ตอนที่ 36 สถานการณ์
ในห้องหลอมโอสถของตัวเอง เฉินเฟยกินโอสถจิตเบาแล้วนั่วไขว่ข้างหมุนเวียนพลังตระหนกล่องลอย หนึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยลืมตาขึ้นพ่นลมหายใจยาว
เฉินเฟยยังคาดเดาสูตรหลอมโอสถจิตเบาไม่ครบและติดอยู่ที่ขั้นตอนสุดท้าย ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้เวลาทำความเข้าใจ เฉินเฟยคาดว่าอีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะคาดเดาสูตรโอสถจิตเบาได้สมบูรณ์
แม้ยังแกะสูตรโอสถจิตเบาไม่ได้ แต่มันไม่มีผลกระต่อการบ่มเพาะของเฉินเฟยที่ใช้โอสถจิตเบา
ด้วยการขายโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพในตลาดมืด แม้เฉินเฟยจะไม่มีเงินก้อนโตแต่ยังมีเงินอยู่บ้าง เขาซื้อโอสถจิตเบาด้วยเงินห้าสิบตำลึงอย่างไม่กดดัน
ด้วยพลังตระหนกล่องลอยระดับรู้แจ้งบวกกับโอสถจิตเบา เฉินเฟยคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาหนึ่งปีในการทะลวงระดับหลอมกระดูก
เมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อน เวลาที่ต้องใช้ลดลงไปมาก
หากเฉินเฟยต้องการเร่งเวลาฝึกฝนให้เข้าระดับหลอมกระดูก เขาต้องได้รับวิชาพลังภายในขั้นสูงหรือใช้โอสถเหนือสามัญ
วิชาพลังภายในขั้นสูงถูกตระกูลต่างๆในอำเภอผิงหยินเก็บรักษาไว้ โดยปกติแล้วมีเพียงผู้สืบทอดสายตรงเท่านั้นที่เรียนรู้ได้ แม้เฉินเฟยจะเข้าร่วมตระกูล แต่โอกาสที่จะได้รับวิชาพลังภายในนั้นต่ำมาก
ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่เฉินเฟยจะไม่ได้รับวิชาพลังภายในที่ทรงพลังกว่านี้ในอำเภอผิงหยิน เขาได้เพียงเสี่ยงโชคในตลาดมืดเพื่อรับวิชายุทธ์มาทำเป็นแบบง่าย
สำหรับโอสถเหนือสามัญ นี่เป็นโอสถสำหรับนักยุทธ์ขัดเกลาไขกระดูก โดยปกติแล้วโอสถจิตเบาที่เฉินเฟยใช้ในปัจจุบันจะถูกซื้อโดยนักยุทธ์หลอมกระดูก
ดังนั้นบอกได้ว่าเฉินเฟยกินโอสถข้ามขั้น โชคดีที่โอสถจิตเบาไม่เป็นภาระกับร่างกายนักยุทธ์มากเกินไป การกินวันละหนึ่งเม็ดยังอยู่ในจุดที่เฉินเฟยทนได้
ตอนนี้เฉินเฟยอาจกินโอสถเหนือสามัญได้เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ในอำเภอผิงหยินแทบไม่มีโอสถเหนือสามัญ ดังนั้นมันจึงโดนผูกขาดโดยศิษย์ของตระกูลต่างๆ
เฉินเฟยไม่เคยเห็นโอสถเหนือสามัญในร้านขายโอสถหรือศูนย์การแพทย์ใด แม้จะเป็นในตลาดมืดมันก็ปรากฏเพียงหนึ่งถึงสองครั้งและขายหมดอย่างรวดเร็วซึ่งเฉินเฟยไม่ทันได้ขยับตัวด้วยซ้ำ
เฉินเฟยลุกขึ้นเดินมาที่ลานบ้านและเริ่มขยับกระบี่ยาว ปราณกระบี่ห่อหุ้มใบดาบ แสงกระบี่พร่างพราวราวกับมีเพลิงลุกโชนในลานบ้าน
“ชึก!”
ครู่ต่อมา เฉินเฟยลงมือเคลื่อนไหว ร่องตรงปรากฏขึ้นบนพื้น มันเกิดจากปราณกระบี่เมื่อครู่
[วิชายุทธ์: กระบี่ลายเพลิง(รู้แจ้ง)]
ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่เผชิญกับสิ่งแปลกประหลาดนอกเมือง เฉินเฟยประสบความสำเร็จในการฝึกกระบี่ลายเพลิงถึงระดับรู้แจ้ง
สิ่งที่ทำให้เฉินเฟยมีความสุขคือกระบี่ลายเพลิงระดับรู้แจ้งกระตุ้นความก้าวหน้าเซียนชี้นำเล็กน้อย นั่นเป็นเหตุผลที่เซียนชี้นำมาถึงระดับรู้แจ้งและได้รับการปรับปรุงพลัง
ต่อมาเฉินเฟยตระหนักได้ว่าการเติบโตของเขาน่าจะเปิดข้อจำกัดบางอย่างของเซียนชี้นำ ท้ายที่สุดแล้วเขาอยู่ในระดับขัดเกลาเกล้ามเนื้อเท่านั้น และระดับกระบี่ค่อนข้างธรรมดา
ไม่ว่าเซียนชี้นำจะทรงพลังเพียงใด มันก็แสดงพลังได้ตามเงื่อนไขที่คุณมีเท่านั้น
นอกจากนี้ยังเห็นได้ว่าสำนักกระบี่เซียนเมฆาเกินจริงมาก เพียงกระบวนท่าหนึ่งของวิชากระบี่ยังดีกว่าวิชากระบี่ที่เฉินเฟยทำงานหนักเพื่อผสานเข้าด้วยกัน และเรื่องนี้ได้กระตุ้นความปรารถนาในการเข้าสำนักกระบี่เซียนเมฆาของเฉินเฟย
เมื่อสองวันก่อนตระกูลจางได้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เมื่อรู้ว่าซุนซู่กลายเป็นสิ่งแปลกประหลาดและยังเกลียดชังตระกูลจาง นั่นทำให้ตระกูลจางแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ
วันนั้นตระกูลจางได้รวบรวมคน แม้แต่คนจากที่ว่าการก็มาด้วย และทั้งหมดต่างไปที่ป่าทึบนอกเมือง
ทั้งสองฝ่ายจะพบกันหรือไม่ ไม่มีใครรู้ ทุกอย่างถูกเก็บไว้เป็นความลับ
เฉินเฟยไม่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้อีกต่อไป ในโลกภายนอกเฉินเฟยคือนักหลอมโอสถระดับขัดเกลาผิวหนัง ถ้าวันนั้นจางเยว่เจินไม่ดึงตัวเขาไป เฉินเฟยคงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก
ตกกลางคืน เฉินเฟยปลอมตัวไปที่ตลาดมืด
“ช่วงนี้สถานการณ์ทางใต้ไม่ค่อยดี ควรระวังตัวให้มากขึ้น”
ในกระท่อมมีกลิ่นสมุนไพรอบอวลไปทั่ว ฉือเต๋อเฟิงมองเฉินเฟยและพูดด้วยรอยยิ้ม
“กบฏจะมาที่อำเภอผิงหยินหรือ?” เฉินเฟยถามด้วยความประหลาดใจ
ตั้งแต่กองทัพราชสำนักพ่ายแพ้ ไม่นานมานี้ก็มีข่าวลือมากมายแพร่สะพัดไปทั่ว ว่ากันว่ากองทัพจะจัดกลุ่มใหม่และไปสู้กับกองทัพกบฏจนตาย มีการกล่าวว่ากองทัพกบฏล้อมกองทัพราชสำนักและตอนนี้กำลังปิดล้อมไล่สังหารพวกเขา
“ข้าไม่รู้ แต่กองทัพราชสำนักกำลังถอนมายังอำเภอผิงหยิน ไม่รู้ว่าสุดท้ายพวกเขาจะไปประจำการที่ใด”
“กองทัพกบฏไล่ตามมาหรือไม่?” เฉินเฟยถาม
“ไม่น่าตามมา” ฉือเต๋อเฟิงส่ายหัว “กบฏเหล่านั้นได้ชัยชนะในหลายเมืองอำเภอจึงอยู่ในระหว่างรักษาความมั่นคง ตอนนี้คงยังไม่ไล่ตามมา”
เฉินเฟยถอนหายใจ สถานที่ที่อันตรายที่สุดคือจุดที่ทั้งสองทำสงคราม ด้วยเฉินเฟยร่างเล็กในตอนนี้ คำถามเดียวคือหากอยู่ในสถานการณ์นั้นเขาจะเอาตัวรอดได้หรือไม่
“มีวิธีไปสำนักกระบี่เซียนเมฆาหรือไม่?” เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม
ตอนนี้ถ้าพูดถึงสถานที่ปลอดภัย นอกเหนือจากด้านหลังของราชสำนักก็น่าจะอยู่ในขอบเขตของสำนักชั้นนำ
ตั้งแต่ขัดเกลาผิวหนังไปจนถึงขัดเกลาอวัยวะภายในเรียกว่าปรับแต่งร่างกายห้าระดับ และเหนือการปรับแต่งร่างกายยังมีระดับฝึกฝนขั้นสูงกว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของการละสังขารอย่างแท้จริง
มีผู้แข็งแกร่งรชั้นำอยู่ในสำนักกระบี่เซียนเมฆา ด้วยการคงอยู่ของผู้แข็งแกร่งเช่นนี้จึงทำให้สภาพแวดล้อมของ สำนักกระบี่เซียนเมฆาค่อนข้างสงบ
มีข่าวลือว่าราชสำนักได้เกิดสงครามภายในและไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เฉินเฟยคิดได้ในตอนนี้คือการไปสำนักชั้นนำแห่งนี้
ตราบเท่าที่ระดับบ่มเพาะของตัวเองดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็สามารถแก้ไขปัญหาได้
“ไม่มีสินะ ด้วยความโกลาหลภายนอกและการอาละวาดของสิ่งแปลกประหลาด การเดินทางไกลเป็นเรื่องยากและอันตราย”
ฉือเต๋อเฟิงส่ายหน้า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น”
เฉินเฟยขมวดคิ้วพยักหน้าและเริ่มนับสมุนไพรของวันนี้ ครู่ตามาเฉินเฟยหยิบสมุนไพรออกมาและส่งให้ฉือเต๋อเฟิง ฉือเต๋อเฟิงหยิบสมุนไพรออกมาอีกหลายชุดอย่างสงบและส่งให้เฉินเฟยอีกครั้ง
หางตาเฉินเฟยกระตุกเล็กน้อย เกมแยกแยะจริงของปลอมยังไม่จบ ที่สำคัญคือตอนนี้ฉือเต๋อเฟิงไม่มีสีหน้าละอายใจแม้แต่น้อย เขาแค่มองเหมือนโอ้ เจ้าพบมันอีกแล้ว ใช้ได้เลย
“หากเจอสิ่งแปลกประหลาด มีวิธีในการเอาตัวรอดหรือไม่?”
แบกสมุนไพรไว้ที่หลัง เฉินเฟยเอ่ยปากถามขึ้นก่อนเดินออกประตู
ถ้าไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายเฉินเฟยจะไม่ยอมไปจากอำเภอผิงหยิน แต่ถ้ามีวันนั้นจริงเฉินก็ไม่กลัวที่จะต้องเดินทาง แต่ถ้าเดินทางแล้วต้องเจอสิ่งแปลกประหลาดอยู่ตลอดมันคงเป็นเรื่องลำบาก
“โอ้? ช่วงนี้เจ้าเจอสิ่งแปลกประหลาดมาหรือ?”
ฉือเต๋อเฟิงมองเฉินเฟยขึ้นลง แขนขาอยู่ครบไม่หายไปไหน
“ไปนอกเมืองไม่กี่ครั้งก็เจอ”
“แล้วเจ้าทำอย่างไร?” ฉือเต๋อเฟิงถามด้วยความสงสัย
“รอบแรกฆ่าด้วยเลือดลมพลังภายใน อีกรอบวิ่งหนีออกมา” เฉินเฟยจำช่วงที่ไปหาซุนซู่ได้ มันอันครายเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่เขาวิ่งได้เร็วพอ