ย้อนเวลาเขย่าจักรวาล 2005 ตอนที่ 9 เวลา 1 วัน
ตอนที่ 9 เวลา 1 วัน
“เงิน เงินของผมอยู่ไหน?”
หยางเฟยเตือนสติผู้จัดการธนาคาร
“คือ…”
ผู้จัดการธนาคารไม่สามารถทำตัวสงบได้อีกต่อไป สถานการณ์ตอนนี้มันเกินควบคุมไปแล้วถ้าเขาให้เงินหยางเฟย เขาก็ต้องให้เงินคน 20 กว่าคนด้วย ถ้าเขาไม่ให้ได้มีปัญหาใหญ่ตามมาแน่ แต่… เขาจะเอาเงินจากไหนให้ล่ะ ตอนนี้เงินแทบทั้งหมดมันอยู่ในพล็อตหุ้นถ้าขายหุ้นก็ต้องรอ 2 – 3 วัน เงินถึงจะเข้าบัญชี และเงินที่เขาเหลืออยู่มันก็ไม่พอด้วยเพราะเขาขาดทุนไป 30 ล้านหยวน
“คืออะไร? เงินผมอยู่ไหน?”
หยางเฟยเร่งเร้า ก่อนจะมาที่นี่เขาให้อลิสตรวจสอบแล้วว่าเงินประกันชีวิตมันถูกเอาไปทำอะไร เขารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้ผู้จัดการธนาคารไม่มีเงิน ตอนนี้เขาแค่แสดงละครเท่านั้น
ส่วนคนจำนวน 20 กว่าคนที่กำลังทวงเงินประกันชีวิตอยู่ตอนนี้ก็เป็นฝีมือของหยางเฟย หยางเฟยให้อลิสโทรไปบอกพวกเขาว่า ถ้ามาธนาคารวันนี้พวกคุณจะได้เงินประกันชีวิต! ทุกอย่างถูกจัดฉากโดยหยางเฟยทั้งหมด
“ใช่ เงินของพวกเราอยู่ไหน”
“เอาเงินของพวกเราออกมา”
“เอาเงินออกมา ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เงินฉันจะไม่กลับฉันจะยืนทวงอยู่แบบนี้แหละ”
“ใช่ๆ ถ้าฉันไม่ได้เงินวันนี้ฉันก็ไม่กลับเหมือนกัน ธนาคารปิดฉันก็ไม่กลับ”
“ฉันด้วย ถ้าวันนี้ไม่ได้เงินก็ไม่กลับ”
“ใช่ๆ ฉันก็เหมือนกัน”
กลุ่มคนเริ่มทวงเงินประกันของพวกเขา
“คือ…”
ผู้จัดการธนาคารพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องพูดอะไร สถานการณ์ตอนนี้มันคือสถานการณ์มืดแปดด้าน เขาพูดอะไรไม่ได้เลย เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์มืดแปดด้านประสบการณ์หลายสิบปีก็ล้วนไร้ประโยชน์
เมื่อเห็นว่าผู้จัดการธนาคารทำอะไรไม่ถูกแล้ว หยางเฟยก็มองไปทางกลุ่มคนที่นั้งอยู่บนเก้าอี้ เขามองไปทางชายรูปร่างอ้วน สวมกางเกง 3 ส่วน สวมเสื้อสีขาวรัดตัวหน่อยๆ และมีทองเส้นใหญ่เกินชาวบ้านชาวช่องคล้องคออยู่ จากนั้นก็พูดว่า
“จะนั่งเป็นรูปปั้นอีกนานไหม”
ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างมองตามสายตาของหยางเฟย เมื่อมองตามสายตาของหยางเฟยเขาก็เห็นชายอ้วนแต่งตัวแปลกๆ นั่งอยู่
‘เขารู้ได้ยังไงว่าเราเป็นใคร ไม่สิ! เขาคือคนที่สามารถแฮกดาวเทียมของประเทศได้ เรื่องสืบหาตัวตนของเรามันคงไม่ใช่เรื่องยากหรอก หน้าที่ของเราคือสังเกตการณ์เท่านั้น แต่… ถ้าเราไม่เข้าไปจัดการเรื่องเงินประกันชีวิตก็เท่ากับว่าเราไม่ไว้หน้าหยางเฟย เฮ้อ~ เราไม่มีทางเลือกเราต้องจัดการเรื่องนี้’
ชายอ้วนคิดในใจ ชายอ้วนคนนี้คือหนึ่งในหน่วยลับของรัฐบาลกลาง หลังจากพวกหลินหวานถอยกลับชายอ้วนก็โดนสั่งให้ติดตามหยางเฟย หน้าที่ของเขาคือสังเกตหยางเฟยเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร แต่ตอนนี้เขาอยู่เฉยๆ ไม่ได้ สถานการณ์มันบังคับให้เขาเคลื่อนไหว
ชายอ้วนลุกขึ้น จากนั้นเขาก็ตะโกนว่า
“ทุกคนเงียบ!!!”
ทุกสายตาในธนาคารหันมองไปทางชายอ้วน
เมื่อชายอ้วนเห็นว่าทุกคนเงียบแล้วเขาก็เดินไปที่ด้านหน้าธนาคารด้วยท่าทางมั่นใจ คนที่ขวางทางชายอ้วนอยู่หลีกทางให้เขาแบบไม่รู้ตัว หลังจากเดินถึงด้านหน้าธนาคารชายอ้วนก็พูดขึ้นว่า
“ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“นายเป็นใคร???”
“คุณเป็นใคร???”
“คุณมีอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เงินฉันจะไม่ไปไหนจริงๆ ด้วย ถ้าฉันไม่ได้เงินฉันจะกินนอนที่นี่แหละ”
“ใช่ๆ”
“คุณอย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นดีกว่า”
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เงินของเราอยู่กับธนาคารทางธนาคารต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่คุณ”
กลุ่มคนที่กำลังทวงเงินประกันชีวิตพูดกับชายอ้วน บางคนก็ไม่พอใจ บางคนก็พูดเตือน
“ผมคือคนของรัฐบาลกลาง หน้าที่ของผมคือตรวจสอบธนาคาร ตอนนี้ผมกำลังปลอมตัวเป็นลูกค้าอยู่ผมเลยอยู่ในสภาพนี้ ทุกคนไม่ต้องกังวล วันนี้ทุกคนได้เงินแน่นอน”
ชายอ้วนแถ หน้าที่ของเขาคือจับตาดูหยางเฟยเท่านั้น ตรวจสอบธนาคารอะไรนั่นคือเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาล้วนๆ
“เรียกตำรวจดีกว่า”
หยางเฟยเสนอความคิด เขาอยากจัดการให้จบในครั้งเดียวเขาเลยเสนอให้เรียกตำรวจ คนที่หยางเฟยต้องการจัดการไม่ใช่แค่ผู้จัดการธนาคารเท่านั้น แต่เพื่อนของผู้จัดการที่เป็นผู้กำกับของเขตนี้ก็เป็นเป้าหมายของเขาด้วยเช่นกัน
ไหนๆ ก็เสียเวลามาแล้วหยางเฟยเลยอยากทำให้จบในครั้งเดียว เขาจะทำลายทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้จัดการธนาคาร ใครที่มีความสัมพันธ์กับผู้จัดการธนาคารเขาจะจัดการให้หมด เพื่อน เมีย ลูก พ่อ แม่ พี่ หรือน้อง ใครที่มีความสัมพันธ์กับผู้จัดการธนาคารต้องโดนลงโทษ
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมหยางเฟยถึงต้องจัดการคนที่ไม่เกี่ยวด้วย คนที่เอาเงินเขาไปมีแค่ผู้จัดการธนาคารคนเดียวไม่ใช่เหรอ จัดการผู้จัดการธนาคารเดียวก็พอแล้ว คนที่กำลังคิดแบบนี้ต้องคิดใหม่ คุณต้องรู้ก่อนว่า มันไม่มีคนที่ไม่เกี่ยวหรอก!
เริ่มจากเพื่อน ตอนที่ผู้จัดการไปเจอเพื่อนของก็จะเลี้ยงอาหารเพื่อน เลี้ยงเหล้าเพื่อน หรือบางครั้งอาจให้เงินเพื่อนเพื่อให้เพื่อนช่วยเหลือตัวเอง รู้แบบนี้แล้วยังจะบอกว่าเพื่อนไม่เกี่ยวอีกเหรอ
พ่อแม่ของผู้จัดการธนาคารก็มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน ถึงพวกเขาจะไม่รู้เรื่อง แต่พวกเขาก็รับเงินจากผู้จัดการธนาคาร รู้แบบนี้แล้วยังจะบอกว่าพ่อแม่ไม่เกี่ยวอีกเหรอ
ในส่วนของเมียและลูกคงไม่ต้องพูดอะไรมาก คนพวกนี้ใช้เงินของผู้จัดการธนาคาร รู้แบบนี้แล้วยังจะบอกว่าลูกเมียไม่เกี่ยวอีกเหรอ
สรุปง่ายๆ ก็คือ คนที่รับเงินจากผู้จัดการไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ล้วนมีความผิด
“เรื่องนี้ผมสามารถจะ-”
“เอาสิ! เรียกตำรวจมาเลย!!”
ก่อนที่ชายอ้วนจะพูดจบ ผู้จัดการธนาคารก็พูดขึ้นก่อน
ผู้จัดการธนาคารรู้ดีว่าเพื่อนที่เป็นผู้กำกับของเขาคงช่วยปิดเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ว่า ช่วยปิดไม่ได้ใช่ว่าจะช่วยอย่างอื่นไม่ได้ เขาต้องการให้เพื่อนของเขาทำให้คนพวกนี้สงบลง หลังจากคนพวกนี้สงบลงเขาก็จะค่อยๆ เป่าหูคนพวกนี้ให้กลับบ้าน ผู้จัดการธนาคารมั่นใจมากว่าถ้าเขาคุยทีละคนเขาจะสามารถเป่าหูคนพวกนี้ให้กลับบ้านได้
“นักเรียนคนนี้พูดถูก”
“ใช่ๆ นักเรียนพูดถูก เราให้ตำรวจจัดการดีกว่า”
“ถูกต้อง ฉันโทรเรียกตำรวจเอง”
คนที่ทวงเงินประกันชีวิตอยู่เห็นด้วยกับคำพูดของหยางเฟย คนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ก็คือหยางเฟย ถ้าไม่มีหยางเฟยพวกเขาคงไม่มีโอกาสแบบนี้ พวกเขาคงต้องมาทวงค่าประกันชีวิตเรื่อยๆ และการเดินทางมาธนาคารแต่ละครั้งก็ต้องลางาน 1 วัน ลางาน 1 วัน ก็เท่ากับว่ารายได้หายไป 1 วัน สำหรับคนฐานะปานกลางและคนรวยรายได้หายไป 1 วัน มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับคนฐานะยากจนมันไม่ใช่ คนที่มีฐานะยากจนไม่ทำงานก็ไม่มีเงินใช้จ่าย ไม่มีเงินซื้ออาหารกิน เวลา 1 วันของคนเรามันต่างกัน
แต่ว่า หยางเฟยไม่เคยคิดเรื่องช่วยคนพวกนี้ทวงเงินประกันชีวิตเลย ในหัวของเขามีแค่คำว่า ‘แก้แค้นแบบทบต้นทบดอก’