากฏขึ้นในข้อมูลส่วนตัวของตน
มองดูที่ตัวเลขก็ต้องรู้สึกเหมือนเห็นภูเขาสีทองอร่ามตา และแล้วก็กลับมีสิ่งที่ดึงดูดสายตายิ่งกว่านั่นก็คือข้อความแจ้งเตือน
[ยอดเหรียญทองคงเหลือเกิน 1 ล้าน ระบบจะเข้าสู่การอัปเกรด เริ่มต้นโดยอัตโนมัติ เวลาคือ 72 ชั่วโมง กรุณารอสักครู่]
ก่อนที่ถังเจิ้นจะกลับมารู้สึกตัวข้อความแจ้งเตือนก็ดับไปแล้ว และการฉายภาพหน้าจออันคุ้นเคยก็ดับไปด้วยราวกับว่าไม่เคยมีอยู่จริง
ในทัศนวิสัยแบบปกติเช่นนี้ถังเจิ้นกลับกลายเป็นไม่คุ้นเคยไปซะแล้ว
ถังเจิ้นหยิบไอ้เจ้าสมาร์ตโฟนตัวแสบขึ้นมาดูก็พบว่ามันปิดเครื่องไปแล้ว เขาเลยเก็บมันกลับไปด้วยความขุ่นมัว ในใจก็กังวลกับผลได้ผลเสียเพราะยังไงชีวิตตนก็เปลี่ยนแปลงไปเพราะมัน
ตอนนี้มันกำลังอัปเกรดซึ่งทำให้เขาคาดหวังอยู่ในใจและสงสัยใคร่รู้ว่าหลังจากที่มันอัปเกรดเสร็จแล้วจะเป็นยังไงต่อ?
แอพสโตร์ที่ทรงพลังอยู่แล้วจะมีแอพที่น่าทึ่งเพิ่มขึ้นมามั้ย?
หลังจากเก็บมือถือแล้วถังเจิ้นก็ละความสนใจหันไปหาลูกปัดสมองเม็ดหนึ่งที่เขาวางแยกไว้เดี่ยว ๆ
เม็ดนี้แค่เห็นแว้บแรกก็รู้แล้วว่าต้องพิเศษกว่าเม็ดอื่น ๆ เพราะมันมีออร่าแผ่ออกมาบาง ๆ ซึ่งทำให้ดูไม่ใช่ของธรรมดา ๆ
และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ของธรรมดาจริง ๆ เพราะว่าตัวจริงของมันคือลูกปัดสมองเลเวล 6 ซึ่งจะอยู่เฉพาะในหัวของมอนสเตอร์ระดับลอร์ดขึ้นไปเท่านั้น หากให้มือถือกินเข้าไปล่ะก็สามารถแลกได้ 1 ล้านเหรียญทอง!
และเมื่อนึกถึงความน่ากลัวของมอนสเตอร์ระดับลอร์ดแล้วก็สามารถตระหนักได้เลยว่าไอ้เจ้าลูกปัดสมองเม็ดนี้มันเลอค่าจนประเมินไม่ได้!
อีกทั้งลูกปัดสมองของมอนสเตอร์ระดับลอร์ดเองก็ยังเป็นไอเทมจำเป็นต่อการสร้างโหลวเฉิงอีกด้วย ตราบได้ที่ถังเจิ้นได้ไอเทมอีกชิ้นซึ่งก็คือศิลาเสาเอกมาล่ะก็เขาจะสามารถสร้างโหลวเฉิงของตนขึ้นในต่างโลกได้ในทันที!
เขาเล่นกับลูกปัดสมองระดับลอร์ดเบา ๆ ด้วยอารมณ์ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
จากนั้นก็เก็บเจ้าลูกปัดสมองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสานฝันลงไปอย่างประคบประหงมแล้วก็หันความสนใจไปหาของอย่างอื่นที่อยู่ในกล่อง
ถังเจิ้นหยิบกริชด้านบนขึ้นมาดูอย่างละเอียด ความยาวโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 45 เซนติเมตร มีฝักสีม่วงและด้ามสีเดียวกันและรูปร่างเรียบง่ายจืดชืด
เมื่อชักออกมาจากฝักถังเจิ้นก็ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูตามด้วยส่วนคมสีม่วงดำปรากฏขึ้นในสายตา
ลำแสงบนคมของมันทำให้ส่วนคมดูราวกับคริสตัลโปร่งแสงบวกกับมีอักขระหน้าตาประหลาดสลักไว้อยู่ทำให้ตัวคมดาบดูเหมือนแอ่งน้ำที่กำลังกระเพื่อม
แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
เขาค่อย ๆ บรรจงฟันลงที่เก้าอี้ไม้ข้าง ๆ ตัวและก็ต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น เพราะเก้าอี้ไม้ตัวหนาถูกกริชอันนี้ฟันขาด
เขาไม่ได้ออกแรงอะไรเลย ที่ส่วนคมของมันเหมือนมีพลังประหลาดอะไรก็ไม่รู้ที่เปลี่ยนเก้าอี้ให้กลายเป็นเต้าหู้นุ่ม ๆ
หรือไม่มันก็สามารถเปล่งพลังชี่อันคมกริบซึ่งตาเปล่ามองไม่เห็นออกมาได้ และเพราะพลังชี่ดังกล่าวนี้เองที่เป็นตัวผ่าเก้าอี้ให้ขาดได้อย่างง่ายดาย!
‘แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม กูเจอสมบัติแล้วววววววว’
‘ถ้าใช้อาวุธวิเศษนี่ผ่าไอ้พวกซากศพที่เหนียวยิ่งกว่ายางรถยนต์นั่นจะง่ายและมันมือสุด ๆ เลยป่าวว้า~’
หลังจากชื่นชมกับกริชเล่มดังกล่าวเสร็จแล้วก็หักห้ามใจเก็บมันลงก่อนแล้วจึงหันไปสนใจชุดคลุมสีดำต่อ ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่ชุดคลุม แต่เป็นเกราะหนังติดเสื้อคลุม ผิวสัมผัสให้ความรู้สึกนุ่มนวลเรียบเนียนเบาสบายเป็นพิเศษ
ถังเจิ้นหยิบมันขึ้นมาดูอย่างละเอียดและพบว่าในส่วนที่เป็นผ้าคลุมสีดำนั้นมีลวดลายอันซับซ้อนซ่อนอยู่นับไม่ถ้วนซึ่งเข้าประสานกันกลายเป็นรูปแบบแปล ๆ เอาสั้น ๆ ว่าลึกลับและดูไม่รู้เรื่อง
เมื่อได้ถือเสื้อคลุมนี้ไว้ในมือถังเจิ้นได้มีความรู้สึกลาง ๆ ว่ามันมีพลังลึกลับบางอย่างไหลอยู่ในเนื้อผ้า
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งถังเจิ้นก็เกากริชสีม่วงฟันดูที่มุม ๆ ของเสื้อคลุม และก็เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้น คือกริชที่สามารถตัดเก้าอี้ไม้ขาดปานตัดเต้าหู้กลับไม่อาจตัดส่วนผ้าคลุมสีดำให้ขาดได้
ในขณะเดียวกันถังเจิ้นก็ตาไวพอที่จะสังเกตเห็นว่ายามที่คมกริชกระทบกับผ้านั่นเอง ส่วนที่เป็นลวดลายใต้เนื้อผ้าเหมือนกันมีการสั่นไหวเกิดขึ้น จากนั้นก็มีแผ่นฟิล์มจางปรากฏขึ้นมาป้องกันคมกริชเอาไว้
จากนั้นเขาก็ลองใช้วิธีแทงดูแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลอยู่ดี
ครั้งนี้ถังเจิ้นประหลาดใจมากจริง ๆ เพราะไอ้เจ้าเสื้อคลุมดำนี่มันมีพลังป้องกันที่เลิศมาก!
จากนั้นก็ปล่อยส่วนเสื้อคลุมไปก่อน มาดูส่วนที่เป็นเกราะว่าเป็นยังไง ในใจเขาก็ยังคาดหวังว่ามันจะมีพลังป้องกันที่เลอเลิศไม่แพ้กัน
ฉันไม่รู้ว่าชุดเกราะหนังสีดำทำมาจากหนังสัตว์ชนิดใด มันให้ความรู้สึกสบายเมื่อสัมผัส นอกจากนี้ยังมีลวดลายสลักบนพื้นผิวและรูปลักษณ์เองก็สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ที่ข้อศอกทั้งสองข้างของชุดเกราะหนังมีที่ป้องกันข้อมือโลหะสีดำสี่ชิ้นเหน็บไว้
ถังเจิ้นที่เต็มไปด้วยความคาดหวังครั้งนี้ต้องรู้สึกผิดหวัง เพราะต่อหน้ากริชสีม่วงแล้วชุดเกราะสีดำนั้นบอบบางมาก เขาสามารถเถือเอาผิวชิ้นเล็ก ๆ ของมันออกมาได้อย่างง่ายดาย
ถึงถังเจิ้นจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยก็ตามที แต่เมื่อพิจารณารูปแบบงานฝีมือของชุดเกราะหนังนี้แล้วมันก็คุ้มค่ากับที่ยอมเสี่ยงอยู่ดี เขาสามารถสวมใส่มันเพื่อแสร้งอวดเบ่งได้
ถังเจิ้นลองสวมชุดเกราะหนังดู หลังจากลองสวมแล้วมันเข้ารูปกับตัวเขาได้ดีทำให้ดูแข็งแกร่งและทรงอำนาจมากขึ้น
ถังเจิ้นหันหน้าไปมองกระจกแล้วก็ลองโพสท่าดูหลาย ๆ ท่าซึ่งบังเอิญว่ามือมันไปแตะโดนส่วนนูน ๆ บนที่ป้องกันข้อมือซึ่งเป็นรูปดวงตาของมอนสเตอร์เข้าพอดี
“ฝุบ!”
หลังจากเกิดเสียงดังขึ้นทันใดนั้นเองถังเจิ้นก็เห็นลำแสงสีดำพุ่งออกจากที่ป้องกันข้อมือเจาะกระจกจนทะลุเป็นรูเล็ก ๆ ให้ตรงหน้ากันจะ ๆ
ที่ผนังหลังกระจกเองก็มีรูเล็ก ๆ สีดำอยู่เหมือนกัน พอชะโงกไปดูก็เห็นว่ากำแพงก็ถูกเจาะทะลุไปด้วย!
ถังเจิ้นตกตะลึงกับภาพที่เห็นสุด ๆ ไปเลย เขาจ้องรูดังกล่าวด้วยใบหน้าว่างเปล่า จากนั้นก็มองลงไปยังที่ป้องกันข้อมือของตน
จากนั้นเขาก็ตระหนักในใจอย่างชัดแจ้งแล้วว่าของที่บรรจุลงในกล่องนี้อาจไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นของธรรมดา ๆ!