ตอนที่ 109 รางวัล
บทลงโทษงั้นเหรอ?
'ผมต้องการโดนลงโทษมากกว่านี้อีกครับ ได้โปรดเอาอีกครับ!' เซจิแกล้งไอและพยายามจะกำจัดอารมณ์ที่วุ่นวายของเขา
ใบหน้าของเซจิเป็นสีแดงเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้สติ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เขารู้ว่าริกะมีโอกาสในที่จะคิดถึงวิธีคิดที่แท้จริงของเขาออกได้ แต่เขาไม่คาดหวังเธอจะ... "ลงโทษ" เขาแบบนี้
ความจริงเซจิได้คิดที่จะติดต่อเธอ แต่เขาไม่ได้คิดมากเกินไปเรื่องนี้
เมื่อเทียบกับการติดต่อหาเธอตั้งแต่เริ่มแล้ว เขาอยากที่จะลองสร้างเหตุการณ์ครั้งใหญ่ขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากเธอในตอนท้าย ด้วยวิธีนี้เขาสามารถระบายความขุ่นเคืองให้กับฝาแฝดได้และริกะดูเหมือนจะเป็นคนดีในเหตุการณ์นี้ โดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย
ถึงอย่างนั้นก็ตามเขายังเป็นคนนอก เขาจะไม่ต้องแบกรับกับฝาแฝดและเขาก็ไม่สนใจว่าพ่อและแม่ของฝาแฝดจะคิดเกี่ยวกับเขาแบบไหนหลังจากบทสรุปของเหตุการณ์นี้ ริกะ อะมามินั้นต่างออกไป เธอจะเป็นตัวสำรองซึ่งนั่นคือจะเป็นการพลักภาระและความกดดันไปให้เธอ
เซจิรู้สึกว่าเขาต้องการเลือกวิธีที่จะช่วยให้ทุกคนในตอนท้าย... คนปกติก็จะเลือกถ้าเขาคิดได้
และริกะที่ยังแสดงความขอบคุณแบบที่ไม่คาดฝันด้วย
ไม่มีใครพูดอะไรในขณะที่อยู่ในห้องทำงานของริกะ
ตอนนี้เธอเห็นใบหน้าที่แดงและลำบากของเซจิ ทำให้ริกะยิ้มอยู่ในใจ
'เขานี้ดูน่ารักเกินไปแล้ว... '
"ตอนนี้ที่ฉันได้ลงโทษเธอแล้ว ถึงเวลา... สำหรับรางวัลของเธอแล้ว"
'มีรางวัลอีกด้วยงั้นเหรอ?'
เซจิอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ริกะอย่างแปลกใจ ในขณะที่เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนของเธอ
"ฉันจำได้ว่ามีบางอย่างที่เธอต้องการมากๆ แต่ฉันไม่ได้ยกให้กับเธอ... และตอนนี้แม้ว่าจะไม่ใช่อันเดียวกัน แต่ฉันจะให้ของแบบเดียวกันกับนาย"
ริกะค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและล่วงเอาอะไรบางอย่างออกมา กำปั้นของเธอปิดสนิท ดังนั้นเซจิจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เธอเอามาได้ เธอวางกำปั้นไว้ข้างหน้าเซจิ
"ขอมือหน่อย"
"โอ้... ครับ"
เซจิสับสนและปฏิบัติตามคำสั่งของเธอ ขณะที่เขาแบมือให้เธอ
ริกะค่อยๆเผยมือของเธอออกมาให้เห็นถึงสิ่งเล็กๆ ที่ส่องประกาย โปร่งใส... กระดุม!
"นี้... หรือว่า!" ดวงตาของเซจิค่อยๆเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของริกะเต็มไปด้วยสีแดงจางๆ เมื่อเธอวางกระดุมไว้ในมือของเซจิ
"นายห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด" เธอกระซิบที่ข้างหูขณะที่เธอวางกระดุมไว้
สำหรับอะไรแบบนี้ที่กลายเป็นรางวัลมันเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น... แต่นี้คือสิ่งเดียวที่เขาเคยแสดงความปรารถนาต่อหน้าเธอ!
เซจิพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ในขณะที่เขากำกระดุมไว้แน่นแนบกับหน้าอกของเขา มันยังคงความอบอุ่นไว้อยู่เนื่องจากอุณหภูมิของริกะที่เหลือทิ้งไว้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับมันมาแล้ว!
เขาพลาดโอกาสในก่อนหน้านี้ที่ได้รับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นตำนานซึ่งเป็นผลพลอยได้จากหน้าอกขนาดใหญ่ที่เหล่าสุภาพบุรุษนับไม่ถ้วนปรารถนา แต่ตอนนี้เขาก็ได้รับมันแล้ว
เซจิทำตัวเป็นศพในโลงขณะที่เขากำมือไว้ในท่าอธิษฐาน เขากำลังจะเกิดใหม่... ไม่สิ ลอยขึ้นสู่สวรรค์ต่างหาก!
ริกะเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอควรตอบสนองต่อท่าทางและการแสดงออกที่ไม่อาจเข้าใจได้ของเขาได้อย่างไร
ทั้งหมดที่เธอทำได้ก็คือหัวเราะ
"เอาล่ะ หยุดทำตัวแปลกๆซักที! นายได้รับรางวัลของนายแล้ว รีบไปเริ่มทำงานได้แล้ว!"
"ครับ ท่านเทพ... ไม่สิ ผู้จัดการ!" คำตอบของเซจินั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลในขณะที่เขาหันกลับไปและเริ่มเดินไป แม้แต่ร่างของเขาก็เปล่งไปด้วยออร่าของความหลงใหล
"ท่านเทพบ้าบออะไรของนายกันฮ่ะ!" ริกะตำหนิเขาขณะที่เขาเดินออกไป
ดูเหมือนว่าคงต้องใช้เวลานานกว่ารอยยิ้มและรอยแดงบนใบหน้าของเธอจะจางหายไป
...
หลังจากเลิกงานแล้ว
เซจิเปิดตัวเลือก [ของขวัญ] ในระบบของเขาและตรวจสอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์... ไม่สิ รางวัลที่เขาได้รับจากระบบของเขาสำหรับของขวัญ
เขาได้รับแต้มรวม 7 แต้มด้วยกันและได้การ์ดลดราคาไอเทม [คำขอบคุณจากใจจริงของฉัน]
การ์ดใบนี้เป็นความรู้สึกคำขอบคุณจากใจจริงของผู้จัดการร้านที่งดงามรู้สึกถึงเขา แบบเดียวกับความรู้สึกชื่นชมและสรรเสริญเขา หลังจากใช้การ์ดแล้วเขาสามารถเลือกไอเทมไหนๆก็ได้ที่เขาต้องการในร้าน และราคาจะลดลงให้เหลือ 50% ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนส่วนลดทั้งหมด และเขาสามารถใช้มันเพื่อซื้อของขนาดใหญ่ที่สิ้นเปลืองได้ ถึงอย่างนั้นมันเป็นไอเทมที่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว
เซจิขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ลด 50% ของไอเทมอย่างที่เขาต้องการคือผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ! น่าเสียดายที่เป็นไอเทมที่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว แต่โชคดีที่มีมันไม่มีข้อจำกัด
นั่นหมายความว่ามีสองวิธีที่เขาสามารถใช้การ์ดใบนี้ได้ 1.แลกเปลี่ยนไอเทมที่มีราคาโคตรของโคตรแพงที่มีพลังอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เขาประหยัดได้มากในจุดนี้
อีกวิธีหนึ่งคือการซื้อไอเทมที่เขาต้องการในปริมาณมาก ซึ่งจะช่วยให้เขาประหยัดเวลาได้มาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ เซจิไม่มีสินค้าประเภทไหนที่สามารถซื้อได้
ไม่มีอะไรที่ดูมีราคาแพงหูฉีกที่ล่อลวงให้เขาซื้อหรือเขามีของแพงอย่างไหนเลยที่เขาจำเป็นต้องใช้ในจำนวนมากๆ... ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเก็บการ์ดนี้ไว้เพราะใช้ไม่ได้ในตอนนี้
แม้ว่าตอนนี้มันยังจะไม่เป็นประโยชน์ แต่ก็ยังคงมีผลอย่างมาก และ 7 แต้มที่มันให้เขาก็นั้นไม่มีอะไรต้องเย้ยหยัน
'ขอบคุณมากครับ ผู้จัดการร้าน!'
เซจิรู้สึกดีใจมากขณะที่เดินผ่านสวนสาธารณะระหว่างเดินทางกลับบ้าน
ขณะที่เขากำลังเดินอยู่เขาได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอาดที่เกิดขึ้นจากการแกว่งของชิงช้าในสวนสาธารณะ
'ยังมีเด็กเล่นชิงช้าในตอนดึกอยู่งั้นเหรอ' เซจิมองไปที่ชิงช้าที่แกว่งอยู่ด้วยความสงสัยในใจ
เขาเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าที่แกว่งอยู่และเห็นได้ว่าไม่ใช่เด็ก
เธอเป็นหญิงสาวที่สวมเครื่องแบบนักเรียนม.ต้นเซนต์ฮานะ
แสงสว่างและระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นไม่ดีนัก ทำให้เซจิไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน
แต่สัญชาตญาณของเขาบอกแก่ขาว่า... เขาเคยเห็นเธอคนนี้มาก่อน
* เอี๊ยด... เอี๊ยด... *
ร่างของเด็กหญิงม.ต้นคนนั้นดูเหมือนจะเหงา ในขณะที่เธอแกว่งชิงช้าตัวด้วยตัวของเธอเอง
เซจิหยุดเดินกลับบ้านทันที
เขามุ่งหน้าไปยังชิงช้าที่กำลังแกว่างอยู่
"เธอต้องเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมต้นเซนต์ฮานะแน่ แล้วมันก็ดึกขนาดนี้แล้วทำไมเธอถึง... "
เซจิเริ่มพูดขณะที่เขาเดินเข้าไป แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ได้เห็นว่าเป็นใครและหยุดเดิน
นั่นเป็นเพราะเขารู้จักเธอไงล่ะ
แม้ว่าเขาจะได้พบกับเธอเพียงครั้งเดียวในวันแรกที่เขาย้ายเข้ามาเธอก็ทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้ง
เธอเป็นสาวสวยที่ดูเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง เธอมีใบหน้าที่งดงาม ผิวขาวเหมือนหิมะ เรียบเนียน ขนตาที่ดูบาง ดาวตาที่ดูใสกระจ่าง และทรงผมสีดำที่ดูอ่อนนุ่ม เธอได้เหลือบมองมาอย่างรวดเร็ว เธอดูเหมือนกับน้ำแข็งที่งดงาม
"เธอ... " จังหวะการก้าวของเซจิชะงั่กลงเล็กน้อยขณะที่เขาเดินหาเธอต่อ "เธอ... ชิกะ คางุระ ใช่มั้ย?"
ใช่ นี้เป็นชื่อของเธอ
เธอเป็นนักเรียนม.ต้นที่มีใบหน้าที่งดงาม... เธอเป็นเด็กสาวที่ถูกจับกุมและถูกลากไปที่ชมรมการละครโดยประธานชมรม
เซจินึกถึงฉากที่ชิกะนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่างเงียบๆและอ่านบทกวีของเธอ
ในเวลานั้นเขาเดินไปทักทายเธอด้วยตั้งใจของตัวเอง
แบบเดียวกับครั้งนี้
"เธอยังจำฉันได้อยู่มั้ย? ฉัน เซนโจ ฮาราโนะ นักเรียนม.ปลายปี 1 ของโรงเรียนมัธยมปลาย... เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วที่ชมรมการละครเราได้พูดกันไม่กี่คำ" เขาเดินหน้าตรงไปที่ชิงช้าขณะที่เขาพูด
หญิงสาวคนนั้น... ชิกะ คางุระ ก็ได้หยุดแกว่งเมื่อมองหน้าเขา
แบบเดียวกับครั้งล่าสุด
"เซนโจ ฮาราโนะ... "
เสียงนั้นดูอ่อนโยนแต่กลับเย็นชา
'ดูเหมือนว่าเธอจะจำฉันได้สินะ'"เซจิคิดในใจ
"ฉันเพิ่งผ่านมาและสังเกตเห็นเสียงดังนั้นฉันมาเพื่อดูว่าใครอยู่ที่นี้ มันค่อนข้างดึกแล้วทำไมเธอถึงยังคงอยู่ที่นี้อีกล่ะ? ไม่ใช่ว่าเธอควรจะกลับบ้านได้แล้วงั้นเหรอ?"
ชิกะนิ่งเงียบในขณะที่เธอมองไปที่เซจิอย่างเงียบๆ
เซจิเกาหน้าด้วยความเขิน และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
แม้ว่าเขาอยากจะถามว่ามีอะไรติดที่หน้าของเขางั้นเหรอ เขาก็คิดว่าการถามคำถามแบบนั้น ชิกะอาจจะไม่สนใจก็ได้ มันอาจจะไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพูดคุยต่อก็ได้
"มี... อะไรเกิดขึ้นที่ครอบครัวของเธอหรือเปล่า? เธอทะเลาะกับพ่อแม่มางั้นเหรอ?"
เขาไล่ถามคำถามที่สำคัญ
นักเรียนม.ต้นที่เหลืออยู่ อยู่ห่างจากบ้านในเวลานี้อาจหมายถึงมีบางอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวของเธอก็ได้
ชิกะยังคงจ้องมองที่ใบหน้าของเขาราวกับว่าเธอกำลังรอดอกไม้ที่น่าอัศจรรย์เริ่มบานอยู่ที่นั่น
เซจิถอนหายใจ "อืม บางทีอาจจะไม่ธุระกงการอะไรของฉัน* ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นนะ"
เขาเดินไปหาเธอและนั่งลงข้างๆเธอที่ชิงช้าข้างๆที่ติดกัน
"ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการยุ่งอะไรหรอกนะ ฉันแค่อยากจะช่วยเธอเท่านั้น ถ้าฉันช่วยได้ มันอันตรายสำหรับสาวสวยอย่างเธอที่จะออกมาข้างนอกตอนดึกๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่โล่งว่างแบบนี้นะ"
"บางทีเธออาจไม่คิดว่ามันเป็นอะไร แต่... ฉันไม่อยากจะทิ้งเธอไว้ตามลำพังหรอกนะ"
นั่นคือทั้งหมดที่เขาทำได้
นี้เป็นเพียงการกระทำที่เห็นใจตามปกติ
ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเซจิก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในท้ายที่สุด
----------------------
*ตรงนี้เป็นสำนวน ประมาณ เข้าไปยุ่งในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรา แต่แปลให้เข้ากับบริบทในนั้นแล้ว