ย้อนเวลาเขย่าจักรวาล 2005 ตอนที่ 32 ฝูงมดปลวก!!!
ตอนที่ 32 ฝูงมดปลวก!!!
เมื่อผู้นำตระกูลทั้ง 7 ตกลงเรื่องแผนกันได้ พวกเขาก็เริ่มออกคำสั่งให้ผู้บ่มเพาะระดับก่อเกิด และผู้บ่มเพาะระดับปฐพี ในตระกูลของพวกเขาโจมตีบาเรีย
หลังจากได้รับคำสั่งพวกผู้บ่มเพาะระดับก่อเกิดและผู้บ่มเพาะระดับปฐพี ก็เริ่มทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่พวกเขาเห็นแล้วว่าโจมตีไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาเลยโจมตีแบบไม่เกรงกลัวอะไร
ตุ๊บ!!!
ตุ๊บ!!!
ตุ๊บ!!!
ฝูงมดปลวก… ไม่สิ! กลุ่มของผู้บ่มเพาะต่างหาก ในตอนนี้กลุ่มของผู้บ่มเพาะหลายพันคนกำลังรุมโจมตีบาเรียรอบๆ บ้านหยางเฟย เมื่อพวกเขาเหนื่อยพวกเขาก็จะกินน้ำพลังปราณเพื่อฟื้นพลังปราณ ถึงแม้ว่าการโจมตีของพวกเขาจะเบาแต่มันเป็นการโจมตีจำนวนมาก และยังเป็นการโจมตีเรื่อยๆ แบบไม่หยุดพัก เรียกได้ว่า การโจมตีของพวกเขารุนแรงพอๆ กับการโจมตีของผู้นำตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7 เลย
1 นาทีต่อมา
หลังจากกลุ่มผู้บ่มเพาะหลายพันคนโจมตีได้ 1 นาที บนบาเรียก็เริ่มมีรอยร้าวเกิดขึ้นมาแล้ว ถึงจะร้าวไม่มากเท่ากับการโจมตีของผู้นำตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7 แต่มันก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี คนที่ดีใจที่สุดตอนนี้ก็คือผู้นำตระกูลเฉิน หลังจากเห็นว่าแผนที่เขาคิดได้ผล รอยยิ้มอ่อนๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
‘เสียดายความสามารถของเด็กที่ชื่อว่าหยางเฟยจริงๆ ถ้ามันไม่ทำลายเส้นลมปราณของเฉินเป่า เราคงเลือกเอามันเข้าตระกูลเฉินแทนการฆ่า’
ผู้นำตระกูลเฉินคิด
5 นาทีต่อมา
หลังจากกลุ่มผู้บ่มเพาะหลายพันคนโจมตีได้ประมาณ 5 นาที รอยร้าวก็ปรากฏรอบๆ บาเรีย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าบาเรียที่ปกป้องบ้านของหยางเฟยอยู่สามารถแตกได้ทุกเมื่อ ใบหน้าของผู้นำตระกูลเฉินยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ตอนนี้ผู้นำตระกูลเฉินคิดว่าเขาชนะแน่นอน วันนี้หยางเฟยไม่รอดแน่นอน
10 นาทีต่อมา
หลังจากกลุ่มผู้บ่มเพาะหลายพันคนรุมโจมตีได้ 10 นาที รอยร้าวก็ปรากฏไปทั่วบาเรียที่ปกป้องบ้านของหยางเฟยเอาไว้ สภาพของมันราวกับว่าโดนต่อยอีกครั้งก็คงพังแล้ว แต่ไม่ว่ากลุ่มผู้บ่มเพาะจะต่อยเท่าไหร่มันก็ไม่พังสักที
‘อีกนิดเดียว! อีกนิดเดียวเท่านั้น!!’
ผู้นำตระกูลเฉินคิดใจ
30 นาทีต่อมา
หลังจากกลุ่มผู้บ่มเพาะหลายพันคนรุมโจมตีได้ 30 นาที รอยร้าวก็เต็มบาเรียที่ปกป้องบ้านของหยางเฟยอยู่ แต่มันก็แค่ร้าวเท่านั้น มันไม่พังสักที ในตอนนี้ ผู้นำตระกูลเฉินเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ แล้ว และตอนนี้เขาก็เริ่มกังวลเรื่องน้ำพลังปราณแล้ว ต้องรู้ก่อนว่า วัตถุดิบสร้างน้ำเพิ่มพลังปราณคือพวกต้นไม้อายุ 100+ ปี ต้นไม่ที่อายุ 100+ ปี มันไม่ได้หาง่ายๆ ซึ่งก็หมายความว่า น้ำเพิ่มพลังปราณมันไม่ได้สร้างง่ายๆ
และในการต่อสู้ครั้งนี้ตระกูลเฉินก็ตกลงเอาไว้ว่า ตระกูลเฉินจะเป็นฝ่ายที่รับผิดชอบเรื่องน้ำเพิ่มพลังปราณเอง และใน 30 นาทีที่ผ่านมา น้ำเพิ่มพลังปราณก็โดนใช้ไปแล้วประมาณ 100,000 ขวด นี่… นี่มันมากเกินไปแล้ว ตระกูลเฉินมีน้ำพลังปราณมากมายก็จริงแต่พวกเขาก็มีจำกัด
‘ไม่ดีแน่แบบนี้ ตระกูลเฉินต้องใช้เวลาหลายสิบปีถึงจะสามารถสร้างน้ำเพิ่มพลังปราณได้ 100,000 ขวด แต่เรากลับเอามาใช้หมดภายใน 30 นาที ไม่ดีแล้ว… เราบอกให้ตระกูลบ่มเพาะตระกูลอื่นช่วยเรื่องน้ำเพิ่มพลังปราณดีไหม? ไม่สิ! เราทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเราขอให้พวกเขาช่วยพวกเขาต้องไม่พอใจตระกูลเฉินแน่ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดพวกเขาคงถอนตัวออกจากการต่อสู้ครั้งนี้’
ผู้นำตระกูลเฉินคิดหนัก
….
ณ ฐานบัญชาการกองทัพที่ล้อมบ้านหยางเฟยอยู่
ภายในเต็นท์วางแผนรบ
ทหารหลายคนกำลังนั่งอยู่ในเต็นท์ และทหารทุกคนในเต็นท์แห่งนี้ก็เป็นทหารระดับสูงกันทั้งนั้น แต่ว่า มันก็มี 1 คนที่ไม่ใช่ทหารนั่งอยู่ในเต็นท์ด้วย คนที่ไม่ใช่ทหารแต่นั่งอยู่ในเต็นท์ก็คือ หลินหวาน
หลินหวานถูกกองทัพมองว่าเป็นคนที่สนิทกับหยางเฟยมากที่สุด เธอจึงได้รับสิทธิ์ให้เข้าประชุมกับพวกทหารระดับสูงของกองทัพ ต้องรู้ก่อนว่า ถึงแม้ว่าหลินหวานจะเป็นเจ้าหน้าที่ลับของรัฐบาลกลาง แต่อำนาจของเธอก็ใช้ได้แค่กับหน่วยงานของประชาชน และหน่วยงานของตำรวจเท่านั้น อำนาจของเธอไม่สามารถใช้ในกองทัพได้ ที่เธอมานั่งประชุมกับทหารระดับสูงได้ก็เป็นเพราะถูกมองว่าสนิทกับหยางเฟย
“ท่านนายพลจาง พวกเราควรเข้าร่วมได้แล้วครับ ตอนนี้บาเรียที่ปกป้องบ้านของหยางเฟยอยู่ใกล้จะพังแล้ว”
ทหารคนหนึ่งพูด ระหว่างพูดเขาก็หันไปทางคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
คนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคือนายพลจางที่คุยกับผู้นำตระกูลเฉิน เขากำลังนั่งหลับตากอดอกด้วยใบหน้าจริงจัง ใบหน้าของเขาเหมือนกับใบหน้าของคนกำลังคิดหนัก
“คำสั่งคือช่วยเหลือฝั่งที่ได้เปรียบไม่ใช่เหรอ ตอนนี้หยางเฟยยังไม่ได้ปะทะกับตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7 เลย เรายังไม่รู้เลยถ้าปะทะกันฝ่ายไหนจะได้เปรียบ”
ทหารอีกคนพูด
“ต้องดูอะไรอีก หน่วยข่าวกรองของเราก็รายงานมาแล้วว่าในบ้านของหยางเฟยไม่มีคนอื่นอยู่ ในบ้านของหยางเฟยมีแค่หยางเฟยและหุ่นยนต์ของหยางเฟย และพวกหุ่นยนต์ก็ไม่ควรนับว่าเป็นกำลังรบเพราะแค่เฉินเป่าคนเดียวก็จัดการพวกมันได้ 5 ตัว แถมยังจัดการได้ง่ายๆ ด้วย”
ทหารที่เสนอให้เข้าร่วมการต่อสู้พูด
“เงียบ!!”
นายพลจางเปิดปากพูด จากนั้นเขาก็มองไปทางหลินหวานที่กำลังนั่งเงียบอยู่ แล้วถามว่าเธอว่า
“เจ้าหน้าที่หลินคุณคิดว่าเราควรเข้าร่วมตอนนี้ หรือรอดูสถานการณ์ไปก่อน?”
“….ฉันคิดว่าควรรอดูสถานการณ์อีกหน่อย หุ่นยนต์ของหยางเฟยมีพลังต่อสู้ไม่มากก็จริง แต่เมื่อวานนี้หยางเฟยซื้อวัสดุจำนวนมาก วัสดุที่เขาซื้อมันมีจำนวนเยอะมาก แถมยังมีวัสดุที่เอาไว้สร้างเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ด้วย ฉันคิดว่าหยางเฟยต้องใช้มันสร้างอะไรบางอย่างแน่ๆ และถ้าให้ฉันเดาว่าเขาสร้างอะไร ฉันก็เดาว่ามันน่าจะเป็นอาวุธขนาดใหญ่ แล้วตอนที่ฉันไปหาเขาครั้งล่าสุดเพื่อบอกเรื่องตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7 หยางเฟยไม่แสดงอาการกลัว หรืออาการกังวลให้เห็นเลย เขาทำราวกับว่าเขาชนะการต่อสู้กับพวกตระกูลบ่มเพาะทั้ง 7 แน่ๆ”
หลินหวานตอบ เธอพูดสิ่งที่เธอคิดทั้งหมดแบบไม่ปิดบัง
“อืม…”
นายพลจางพูดเบาๆ จากนั้นเขาก็เงียบเพื่อใช่ความคิด และหลังจากเขาใช้ความคิดไม่ได้นานเขาก็ออกคำสั่งว่า
“รอก่อน หลังจากบาเรียพังเราจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเอาไว้ยังไง สิ่งที่เจ้าหน้าที่หลินพูดออกมามีความเป็นไปได้สูง หยางเฟยคืออัจฉริยะที่คิดวิธีสร้างชิป 1 นาโนเมตร คืออัจฉริยะที่คิดวิธีสร้างเครื่องยนต์พลังน้ำ คืออัจฉริยะที่คิดวิธีผลิตยาคืนสภาพร่างกาย ถ้าเขาต้องการสร้างอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง มันก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ตอนนี้เราจะเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ถ้าพวกเราร่วมมือกับตระกูลผู้บ่มเพาะทั้ง 7 โจมตีหยางเฟย ความสัมพันธ์ของประเทศนี้กับหยางเฟยจะพังทันที”
“ครับ!!”
“ค่ะ!!”
ทุกคนที่อยู่ในเต็นท์พูดพร้อมกัน