997 - คัมภีร์โบราณครึ่งเล่ม
997 - คัมภีร์โบราณครึ่งเล่ม
“การกระทำของเจ้าคงทำให้ผู้คนโกรธแค้นเป็นอย่างมาก?” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเป็นคนที่ชอบสิ่งสวยงามทุกอย่าง โดยเฉพาะหญิงงาม ข้าคิดว่าพวกนางคือที่พักที่งดงามที่สุดในโลก ข้ามักจะมองสิ่งเหล่านั้นด้วยความชื่นชม แต่ข้ามักถูกเข้าใจผิดอยู่เสมอ” เอี๋ยนอี้ซีถอนหายใจ
“เจ้าก็แค่ไอ้สารเลวคนหนึ่ง?” เย่ฟ่านกล่าว “ไม่แปลกใจเลยที่ลู่หยาจะไล่ล่าเจ้า การที่องค์หญิงน้อยแห่งเผ่าพันธุ์อีกาทองเดินทางร่วมกับคนแบบเจ้าชื่อเสียงของนางคงป่นปี้ไปแล้ว”
“นั่นเป็นการใช้ดวงตาของคนเลวมองวิญญูชน สวรรค์สามารถเป็นพยานได้ว่าข้าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสตรีคนใด” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
เย่ฟ่านได้เรียนรู้จากการสนทนากระซิบของผู้อื่นว่าบุคคลนี้ไม่ได้เป็นคนต่ำช้า เขาเดินท่ามกลางดอกไม้ก็จริงแต่ไม่มีดอกไม้ใดเคยได้รับการเหลือบแลจากเขา
อย่างไรก็ตามเพียงสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคืออัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก
“พี่เย่ เจ้าฆ่าองค์ชายเก้าเผ่าพันธุ์อีกาทองเจ้าก็ไม่กลัวหายนะ ที่เกิดจากเผ่าพันธุ์อีกาทองหรือ พวกเขาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกใบนี้เลยนะ”
เอี๋ยนอี้ซียิ้มและกล่าวด้วยความสง่างามเช่นเดิม
“แม้แต่เจ้าที่มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับองค์หญิงน้อยของเผ่าพันธุ์อีกาทองก็ยังรอดชีวิตมาได้ โชคของข้าไม่มีทางเลวร้ายไปกว่าเจ้าอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านหัวเราะ
“ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับองค์หญิงอีกาทองนั้นบริสุทธิ์มาก”
“ใช่ มันบริสุทธิ์ราวกับน้ำแข็งและหิมะที่ละลายเป็นน้ำโคลน เจ้าสามารถบอกลู่หยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้”
แม้ว่านี่จะเป็นการรู้จักกันครั้งแรก แต่เย่ฟ่านก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับฝ่ายตรงข้าม และเขาไม่มีท่าทีตะขิดตะขวงใจในการกล่าววาจา
“ในโลกนี้ผู้คนที่รู้วิธีชื่นชมสิ่งงดงามมักถูกเข้าใจผิด นี่คือความโศกเศร้าซึ่งเกิดจากจิตใจอันต่ำช้าของผู้คน” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
“มีโจรประเภทหนึ่งในโลกฉายาจอมเด็ดบุปผา แน่นอนว่าพวกเขารักถนอมบุบผามากที่สุด เจ้าอาจเป็นคนประเภทนี้ก็ได้”
“ข้ายังคงยืนยันเช่นเดิมว่าข้าไม่ใช่คนแบบนั้น” เอี๋ยนอี้ซีตอบโต้อย่างเคร่งขรึม
ในระยะไกลหลายคนแสดงท่าทางแปลกๆ และเริ่มคุยกันเบาๆ มันน่าแปลกใจที่คนสองคนนี้นั่งด้วยกัน
“พี่เย่ เจ้ามาที่หมู่บ้านเทียนหลางเพื่อดูคัมภีร์โบราณหรือไม่” เอี๋ยนอี้ซียกจอบสุราขึ้นและถามเบาๆ
“อะไรนะ?” เย่ฟานตกตะลึง
“แสดงว่าเราพบกันถูกเวลาจริงๆ”
เอี๋ยนอี้ซีรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นพึมพำว่า
“องค์ชายเก้าแห่งอีกาทองช่างโชคร้าย เขาไม่มีโอกาสได้พบคัมภีร์เทพแล้ว”
“คัมภีร์เทพ?” เย่ฟ่านถาม
“ว่ากันว่านักพรตซานเชวียจะแลกเปลี่ยนคัมภีร์ครึ่งหน้ากับคัมภีร์ครึ่งหน้าที่อยู่ในวิหารฉางเชิง ว่ากันว่าในอดีตคัมภีร์ทั้งสองมาจากคัมภีร์เล่มเดียวกัน เรื่องนี้จะต้องมีความครึกครื้นอย่างแน่นอน”
ในโลกใบนี้มีวิหารโบราณชื่อฉางเชิง มันเป็นมรดกโบราณที่มีต้นกำเนิดสวรรค์มากมาย อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ด้านในวิหารแห่งนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขา
และสิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขามีคัมภีร์ระดับเซียนครึ่งเล่ม
มันลึกลับมาก ว่ากันว่าคัมภีร์นี้บันทึกสุดยอดเต๋าอยู่ภายใน มันมีเนื้อหาที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการทะลวงเข้าสู่ความเป็นอมตะ ในโลกนี้ผู้ใดจะไม่ต้องการมีชีวิตตลอดไป
แม้แต่จักรพรรดิโบราณก็ยังไม่สามารถรอดชีวิตได้ คัมภีร์โบราณลึกลับนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก
หากไม่ใช่ว่าวิหารโบราณฉางเชิงมีความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ พวกเขาคงถูกปล้นไปตั้งนานแล้ว
“นักพรตซานเชวียกำลังจะมาที่นี่ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเท่าใดที่กำลังจ้องมองเขา” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
“คัมภีร์อมตะครึ่งหน้า?!” เย่ฟ่านลูบคางของตัวเอง
“เป็นอย่างไร ตื่นเต้นหรือไม่ ไปดูกันเถอะข้าเชื่อว่ามันจะต้องครึกครื้นอย่างแน่นอน” เอี๋ยนอี้ซียิ้ม
“เจ้าไม่กลัวว่าเดินทางพร้อมกันกับข้าเผ่าพันธุ์อีกาทองจะไม่ครอบโทสะใส่เจ้าไปด้วย?”
“มันเป็นเพราะเจ้าดึงดูดความเกลียดชังมากเกินไปข้าจึงอยากไปกับเจ้า เพราะเมื่อพวกเขาต้องการตามล่าข้าและเห็นเจ้าอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็จะเลือกตามล่าเจ้าแทน”
เอี๋ยนอี้ซียิ้มสดใสและทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ในโต๊ะถัดไปเกิดความงงงวยเล็กน้อย
“ไอ้สารเลว!” เย่ฟานสาปแช่ง
….
แม่น้ำลั่วซิงยาวหลายแสนลี้ มันเป็นแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมากในลู่โจว
ว่ากันว่ามีดวงดาวโบราณจำนวนมากตกลงมา แม่น้ำมีพลังแห่งดวงดาวและมันส่องสว่างทุกคืนวัน
วันนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เย่ฟ่านและเอี๋ยนอี้ซีกำลังนั่งอยู่บนเรือลำเล็ก ดื่มสุราท่ามกลางแสงจันทร์ พวกเขาอยู่ห่างจากหมู่บ้านเทียนหลางมาหลายวันแล้ว
“ดูเหมือนว่าเราจะไปไม่ถูกทาง”
เอี๋ยนอี้ซีกล่าว ท่าทางของเขายังคงสบายๆคล้ายกับไม่รู้สึกตื่นตระหนกต่อการหลงทางครั้งนี้
ทันใดนั้น กลีบดอกไม้ได้ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าแต่ละชิ้นสดใสราวกับอัญมณี และภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง มันช่างงดงามและมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
หลังจากนั้นไม่นานรถม้าหยกเหมือนพระจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ก็เคลื่อนตัวผ่านท้องฟ้า ความผันผวนที่ปรากฏออกมาไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คืออาวุธระดับเซียนอย่างแน่นอน
เอี๋ยนอี้ซีเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทางแปลกๆ ราวกับว่าเขากำลังเฝ้าชมสมบัติที่งดงามที่สุดในโลก
“เกิดอะไรขึ้น ใครอยู่ข้างใน?” เย่ฟานถาม
“นี่คือสตรีที่งดงามที่สุดในทุ่งดาวโบราณจื่อเวย ในโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเคียงคู่กับนาง ยกเว้นหยินเทียนเต๋อผู้ซึ่งประกาศตัวเองว่าจะสำแดงเต๋าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
ในคืนเดือนหงาย แม่น้ำจะใสและเป็นประกาย
กลีบดอกโบยบินไปทั่วท้องฟ้า แต่ละชิ้นใสกระจ่างภายใต้แสงจันทร์ กลิ่นหอมโชยเข้าจมูกทำให้รูขุมขนทั่วร่างกายคลายตัว
รถม้าศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนผ่านท้องฟ้า ห้อมล้อมด้วยดอกไม้และสายฝน ส่องแสงเรืองรอง เปรียบเหมือนปราสาทอันกว้างใหญ่ใต้แสงจันทร์อันสุกใส
อี้ชิงอู่คือหญิงงามอันดับหนึ่งในเขตดาวโบราณจื่อเว่ย เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหญิงสาวผู้นี้ ทุกคนต่างเกิดความละอายใจในตัวเองและไม่มีใครกล้าที่จะอาจเอื้อมครองคู่กับนาง
สำหรับหญิงสาวคนนี้ ไม่มีคำอธิบายความงามใดในโลกจะสามารถบรรยายถึงความงามของนางได้
ท่าทางของนางนั้นงดงามราวกับพระจันทร์บนท้องฟ้า ในบรรดายอดฝีมือรุ่นเยาว์มากมายไม่มีผู้ใดไม่ลุ่มหลงต่อความงามของนาง
“นางมาจากพระราชวังกวงฮั่น ในอดีตมีผู้คนไม่น้อยที่มาสู่ขอนางให้กับทายาทของพวกเขา อย่างไรก็ตามบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไม่มีทางคู่ควรกับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ได้” เอี๋ยนอี้ซีถอนหายใจเบาๆ
พระราชวังกวงฮั่นมรดกโบราณนี้ทำให้หัวใจของเย่ฟ่านเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากและถามว่า
“แล้วเหตุใดหยินเทียนเต๋อจึงมีโอกาสมากกว่าคนอื่น”
“พี่เย่เจ้ารู้เรื่องศัตรูตัวฉกาจคนนั้นน้อยเกินไป ความแข็งแกร่งของหยินเทียนเต๋อเพียงพอแล้วที่จะทำให้โลกต้องตกตะลึง”เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
“แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น…”
“แน่นอน เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับเขา เจ้าจะสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเขาเอง” เอี๋ยนอี้ซีเตือนอย่างจริงจัง
เย่ฟ่านลูบคางและใช้ความคิดอย่างจริงจัง คนที่ได้รับมรดกจากเล่าจื้อไม่มีทางเป็นคนธรรมดาได้อย่างแน่นอน
เอี๋ยนอี้ซีกล่าวว่า “มีเพียงหยินเทียนเต๋อเท่านั้นที่ทะลุผ่านประตูเทพยดาของวังโบราณไป๋จิงได้ เพียงความสามารถนี้ก็ทำให้ผู้คนในโลกตกตะลึงแล้ว”
ภายใต้แสงจันทร์ที่สว่างไสว ราชรถศักดิ์สิทธิ์บินออกไป ล้อมรอบด้วยกลีบดอกไม้ทั่วท้องฟ้า มีกลิ่นหอมไม่รู้จบ ทิ้งลำแสงลึกลับไว้เบื้องหลัง
“น่าเสียดายที่หญิงสาวที่งดงามที่สุดในโลกกำลังจะกลายเป็นภรรยาของเจ้าเศษสวะหยินเทียนเต๋อ” เอี๋ยนอี้ซีกล่าวด้วยความเสียใจ
……….