ตอนที่ 315 ต้นกำเนิดของจักรวาล
ตอนที่ 315 ต้นกำเนิดของจักรวาล
เปียโนกาแล็กซีปล่อยเสียงออกมาอย่างลึกลับ ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันคุ้นเคยเพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเขาเคยรู้สึกแบบนี้จากที่ไหน
หลังจากเออเนสบรรเลงเพลงแรกจบทุกคนก็เริ่มขอให้ไทสันขึ้นไปบรรเลงเพลงต่อไป ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าจอมพลอย่างไทสันจะเล่นเปียโนกาแล็กซีได้เหมือนกัน เพราะท้ายที่สุดเขาก็คือทหารที่เคร่งครัดในกฎระเบียบแตกต่างจากเออเนสผู้เป็นนักธุรกิจ ซึ่งจะมีงานอดิเรกเป็นการสังสรรค์บ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนเล่นเปียโน เพราะเขาพยายามค้นหาความรู้สึกที่คุ้นเคย แต่ยิ่งเขาได้ฟังเสียงของเปียโนกาแล็กซีมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งได้ข้อสรุปว่าภายในเสียงของเครื่องดนตรีชนิดนี้เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งมาก
สีหน้าอันเคร่งเครียดของเซี่ยเฟยทำให้แอวริลเดินเข้ามาจับมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ซึ่งชายหนุ่มก็ต้องยิ้มตอบออกไปพร้อมกับพูดปลอบใจออกไปว่า
“เสียงของเปียโนกาแล็กซีมันทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่เคยสัมผัสตอนที่อยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยความตายน่ะ”
“ฉันก็เคยคิดว่าเสียงของเปียโนกาแล็กซีมันแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ครูสอนดนตรีบอกกับฉันว่ามันเป็นเสียงของการสร้างสรรค์สรรพสิ่งในจักรวาล แต่ฉันคิดว่าถ้ามันเป็นเสียงของการสร้างสรรค์มันก็คงจะไม่ได้มีเสียงทุ้มลึกที่แปลกประหลาดแบบนั้น” แอวริลกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ
บทสนทนาด้วยรอยยิ้มระหว่างทั้งสองเป็นเหมือนกับเข็มเหล็กที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของหลี่โม่อย่างช้า ๆ มันจึงทำให้แววตาของชายหนุ่มคนนี้ดูดุร้ายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แล้วมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาอยากจะกระโดดออกไปตัดคอเซี่ยเฟยทุกเวลา
หลี่กวนหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจการกระทำระหว่างเซี่ยเฟยกับแอวริลเลย จากนั้นเขาก็ขยิบตาให้ชายชราผู้ไว้เคราซึ่งชายชราคนนั้นก็พยักหน้าอย่างรู้กัน
คนที่ 3 ที่ขึ้นไปบรรเลงเปียโนกาแล็กซีคือสตรีสูงศักดิ์วัยประมาณ 40 ปี โดยสตรีคนนี้ก็สามารถบรรเลงบทเพลงออกมาได้อย่างไพเราะ แต่ความยากลำบากในการบรรเลงบทเพลงทำให้เนื้อตัวของเธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ซึ่งหลังจากที่ได้บรรเลงเพลงจนจบเธอก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำและทุกคนก็ปรบมือให้กับเธออย่างอบอุ่น
ต่อมาชายชราผู้ไว้หนวดเคราก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่มุ่งร้าย
“การดูคนแก่อย่างพวกเราเล่นเปียโนมันก็คงจะเป็นเรื่องเดิม ๆ ไปแล้วใช่ไหม? ในเมื่อพวกเรามีคนรุ่นใหม่อยู่ที่นี่ ทำไมเราไม่ลองฟังบทเพลงจากวัยรุ่นดูบ้างล่ะ?”
สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนจับจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยเกือบจะพร้อมกัน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวัยรุ่นที่ชายชรากำลังพูดถึงนั่นก็คือเซี่ยเฟย
แอวริลบีบมือของเซี่ยเฟยเอาไว้แน่นและยืนเคียงข้างชายหนุ่มเพื่อเผชิญหน้ากับแววตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เดินทางมาจากดาวเคราะห์อารยธรรมต่ำ มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการบรรเลงบทเพลงด้วยเปียโนกาแล็กซีเลย เพราะในความเป็นจริงชายหนุ่มเพิ่งจะหัดเต้นรำได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้นเอง
เซี่ยเฟยไม่เคยเห็นเปียโนกาแล็กซีมาก่อนด้วยซ้ำ แต่คนพวกนี้ต้องการที่จะให้ชายหนุ่มขึ้นไปเล่นเปียโน แน่นอนว่าคำพูดของชายชราไม่ใช่การเชิญเขาขึ้นไปเล่นเปียโนจริง ๆ แต่มันคือการพยายามจะทำให้ชายหนุ่มคนนี้รู้สึกอับอาย
แอวริลกวาดสายตามองทุกคนอย่างเย็นชาและในที่สุดสายตาของเธอก็มาหยุดตรงที่เออเนส
เธอรู้ว่ามีเพียงปู่ของเธอคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหยุดไม่ให้เซี่ยเฟยขึ้นไปอับอายท่ามกลางสาธารณชนได้ เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้กลายเป็นแขกคนสำคัญของตระกูล และปู่ของเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้แขกของตัวเองต้องรู้สึกอับอาย
เออเนสขมวดคิ้วและคิดว่าการทำแบบนี้เป็นการข้ามหน้าข้ามตากันเกินไปเล็กน้อย เพราะการที่แอวริลเลือกเซี่ยเฟยเป็นคู่เต้นรำเป็นคนแรก มันก็มากพอที่จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าเซี่ยเฟยคือแขกคนสำคัญของตระกูลเจี่ยน และการที่เซี่ยเฟยได้รับความอับอายมันก็ไม่ต่างไปจากความอับอายของตระกูลเจี่ยนเช่นเดียวกัน
“ในเมื่อพ่อหนุ่มคนนี้ได้เต้นรำกับแอวริลเป็นคนแรกก็หมายความว่าเขาไม่ใช่คนนอก ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสนี้ให้พ่อหนุ่มบรรเลงเพลงและแนะนำตัวให้พวกเราได้รู้จักล่ะ?” ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมกล่าวแทรกขึ้นมา
“ขอโทษทุกคนด้วยครับ แต่ผมเล่นเปียโนกาแล็กซีไม่เป็นจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ทุกคนหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เพราะการยอมรับว่าเล่นเปียโนกาแล็กซีไม่เป็นท่ามกลางงานเลี้ยงของชนชั้นสูงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย
เออเนสพยักหน้ารับและกำลังจะหาจังหวะพูดช่วยขึ้นมา แต่จู่ ๆ หลี่กวนก็เดินออกมาท่ามกลางฝูงชน ก่อนที่เขาจะเริ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พ่อหนุ่มอย่าถ่อมตัวเกินไปนักเลย ในที่นี้มีใครเล่นเปียโนกาแล็กซีไม่เป็นบ้าง? ให้พวกเราได้มีโอกาสชื่นชมฝีมือของพ่อหนุ่มสักหน่อยหนึ่งเถอะ”
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าพ่อลูกคู่นี้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่พยายามจะทำให้เขารู้สึกอับอาย และถึงแม้ว่าเขาจะรอดพ้นจากเหตุการณ์ในวันนี้ไปได้ แต่เขาก็จะตกเป็นเป้าซุบซิบนินทาของทุกคนอยู่ดี
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยไม่ได้รู้สึกสนใจเรื่องการเสียหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่มือเล็ก ๆ ของแอวริลกลับมีอุณหภูมิที่ลดลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแต่เขาเท่านั้น แต่มันยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับแอวริลและตระกูลเจี่ยนผู้ซึ่งเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอีกด้วย
แอวริลพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อเลือกเขาเป็นคู่เต้นรำคนแรก แล้วเขาจะยอมปล่อยให้เธอตกเป็นเป้าการซุบซิบนินทาของคนอื่นได้อย่างไร?
“หลี่กวนนายสนใจฟังฉันขึ้นไปบรรเลงสักเพลงหนึ่งไหม?” ทูรามถามพร้อมกับจ้องไปทางหลี่กวนอย่างไม่พอใจ
แม้แต่ 3 จอมพลก็รู้สึกว่าหลี่กวนกำลังทำเรื่องเสียมารยาทเช่นเดียวกัน เพราะนี่คือการพยายามจับเซี่ยเฟยขึ้นไปแขวนให้ชายหนุ่มรู้สึกอับอาย
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็เดินออกมาจากฝูงชนไปที่เปียโนกาแล็กซีอย่างเงียบ ๆ และใช้นิ้วลูบแป้นเปียโนอย่างแผ่วเบา
“ในเมื่อทุกคนอยากให้ผมแสดงฝีมือผมก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องบรรเลงสักเพลง แต่ถ้าหากว่าผมเล่นได้ไม่ดีพอขอให้ทุกคนยกโทษให้กับผมด้วยนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ ราวกับว่าเขาเป็นชนชั้นสูงจริง ๆ
หลี่กวนเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายพร้อมกับเป็นผู้เริ่มปรบมือให้กับเซี่ยเฟยเป็นคนแรก โดยในตอนนี้เขารู้สึกว่าแผนการของตัวเองได้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ซึ่งแผนการในส่วนที่เหลือคือการรอให้ชายหนุ่มแสดงความอับอายของตัวเองออกมา
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญก็ยังบรรเลงเพลงด้วยเปียโนกาแล็กซีได้อย่างยากลำบาก ซึ่งทุกคนก็เชื่อว่ามือใหม่อย่างเซี่ยเฟยย่อมไม่มีทางบรรเลงเพลงจากเปียโนหลังนี้ได้อย่างแน่นอน
แอวริลพยายามจะพูดอะไรออกมาบางอย่างแต่เธอก็เลือกที่จะกลืนคำพูดของตัวเองลงไป เพราะถ้าหากว่าเธอพยายามเรียกเซี่ยเฟยกลับมาในเวลานี้ มันก็จะยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ฉันจะคอยยืนอยู่เคียงข้างนายเอง” แอวริลกระซิบกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่แน่วแน่
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มให้กับแอวริลด้วยความมั่นใจ ซึ่งในช่วงเวลานั้นหญิงสาวก็ได้พบว่าเซี่ยเฟยไม่ได้มีอาการประหม่าเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าหากว่าเปียโนกาแล็กซีในตอนนี้ได้กลายเป็นอาวุธ ชายหนุ่มก็คงจะเป็นนักรบที่กล้าเดินไปหยิบอาวุธขึ้นมาเผชิญหน้ากับศัตรูนับร้อย
การกระทำของเซี่ยเฟยทำให้ไทสันขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และถึงแม้ว่าการมีความกล้าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่การไม่ประเมินความสามารถของตัวเองก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดพลาดร้ายแรงเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันเลย์ตันก็หันไปมองหลี่กวนด้วยความไม่พอใจ เพราะชายชราคนนี้พยายามจะทำให้คู่ค้าคนใหม่ของเขารู้สึกอับอายท่ามกลางสาธารณชน
หลี่กวนไม่ใช่หลี่โม่ที่พยายามจะกำจัดเซี่ยเฟยซึ่ง ๆ หน้า แต่เขาจะพยายามจู่โจมชายหนุ่มคนนี้จากทุกทิศทาง และเหตุการณ์ในวันนี้ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ต่อไปเขาก็จะพยายามทำให้เซี่ยเฟยได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ
เซี่ยเฟยนั่งลงตรงหน้าเปียโนกาแล็กซีพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังผู้ชมรอบข้าง จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนที่เขาจะประกาศบอกกับทุกคนขึ้นมาเบา ๆ
“เพลงที่ผมจะบรรเลงหลังจากนี้มีชื่อว่า ‘ต้นกำเนิดของจักรวาล’”
“อะไรนะ?! เพลงต้นกำเนิดของจักรวาล! ฉันไม่ได้ยินอะไรผิดไปใช่ไหม?”
“นั่นมันเป็นเพลงที่ยากสุด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?”
“เขาสามารถเล่นเพลงนี้ได้ตั้งแต่อายุเท่านี้เองงั้นเหรอ?”
“นี่มันเป็นเรื่องตลกเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยจริง ๆ เซี่ยเฟยคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงต้นกำเนิดของจักรวาลมันหมายถึงอะไร”
“โอ้ยไอ้หนุ่มเอ้ย! มาถึงเอ็งก็จะเล่นเพลงนี้เลยงั้นเหรอ” ทูรามพึมพำกับตัวเองพร้อมกับเอามือขึ้นมานวดขมับอย่างแผ่วเบา
“เซี่ยเฟยจะเล่นเพลงต้นกำเนิดของกาแล็กซีจริง ๆ งั้นเหรอ?” ไทสันอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัยพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับคางอย่างใช้ความคิด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเล่นเพลงนี้ได้จริง ๆ ไหม พวกเรามาลองฟังกันดู แต่ฉันคิดว่านายไม่ควรจะตั้งความหวังเอาไว้มากเกินไป” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับส่ายหัวไปมา
นิ้วของเซี่ยเฟยเริ่มรัวบทเพลงท่อนแรกอย่างรวดเร็ว ซึ่งบรรเลงถึงเรื่องราวของดาวตกที่โลดแล่นอยู่ในจักรวาล และถึงแม้ว่าท่าทางการเล่นเปียโนของเขาจะให้ความรู้สึกแปลก ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยังสามารถบรรเลงบทเพลงออกมาได้เป็นอย่างดี
“เซี่ยเฟยเล่นเปียโนกาแล็กซีได้จริง ๆ เหรอ!!” แอวริลตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับคว้าเสื้อผ้าของผางชิงเอาไว้
“คุณหนูเลือกผู้ชายได้ดีจริง ๆ ครับ” ผางชิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ขณะเดียวกันใบหน้าของหลี่กวนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีด และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงสามารถบรรเลงเพลงด้วยเปียโนกาแล็กซีได้
การมองเพียงแค่แว๊บเดียวก็ทำให้เขาได้รู้แล้วว่าเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่มือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นเปียโนได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น แต่เสียงเพลงที่เขาบรรเลงออกมากลับตรงจังหวะและไม่มีการบรรเลงผิดพลาดเลยแม้แต่ตัวโน้ตเดียว
หลี่โม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะแผนการของหลี่กวนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอับอายเท่านั้น แต่มันยังเป็นการทำให้ศัตรูของเขาเปล่งประกายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
“ไม่ต้องห่วงนี่มันเป็นเพียงแค่ท่อนแรก บทเพลงในท่อนที่ 2 เป็นท่อนที่ขึ้นชื่อเรื่องความยากมาก ถ้าดูจากท่าทางมันก็เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงแค่มือใหม่ แล้วมันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถบรรเลงบทเพลงในท่อนที่ 2 ได้อย่างแน่นอน” หลี่กวนแสร้งทำเป็นสงบและพยายามส่งเสียงกระซิบเพื่อปลอบใจลูกชาย
***************