ย้อนเวลาเขย่าจักรวาล 2005 ตอนที่ 11 มีร้อยชีวิตก็ไม่พอ
ตอนที่ 11 มีร้อยชีวิตก็ไม่พอ
ณ ด้านนอกบ้านของหยางเฟย
“ภารกิจขอเราคือเข้าไปเอาที่เก็บข้อมูลในโน๊ตบุ๊ค และที่เก็บข้อมูลในคอม อย่าปะทะกับหยางเฟยเด็ดขาดย้ำอีกครั้งอย่าปะทะกับหยางเฟยเด็ดขาด”
ชายสวมชุดดำทั้งตัวพูดกับชายชุดดำรอบๆ
“002 รับทราบ”
“003 รับทราบ”
“004 รับทราบ”
“005 รับทราบ”
ชายชุดดำ 4 คน ตอบรับต่อๆ กัน เรียงจากเลขน้อยไปมาก พวกเขาทุกคนล้วนสวมชุดสีดำเหมือนกับชายชุดดำที่พูด พวกเขาปิดบังตัวเองมิดชิดมาก พวกเขามีกันอยู่ 5 คน และคนที่เตือนคนอื่นๆ เมื่อครู่ก็คือ 001
“ตั้งเวลาเอาไว้ 30 นาที อีก 30 นาที มารวมกันที่นี่”
001 พูดอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เริ่มหมุนนาฬิกาบนข้อมือ
คนอื่นๆ ก็เริ่มหมุนนาฬิกาข้อมือเช่นกัน
“แยกย้าย”
หลังจากเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว 001 ก็บอกให้ทุกคนแยกย้าย
ร่างทั้ง 5 ร่าง กระจายตัวออกไปคนละทิศละทาง แต่เป้าหมายร่างทั้ง 5 มีเพียง 1 เดียว เป้าหมายของร่างทั้ง 5 ก็คือบ้านของหยางเฟย
001 เข้าทางประตูหน้าแบบลับๆ หลังจากก้าวขาเข้าบ้าน 001 ก็มองภาพด้านหน้าด้วยแววตาแปลกๆ ด้านหน้าของเขาคือกลุ่มผู้ชายตัวใหญ่ ร่างกายกำยำ สวมชุดพ่อบ้าน กลุ่มผู้ชายตัวใหญ่กำลังยืนเรียงกันแบบเป็นระเบียบ ทันทีที่ 001 เห็นกลุ่มชายด้านหน้า เขาก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อยู่ด้านหน้าของเขาไม่ใช่มนุษย์
‘ตุ๊กตา? หุ่นยนต์?’
001 มองหุ่นยนต์ด้านหน้าด้วยความสงสัย แต่เขาก็สงสัยได้ไม่นาน หน้าที่ของเขาคือขโมยข้อมูลในคอมและข้อมูลในโน๊ตบุ๊คของหยางเฟย เขาไม่ควรเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ตรวจพบผู้บุกรุก เริ่มทำตามคำสั่งของนายท่าน”
1 ในหุ่นยนต์ที่ยืนอยู่พูดออกมา ใช่แล้ว! สิ่งที่ 001 เห็นก็คือหุ่นยนต์ที่หยางเฟยสั่งให้หุ่นยนต์สร้างเอาไว้ เมื่อหุ่นยนต์พูดจบมันก็เริ่มเคลื่อนไหว มันวิ่งเข้าหา 001 ด้วยความเร็วที่เร็วมาก
001 พยายามหลบแต่เขาช้าเกินไป ก่อนที่เขาจะหลบมือขนาดใหญ่ของหุ่นยนต์ก็คว้าแขนขวาของ 001 เอาไว้ จากนั้นหุ่นยนต์ก็ยก 001 ขึ้น และฟาดลงกับพื้น
ตุ๊บ!!!
อัก!!!
001 ไอ้ออกเป็นเลือด ตอนนี้สติเขาเริ่มเลือนรางแล้ว เขารู้สึกว่าเจ็บปวดไปทั้งตัว 001 กำลังทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะโดนจัดการง่ายๆ ต้องรู้ก่อนว่า 001 – 005 คือกลุ่มทหารรับจ้างที่มีฝีมือมาก ภารกิจที่ว่ายากๆ พวกเขาก็ทำสำเร็จ แต่ตอนนี้… เขาโดนจัดการง่ายๆ โดยตัวอะไรก็ไม่รู้
001 พยายามยกมือซ้ายของเขาขึ้น มือซ้ายของเขาค่อยๆ แตะบนหูฟังข้างหู เมื่อแตะที่หูฟังได้แล้ว 001 ก็พูดขึ้นว่า
“ถอย… ภารกิจ… ล้ม…”
ตุ๊บ!!!
001 ยังพูดไม่ทันจบ หุ่นยนต์ที่จับแขนขวาของเขาอยู่ก็เริ่มทุบอีกครั้ง
ตุ๊บ!!!
ตุ๊บ!!!
ตุ๊บ!!!
“ไม่พบสัญญาชีวิต เป้าหมายตายแล้ว ภารกิจฆ่าสำเร็จแล้ว”
หลังจากทุบร่าง 001 ได้ประมาณ 10 ครั้ง หุ่นยนต์ก็พบว่า 001 ตายห่าไปแล้ว เมื่อรู้ว่าเป้าหมายตายหุ่นยนต์ก็เริ่มปล่อยมือ จากนั้นมันก็เอาสารละลายศพเทลงบนร่าง 001
ฟูม!!!
ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที ร่างของ 001 ก็หายไป
เมื่อจัดการกับผู้บุกรุกเรียบร้อยแล้วหุ่นยนต์ก็เดินกลับเข้าไปในแถวอีกครั้ง มันทำราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น มันทำราวกับว่ามันไม่เคยฆ่าคน
ในระหว่างที่ 001 โดยทุบไปทุบมาอยู่กับพื้น 002 – 005 ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน เมื่อ 002 – 005 เหยียบบ้านของหยางเฟย พวกเขาก็เจอหุ่นยนต์พุ่งเข้าหา ถ้าไม่โดนจับทุบแบบ 001 พวกเขาก็โดนหุ่นยนต์ทำลายหัวทิ้ง สรุปง่ายๆ ก็คือ 001 – 005 ตายหมดแล้ว พวกเขาตายอย่างอนาถ
….
ณ ร้าน KFG
[ติ้ง! ผู้บุกรุก 5 คน โดนกำจัดแล้ว]
อลิสรายงานสถานการณ์
หยางเฟยไม่สนใจเสียงของอลิส เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้น ที่บ้านของเขามีหุ่นยนต์ 100 ตัวค่อยปกป้องอยู่ ต่อให้มีเป็น 1,000 คน หุ่นยนต์ 100 ตัว ก็จัดการได้แบบสบายๆ 5 คนไม่คงไม่ต้องพูดถึง
“หยางเฟยนายได้รับจดหมายตอบรับหรือยัง?”
จางถงถงถาม หลังจากถามจบเธอก็กัดน่องไก่ทอดในมือของเธอ จากนั้นเธอก็แสดงใบหน้าที่บอกว่า ‘อร่อยจัง’ ออกมา
จดหมายตอบรับที่จางถงถงกำลังพูดถึงอยู่คือจดหมายจากมหาวิทยาลัย ถ้าเกิดว่ามหาวิทยาลัยรับคุณมหาวิทยาลัยก็จะส่งจดหมายตอบรับให้คุณ แต่ถ้ามหาวิทยาลัยไม่รับคุณ คุณก็จะไม่ได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย
หยางเฟยจำเรื่องจดหมายตอบรับไม่ได้แล้ว เขาจำไม่ได้แล้วว่ามหาวิทยาลัยไหนตอบรับเขา มันผ่านมาเป็นหมื่นปีแล้วเขาจะจำได้ยังไง
“ฉันยังไม่ได้ดูเลย แต่ว่า ฉันคิดว่าฉันจะไม่เรียนมหาวิทยาลัย”
หยางเฟยตอบ จากนั้นเขาก็กินอกไก่ที่อยู่บนส้อมของเขา
“ทำไมล่ะ???”
จางถงถงถามด้วยน้ำเสียงตกใจ จากนั้นเธอก็พูดต่อ
“นายควรรู้เอาไว้ว่าโลกของเรามันพัฒนามากขึ้นทุกวัน ในปี 2005 สังคมยังคงมองว่าคนที่เรียนจบมอปลายคือคนที่เรียนสูง แต่ว่า ในปี 2015 หรือ 2020 คนที่เรียนจบมอปลายจะไม่ใช่คนที่เรียนสูงอีกต่อไป ถ้านายอยากสบายนายต้องเรียนมหาวิทยาลัย”
“เธออาจจะพูดถูก”
หยางเฟยตอบแบบผ่านๆ เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เป้าหมายของเขาคือทำให้อารยธรรมมนุษย์เป็นอารยธรรมระดับพระเจ้า เขาจะกังวลเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อ?
“นายเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม”
จางถงถงถาม
“กำลังคิด”
หยางเฟยตอบผ่านๆ อีกครั้ง จากนั้นเขาก็หยิบน่องไก่ที่อยู่ในถาดด้านหน้า แต่ว่า หลังจากเขาหยิบเขาก็ได้ยินเสียง ‘ไม่’ ดังออกมาจากฝั่งตรงข้าม
เมื่อหยางเฟยหันไปมองก็เห็นว่าจางถงถงกำลังจ้องมองน่องไก่ในมือของเขาด้วยใบหน้าจริงจัง หยางเฟยยิ้มอ่อนๆ จากนั้นก็เอามือออกจากน่องไก่ เมื่อมือของหยางเฟยออกจากน่องไก่บนใบหน้าของจางถงถงก็ปรากฏความโล่งใจออกมา
หยางเฟยหยิบน่องไก่อีกครั้ง ใบหน้าของจางถงถงก็จริงจังอีกครั้ง
หยางเฟยเอามือออก จางถงถงก็มีใบหน้าโล่งใจ
ในตอนนี้หยางเฟยอยากพูดว่า ‘จางถงถงพวกเราคบกันเถอะ และ ไปบ้านฉันกัน’ แต่เขารู้ดีว่าเขาพูดไม่ได้ จางถงถงไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย เธอคือสาวน้อยบริสุทธิ์ ถ้าเขาพูดแบบที่คิดความสัมพันธ์ของเขากับเธอคงจบลงวันนี้แน่ๆ
“ถงถง”
ในระหว่างที่หยางเฟยและจางถงถงกำลังคุยกันอยู่ เสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น
จางถงถงหันมองไปทางเจ้าของเสียง หยางเฟยเองก็หันมองไปทางเจ้าของเสียงเช่นกัน
เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มแต่งตัวดูดี อายุราวๆ 18 ปี หลังจากเห็นคนที่เป็นเจ้าของเสียงหยางเฟยก็รู้สึกคุ้นเคย แต่เขาไม่ได้คุ้นเคยกับชายหนุ่มด้านหน้า สิ่งที่เขาคุ้นเคยคือบรรยากาศที่แพร่ออกมาจากชายหนุ่มด้านหน้า บรรยากาศที่แพร่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มคือบรรยากาศหยิ่งผยอง
บรรยากาศหยิ่งผยองเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปิดบังได้ ในตอนที่เขาไปเกิดเป็นองค์ชายเขาเจอคนแบบชายหนุ่มบ่อยๆ หยางเฟยเคยทำสถิติเรื่องคนที่แพร่บรรยากาศหยิ่งผยองเอาไว้เล่นๆ และหลังจากลองทำดู เขาก็พบว่าคนที่มีบรรยากาศหยิ่งผยองแพร่ออกมาจากร่างกาย 99.99% คือเหล่าขุนนาง หยางเฟยคาดการณ์เอาไว้ว่า พวกขุนนางคิดว่าตัวเองคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น คิดว่าตัวเองเก่งกว่า คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่า พวกขุนนางเลยมีบรรยากาศหยิ่งผยองแพร่ออกมาจากร่าง
และต้องรู้ด้วยว่า ในหมู่อารยธรรมจำนวนมากในจักรวาล 90% คืออารยธรรมที่ปกครองโดยระบบชนชั้น ในช่วงหมื่นกว่าปีหยางเฟยติดต่อกับอารยธรรมต่างๆ ตลอดเวลา และเขาก็เจอกับพวกหยิ่งผยองมากมาย เนื่องจากเจอกับพวกหยิ่งผยองมาเยอะเขาจึงมีความสามารถแยกแยะว่า ใครหยิ่งผยอง ใครไม่หยิ่งผยอง
แต่จะเรียกว่าความสามารถมันก็ยังไงๆ อยู่ เพราะพวกหยิ่งผยองมันมีเอกลักษณ์ในตัวเองอยู่แล้ว การแยกแยะพวกหยิ่งผยองมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
‘อลิส ขอข้อมูลผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าหน่อย’
หยางเฟยออกคำสั่งในใจ