ย้อนเวลาเขย่าจักรวาล 2005 ตอนที่ 36 กวาดล้าง
ตอนที่ 36 กวาดล้าง
แบะ!
แบะ!
แบะ!
ตุ๊บ!
ตุ๊บ!
ตุ๊บ!
หุ่นยนต์ของหยางเฟยสังหารอย่างต่อเนื่อง อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ผู้บ่มเพาะที่ติดอยู่ในบาเรียมีแค่ผู้บ่มเพาะระดับก่อเกิด และผู้บ่มเพาะระดับปฐพี ผู้บ่มเพาะเหล่านี้เป็นได้แค่เหยื่อเท่านั้น พวกเขาโดนล่าอยู่ฝ่ายเดียว มันมีบางคนที่พอมีสติและรวมตัวกันอยู่บ้าง ทว่า ต่อให้พวกเขารวมตัวกันผลที่ออกมามันก็เหมือนเดิม
“ยอมแล้ว!!! ฉันยอมแพ้แล้ว!!!”
ผู้บ่มเพาะระดับปฐพีคนหนึ่งยอมแพ้ เขาคุกเข่าทั้ง 2 ข้างของเขาลงพื้นและยกมือทั้ง 2 ขึ้นฟ้า เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าเขายอมแพ้แล้วจริงๆ เขาเลยยกมือทั้ง 2 ขึ้นฟ้า กว่าเขาจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับปฐพีได้เขาพยายามหนักมาก เขาไม่อยากตาย
หมับ!
หุ่นยนต์จับหัวชายระดับปฐพีที่กำลังคุกเข่าอยู่
“กะ แกกำลังทำอะไร ในสงครามเขาไม่ฆ่าคนที่ยอมแพ้กันนะ ปะ ปล่อย”
ชายระดับปฐพีพูดเสียงสั่นๆ
“นี่ไม่ใช่สงคราม นี่คือการต่อสู้เล็กๆ”
หุ่นยนต์ตอบ จากนั้นมันก็ออกแรงบีบหัวชายระดับปฐพีที่อยู่ในมือของมัน คำสั่งของหยางเฟยคือ ‘ฆ่า’ หุ่นยนต์เลยไม่สนใจเรื่องไว้ชีวิตพวกผู้บ่มเพาะ
‘คงใช้เวลาประมาณ 30 นาที… ไม่สิ! น่าจะประมาณ 20 นาที’
หยางเฟยประมาณเวลาการกวาดล้างครั้งนี้ หยางเฟยคิดว่าประมาณ 20 นาที พวกผู้บ่มเพาะที่ติดอยู่ในอาณาเขตของบาเรียคงโดนฆ่าหมด ระหว่างกำลังคิดหยางเฟยก็เงยหน้ามองไปทางผู้นำตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7
ในเวลานี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7 ดูน่ากลัวมาก ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้หยางเฟยคงตายเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว
หยางเฟยกำลังยิ้มอ่อนๆ มองไปทางผู้น้ำตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7 เขากำลังเยาะเย้ยอีกฝ่ายอยู่
…
“ดูหน้ามัน!!”
ผู้นำตระกูลเฉินสบถด่า หน้าของหยางเฟยเป็นใบหน้ายิ้มที่กวนประสาทมาก
“ผู้นำตระกูลเฉิน นายคงต้องทำสิ่งที่นายบอกเอาไว้แล้วล่ะ เมื่อหยางเฟยอยู่ในบาเรียพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
ผู้นำตระกูลซินพูด เขากำลังพูดถึงเรื่องขอกำลังรบจากประเทศอื่น ก่อนเริ่มการต่อสู้ ผู้นำตระกูลเฉินบอกเอาไว้ว่าถ้าพวกเขาไม่สามารถทำลายบาเรียที่ห่อหุ้มบ้านของหยางเฟยได้ เขาจะขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่น
“ใช่ พวกเราทำอะไรมันไม่ได้แล้ว”
ผู้นำตระกูลเจียงพูดเสริม
“ผู้นำตระกูลทั้ง 2 พูดถูก”
“ฉันก็เห็นด้วย”
“เห็นด้วยเหมือนกัน พลังป้องกันของแสงสีเขียวนั่นแข็งแกร่งเกินไป พลังของพวกเราทำอะไรสิ่งนั้นไม่ได้”
ผู้นำตระกูลบ่มเพาะคนอื่นๆ เห็นด้วย เหตุผลที่ผู้นำตระกูลบ่มเพาะเห็นด้วยพร้อมๆ กันก็เป็นเพราะว่า พวกเขาเสียคนของตัวเองไปเยอะแล้ว ในตอนนี้ หากนับรวมผู้บ่มเพาะที่อยู่ในบาเรียด้วย ผู้บ่มเพาะได้ตายไปแล้ว 3,000 คน ถ้าเอา 3,000 หารด้วย 7 ก็เท่ากับว่าแต่ละตระกูลเสียคนไปตระกูลละ 428 คน ผู้นำตระกูลบ่มเพาะคนอื่นๆ คิดว่าพวกเขาสูญเสียมากเกินไปแล้ว เพราะไม่อยากเสียคนเพิ่มพวกเขาเลยรีบพูดเห็นด้วยกับคำพูดของผู้นำตระกูลซิน
“นั่น…”
ผู้นำตระกูลเฉินพูดไม่ออก เขารู้ความคิดของพวกผู้นำตระกูลบ่มเพาะคนอื่นๆ ดี แต่เขาไม่สามารถพูดสิ่งที่ตัวเองรู้ได้ ถ้าเขาพูดว่า ‘พวกแกไม่อยากเสียคนในตระกูลเลยคิดหนีใช่ไหม’ ความสัมพันธ์ของเขากับผู้น้ำตระกูลบ่มเพาะคนอื่นๆ คงโดนตัดขาดแน่
อีกอย่าง เรื่องย้ายไปอยู่ประเทศอื่นผู้นำตระกูลเฉินแค่พูดเล่นๆ เท่านั้น เขาไม่ได้จริงจังมากมาย ต้องรู้ก่อนว่า ทรัพย์สินของตระกูลเฉิน 90% อยู่ในประเทศจีน ถ้าตระกูลเฉินประกาศว่าจะย้ายออกจากประเทศจีนรัฐบาลกลางคงไม่ปล่อยทรัพย์สินของตระกูลเฉินเอาไว้แน่นอน ถ้าตระกูลเฉินย้ายออกจากประเทศจีน ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเฉินก็จะตกเป็นของรัฐบาลกลาง
“ท่านผู้นำตระกูล!!!”
คนของตระกูลเจียงตะโกนเสียงดังลั่น เขากำลังลอยเขาหาผู้นำตระกูลเจียงด้วยใบหน้าตกใจ
ทันทีที่ผู้นำตระกูลเจียงเห็นคนของตัวเอง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น หน้าที่ของเขาคนที่กำลังลอยมาหาเขาก็คือจับตาดูกองทัพที่ล้อมบ้านของหยางเฟยอยู่ ถ้าเขามาที่นี่ก็แปลว่ากองทัพเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว
“กองทัพเลือกฝั่งไหน?”
ผู้นำตระกูลเจียงถามเข้าประเด็น
“กองทัพโจมตีพวกเราครับ”
คนของตระกูลเจียงตอบ
…วูบ….
คำตอบของคนตระกูลเจียง ทำให้ผู้นำตระกูลบ่มเพาะทุกคนรู้สึกเหมือนโดนหินขนาดใหญ่หล่นทับ ถ้ากองทัพโจมตีคนของตระกูลเจียงมันก็หมายความว่า กองทัพเลือกอยู่ฝั่งหยางเฟย!
“ถอยกันก่อนไหม?”
ผู้นำตระกูลซินถามคนอื่นๆ
“คิดว่ากองทัพจะให้เราถอยงั้นเหรอ ตอนนี้กองทัพล้อมที่นี่เอาไว้หมดแล้ว ถ้าพวกเราพยายามฝ่าออกไปเราต้องเสียคนเท่าไหร่ คิดหน่อย!!”
ผู้นำตระกูลเจียงพูด
“แล้วจะให้ทำยังไง ให้สู้กับหยางเฟยและสู้กับกองทัพพร้อมกันงั้นเหรอ”
ผู้นำตระกูลซินไม่พอใจ ทางที่เขาเสนอคือทางที่ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้พวกเขาต้องถอยพวกเขาถึงจะรอด ถ้าพวกเขาไม่ถอยตอนนี้ก็แปลว่าพวกเขาต้องปะทะกับศัตรู 2 ฝั่ง
“พอ!!!”
ผู้นำตระกูลเฉินหยุดทั้ง 2 คนเอาไว้ จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า
“ตอนนี้เราไม่ต้องไปสนใจหยางเฟย ตอนนี้เราต้องสนใจเรื่องกองทัพกันก่อน”
“หมายความว่ายังไง นายกำลังบอกว่าเราควรสู้กับกองทัพงั้นเหรอ”
ผู้นำตระกูลซิมถาม น้ำเสียงของเขาคือน้ำเสียงของคนไม่พอใจ ถ้าผู้นำตระกูลเฉินตอบว่า ‘ใช่’ เขาจะถอนตัวออกจากพันธมิตรครั้งนี้ทันที ตระกูลซินก็เหมือนตระกูลเฉินทรัพย์สินของพวกอยู่ในประเทศจีนประมาณ 90% ถ้าพวกเขาโจมตีกองทัพของรัฐบาลกลาง มันก็หมายความว่าพวกเขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับรัฐบาลกลาง เมื่อพวกเขากลายเป็นศัตรูกับรัฐบาลทรัพย์สินของพวกเขาที่อยู่ในประเทศก็จะถูกยึด ถ้าผู้นำตระกูลเฉินต้องการสู้กับรัฐบาลกลาง ผู้นำตระกูลซินจะสั่งให้คนในตระกูลถอยทันที
ผู้นำตระกูลบ่มเพาะคนอื่นๆ ก็มีความคิดคล้ายๆ ผู้นำตระกูลซิน พวกเขาเองก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับรัฐบาลกลาง รัฐบาลกลางมีอาวุธสมัยใหม่มากมาย ถ้าพวกเขาปะทะกับรัฐบาลกลางตระกูลของพวกเขาต้องโดนกวาดล้างแน่ พวกเขาอาจต้านทานอาวุธสมัยใหม่อย่างปืนได้ แต่ว่า ถ้ารัฐบาลกลางตัดสินใจใช้นิวเคลียร์พวกเขาต้องแพ้แน่นอน
ถ้ารู้ว่าสู้แล้วต้องแพ้แน่นอน 1,000,000% ใครมันจะอยากสู้