บทที่ 28: ซากศพระดับลอร์ดที่โกรธเกรี้ยว
ถังเจิ้นแทบจะเค้นแรงกายทั้งหมดในการเผ่นออกจากห้องแบบลน ๆ
หากอยู่ในห้องโถงล่ะก็โอกาสในการหลบหนีของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะมีหลาย ๆ จุดให้เขาได้ใช้ในการหลบซ่อน
ก่อนจะลงมือจิ๊กของถังเจิ้นได้วางแผนมาอย่างดี แต่โชคไม่ดีที่เขาประเมินความสำคัญของกล่องโลหะที่มีต่อเจ้าซากศพระดับลอร์ดนี่ต่ำเกินไป อีกทั้งยังประเมินความแข็งแกร่งของมันต่ำอีกด้วย
ตอนนี้ไอ้เจ้าซากศพระดับลอร์ดมันมาโผล่ตรงหน้าเขาแทบจะในชั่วพริบตา
ความเร็วของเขาด้อยกว่ามอนสเตอร์ระดับลอร์ดมากดังนั้นเขายังไม่ทันไปถึงประตูก็ต้องเจอกับร่างขนาดใหญ่ของมันยืนบังช่องประตูจนมิดซะแล้ว
ถังเจิ้นซึ่งไม่มีที่ให้หลบหนีจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับเข้าไปในห้องเล็กคืนอย่างระมัดระวัง ภายใต้ม่านแสงควอนตัมเร้นกายเขาได้แอบมองมันอย่างไม่วางตาแต่ก็ไม่กล้าหายใจ
เจ้ามอนสเตอร์ดูจะโกรธจัดจริง ๆ มันไม่คิดเลยว่าจะมีใครกล้าเข้ามาที่นี่ ไม่เพียงแต่จะเล็ดลอดผ่านยามที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืดมาได้เท่านั้น แต่ยังประโยชน์จากความวุ่นวายภายนอกเข้ามาขโมยของที่สำคัญอย่างยิ่งไปอีก
เนื่องจากของดังกล่าวมีการเชื่อมต่อกับตัวมันเป็นพิเศษ ดังนั้นมันจึงรับรู้ได้ในทันทีที่การเชื่อมต่อขาดหายไป
ของอย่างอื่นนั่นจะหายก็หายไปไม่ได้สำคัญอะไร เพราะเป็นแค่ของที่เก็บ ๆ มาได้โดยไม่ได้คิดมากซึ่งหากหายไปก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร แต่ของสิ่งนั้นห้ามหาย หากมันหายไปล่ะก็แม้แต่ตัวมอนสเตอร์ซากศพระดับลอร์ดเองก็ไม่อาจรับผิดชอบไหว
‘บัดซบเอ๊ย! รู้งี้ข้าควรเก็บมันไว้กับตัว!’
เจ้าซากศพกำลังใช้ความคิด ทว่าความโกรธในใจของมันกลับปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนจะคุมสติไม่ให้ระเบิดอารมณ์ไม่อยู่
ถึงมันจะมองไม่เห็นไอ้หัวขโมยสารเลวก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกถึงออร่าจาง ๆ ของไอ้ตัวกระจอกซึ่งถึงจะเหมือนมองไม่เห็นแต่อยู่ที่กลางห้องชัวร์ ๆ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นของไอ้หัวขโมยแน่นอน!
“ไสหัวออกมาไอ้โจรกระจอก!”
มันแหกปากใส่พร้อมลงมืออย่างไม่มีลังเล
ฝ่ามือขนาดเท่าอ่างล้างหน้ากระแทกอย่างรุนแรงทันทีที่เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าดังกล่าวโดยหมายที่จะบี้ไอ้หัวขโมยให้เละเป็นขี้!
“ตู้มมมมมมมม!”
พื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เศษหินปลิวว่อน ทั้งห้องถึงกับกระจุยจนจำหน้าเดิมไม่ได้ เครื่อเรือนทั้งหมดแหลกสลายกลายเป็นเศษฝุ่น
เพียงแค่ตบธรรมดา ๆ ทีเดียวกลับน่าสะพรึงได้ถึงขั้นนี้ก็สันนิษฐานได้ว่าต้องเป็นพลังพิเศษที่มอนสเตอร์เลเวล 6 ขึ้นไปเท่านั้นสามารถครอบครอง
ทว่าหลังจากที่ตบฝ่ามือลงไปมันกลับต้องโกรธจัดยิ่งกว่าเดิม เพราะออร่าของไอ้ตัวกระจอกกลับจู่ ๆ ก็หายไปในชั่วพริบตา ไม่ใช่เพราะโดนตบตาย แต่จู่ ๆ มันก็หายไปก่อนที่จะตาย!
‘บัดซบเอ๊ย! มันหายตัวไปจริง ๆ กล้าหายตัวไปหน้าตาเฉยพร้อมกับไอเทมสำคัญในการสังเวย!’
‘แล้วแบบนี้ท่านราชาซากศพจะมาที่นี่ได้ยังไงวะ! ทำแผนการใหญ่ของเผ่าชื่อ (ซากศพ) เสียหายขนาดนี้ข้าไม่โดนสับเป็นชิ้น ๆ เรอะ!’
“โฮกกกกกกกกกกกกกก…!”
มันทั้งหวาดกลัวและโกรธมากยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ต้องคำรามเพื่อระบายความแค้นออกมา!
ถ้าจับไอ้โจรกระจอกได้เมื่อไหร่ล่ะก็บิดาจะทรมานมันซักร้อยปีแล้วค่อยจับทำเป็นทาสซากศพให้มันทรมานต่อไปจนชั่วกัลปาวสาน!
หลังจากความโกรธของมันสงบลงได้หน่อยหนึ่งแล้วมันก็เริ่มครุ่นคิดอย่างละเอียดรอบคอบ
ยังมีพอจะช่องทางให้เปลี่ยนแปลงได้อยู่ แม้กุญแจสำคัญจะโดนไอ้โจรกระจอกมันขโมยไปแล้วก็ตาม แต่แผนของท่านราชายังไงก็มิอาจล่าช้า ดังนั้นวิธีเดียวคือรวบรวมสิ่งทดแทนให้ได้เพียงพอโดยเร็วที่สุด!
เดิมทีมันแค่วางแผนว่าจะกระทำงานอย่างง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนไปจนเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องไปปลุกพวกชนพื้นเมืองที่แข็งแกร่งของโลกนี้ให้ตื่นตัว แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้วมันก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไพ่ตาย!
พอคิดถึงแผนไพ่ตายแล้วมันก็แผ่รังสีอำมหิตสาดออกมาจากดวงตาสีแดงเลือด ก่อนจะหันกลับไปยังรูปปั้นขนาดใหญ่และเข้าไปคุกเข่าค้อมหัวอย่างเคารพศรัทธาต่อหน้ารูปปั้นนั้น
ที่พื้นตรงหน้าของมันมีแท่นบูชาสีดำหน้าตาแปลก ๆ!
มีรูปปั้นแกะสลักรูปร่างแปลก ๆ แปดตัวตั้งตระหง่านอยู่รอบ ๆ แท่นบูชา เมื่อมองให้ดี ๆ จะพบว่าแท้จริงแล้วเป็นรูปปั้นแกะสลักจากกระดูกสีดำขนาดยักษ์
หลังจากที่ซากศพระดับลอร์ดทำความเคารพเสร็จแล้วมันก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นและเหยียดนิ้วออก
เล็บแหลมที่ปลายนิ้วมันยาวประมาณสามนิ้วและคมราวกับปลายกระบี่
มันได้เอาเล็บดังกล่าวกระซวกหัวใจตัวเอง จากนั้นเลือดสีดำได้พุ่งออกมาจากบาดแผล ตัวมันเองได้ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
เลือดสีดำที่หยดลงบนแท่นบูชาเกิดการดิ้นเบา ๆ เหมือนสิ่งมีชีวิต
เสร็จมันก็ร่ายคาถาด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ หลังจากนั้นไม่นานเลือดก็หายไปทันที และในเวลาเดียวกัน ควันดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมาจากแท่นบูชาและบินเข้าไปในคิ้วของรูปปั้นในห้องโถง
“จงตื่น! เหล่าสมุนของข้าที่กำลังหลับไหล!”
ซากศพระดับลอร์ดคำรามก้อง จากนั้นก็เห็นว่าดวงตาของรูปปั้นเหล่านั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานพร้อม ๆ กันและค่อย ๆ ขยับกันทีละตัว
จากนั้นพวกมันได้เปล่งเสียงคำรามอันน่าขนลุกออกมาและก้าวเท้าด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วงค่อย ๆ มารวมตัวกันและติดตามมอนสเตอร์ซากศพระดับลอร์ดอย่างใกล้ชิดไปที่ประตูของตัวอาคาร
ตัวมันที่ยืนอยู่ตรงประตูอาคารได้ชี้ไปยังทิศทางตรงหน้าและคำรามคำสั่งดังลั่น “ทำความสะอาดให้เกลี้ยง! เอาทั้งมอสเตอร์ทั้งผู้พเนจรที่พวกเจ้าพบเห็นทั้งหมดมาที่นี่ เราจะสังหารสิ่งมีชีวิตนับพันเพื่อสร้างแท่นบูชาสระโลหิตในการต้อนรับการมาถึงของท่านราชาซากศพ!”
“โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก……!”
มอนสเตอร์ซากศพทั้งหมดคำรามพร้อมกัน แววตาของพวกมันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
เจ้าซากศพระดับลอร์ดเองก็คำรามพร้อมกันไปด้วยโดยได้แผ่หมอกสีดำแดงออกมาจากร่างตนให้กระจายไปทั่วตัวเย่โหยว
หลังจากที่หมอกดังกล่าวหยุดการแพร่กระจาย ร่ายกายอันกำยำของมันก็สั่นสะท้านอีกสองสามรอบ และในเวลาเดียวกันนั้นเองอากาศทั่วทั้งเย่โหลวก็เหมือนจะเกิดการบิดเบี้ยว ช่องว่าสีดำซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นได้ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา
จากนั้นได้มีเงาดำจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจนแน่นเอี้ยดเต็มพื้นที่ด้านหน้าอาคาร!
ต่อมาก็ได้มีแสงเวทมนตร์สว่างขึ้นวาบหนึ่งก่อนที่ช่องว่างสีดำดังกล่าวจะหายไป ทว่าพื้นที่ตรงหน้าแต่เดิมที่โล่งโจ้งบัดนี้ได้อัดแน่นไปด้วยทหารผีดาบโล่รวมไปถึงทหารผีธนูที่มีตัวหัวหน้าเป็นผู้นำ พวกมันทั้งลายที่มีใบหน้าดุร้ายได้มองมายังตัวซากศพระดับลอร์ด
กลิ่นเหม็นของซากศพคละคลุ้ง กลิ่นอายของความอยากสังหารปะทุปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ถัดจากพวกมอนสเตอร์ทหารราบได้มีพวกทหารม้าที่ขี่ม้าศึกซึ่งม้ามันยังสวมชุดเกราะอย่างโหดดูแล้วเหมือนกับป้อมปราการเดินได้ เพียงแต่สภาพของมันเป็นร่างศพเหวอะ ๆ เลือดเนื้อดูไม่สมประกอบ
“ปล่อยกูนะโว่ยปล่อยกู~~~~~!”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้น บรรดาทหารซากศพก็แหวกทาง นักสืบเงาผีจำนวนหนึ่งกำลังเดินคุมผู้พเนจรจำนวนไม่น้อยเข้ามา และเมื่อมาถึงก็เตะคนเหล่านั้นให้ลงไปคุกเขาต่อหน้าไอ้เจ้าซากศพระดับลอร์ด
เมื่อเห็นฝูงมอนสเตอร์ที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่รอบตัวที่ต่างมองมาที่พวกตนด้วยสายตากระหายเลือดแล้วเหล่าผู้พเนจนทั้งหลายก็เป็นต้องหวาดกลัวและส่งเสียงร้องอ้อนวอน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ...”
ซากศพระดับลอร์ดมองลูกน้องของตนด้วยความพอใจและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นมันก็ชักดาบออกมาฟาดตามแนวขวางอย่างประณีต ผลคือหัวของเหล่าผู้พเนจรมากมายที่กำลังทำสีหน้าหวาดกลัวอยู่นั้นได้ปลิดปลิวขึ้นฟ้า
มันยื่นมือไปคว้าหัวหนึ่งไว้ได้แล้วกำเบา ๆ หัวสด ๆ ในมือก็ระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ จากนั้นก็ชี้ไปยังเมืองเฮยเหยียน!
“ไปกันเถอะนักรบทั้งหลาย!”
****************
“ตุ๊บ!”
ถังเจิ้นลงไปนอนแผ่กับพื้นที่บ้าน มุมปากมีเลือดไหลออกมา สีหน้าของเขาทั้งตกใจและสยอง
หลังจากกระเสือกกระสนขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากแล้วถังเจิ้นก็เช็ดเลือดมุมปากก่อนจะลากสังขารตนเองไปทรุดลงที่เตียงนอน
ประสบการณ์ตะลุยเย่โหลวในครั้งนี้สุดจะน่าตื่นเต้นไปเลย นี่ถ้าเทเลพอร์ตกลับมาไม่ทันล่ะก็เขาคงโดนไอ้มอนสเตอร์นั่นตบเละเป็นขี้ไปแล้วจริง ๆ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้รับผลกระทบจากพลังลึกลับจากฝ่ามือนั่นอยู่ดี การที่เลือดทะลักย้อนออกมาจากมุมปากเป็นหลักฐานที่เห็นได้ชัดที่สุดแล้ว
แต่ยิ่งไอ้เจ้าระดับลอร์ดตัวนั้นมันโกรธแค้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ถังเจิ้นจิ๊กมาได้ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น!
แต่ดูจากสติปัญญาที่ชัดเจน คำพูด และการกระทำของเจ้าระดับลอร์ดตัวนั้นรวมไปถึงเสียงตอนโกรธของมันที่ดังขึ้นทะลวงรูหูทันทีที่เขาเก็บกล่องมาก็ทำให้เขารู้สึกว่าไอ้มอนสเตอร์ตัวนั้นมันไม่ใช่ตัวธรรมดาทั่วไป
หากการคาดเดาของเขาถูกต้อง อีกไม่นานอาจมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น!
ถังเจิ้นสลัดความคิดจรที่ไร้สาระทิ้งไปก่อนแล้วกลืนครีมไม้เลื้อยลงไปนิดหน่อย เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจที่ปั่นป่วนสงบลงแล้วเขาก็ค่อย ๆ ยันตัวขึ้นด้วยความยากลำบาก
เขาโบกมือหนึ่งทีกล่องโลหะหน้าตาประหลาดก็ได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
เพราะกล่องนี่เล่นเอาเกือบตายแหละ แถมเจ้าของมันยังดูให้ความสำคัญสุด ๆ ด้วย ถังเจินแทบรอไม่ไหวอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าตกลงมันมีอะไรอยู่ข้างใน
แม้ว่าสถานที่ที่ดีที่สุดในการเปิดกล่องควรอยู่ในโลกโหลวเฉิง แต่ถังเจิ้นก็สามารถรับประกันได้เลยว่าหากตนเทเลพอร์ตกลับไปตอนนี้ล่ะก็ต้องถูกมันจับตัวได้ชัวร์ ๆ
เป็นเหตุให้เขาพอได้ของมาปุ๊บก็วิ่งหนีปั๊บ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ว่าเมื่อกลับไปแล้วจะออกจากไอ้ห้องเชี่ยนั่นได้ยังไง
ถังเจิ้นเดินไปหลบที่ด้านหลังกล่องก่อนจะกระแทกให้มันเปิดออก ซึ่งกล่องมันก็ยอมเปิดให้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
เปิดมาก็เงียบกริบไม่มีการเคลื่อนไหวหรือกับดักใด ๆ ขนาดล็อกยังไม่มีเลย “อะไรมันจะขัดกับสามัญสำนึกได้เบอร์นี้วะ!”
ถังเจิ้นพึมพำ “ก็ในเมื่อมันเป็นของสำคัญถึงขนาดที่เจ้าของมันโกรธจัดขนาดนั้นแต่มาตรการรักษาความปลอดภัยกลับไม่มีเลย? หรือมันจะซ่อนได้อารี่ลับ ๆ หน้าอาย ๆ ไว้วะ?”
เมื่อชะโงกหัวเข้าไปดูในกล่องร่างกายของเขาก็ต้องแข็งทื่อไปในชั่วพริบตา
เพราะข้างในกล่องมันอัดแน่นไปด้วยสิ่งของ มีกริช/กระบี่สั้น 1 เล่ม เสื้อคลุมสีดำ 1 ตัว กระดาษสี ๆ พิเศษหลายม้วน ขวดแก้วขนาดเท่านิ้วชี้และของจิปาถะอีกหลายอย่าง
ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้ดึงดูดความสนใจของถังเจิ้นเลย ดวงตาเขาดูดติดอยู่แต่กับคริสตัลอันแวววาวในกล่องนั้น
“ไอ้... นี่มัน...?”
ถังเจิ้นตัวสั่น เขาได้หยิบเอาคริสตัลเม็ดหนึ่งขึ้นมาส่องจ้องเขม็งก่อนจะหัวเราะประหลาด ๆ ราวกับคนบ้า จากนั้นก็ยิ่งหัวเราะดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั้งน้ำตาไหล
“แม่มึงเอ๊ย~! ไอ้นี่มันลูกปัดสมองล้วน ๆ เลยนี่หว่า! ลูกปัดสมองเลเวลสามบวกทั้งน้านนนนนนนน...!”