ย้อนเวลาเขย่าจักรวาล 2005 ตอนที่ 10 จุดจบ
ตอนที่ 10 จุดจบ
“ตำรวจมาแล้ว!!!”
เสียงผู้ชายตะโกนขึ้น หลังจากเสียงตะโกนดังขึ้นตำรวจประมาณ 10 คน ก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูเข้าออกของธนาคาร คนที่ขวางทางพวกตำรวจอยู่หลีกทางให้ทันที ตำรวจที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดคือตำรวจรูปร่างสมส่วน อายุประมาณ 50 ปี แบบผู้จัดการธนาคาร ตำรวจที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดคือผู้กำกับของเขตนี้ และเขาคนนี้ก็คือเพื่อนของผู้จัดการธนาคาร
หลังจากผู้กำกับเดินเข้าธนาคาร ใบหน้าของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้นมา ตอนที่ได้รับแจ้งเขาคิดว่าจะมีคนแค่ไม่กี่คนที่กำลังทวงเงินประกันชีวิต เขาคิดว่ามาพูดนิดๆข่มขู่หน่อยๆ ก็คงสามารถจบเรื่องนี้ได้ แต่หลังจากเขาเห็นคนจำนวนมากในธนาคารเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายแบบที่คิด
‘ให้ตายสิ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เฮ้อ~’
ผู้กำกับคิดในใจเงียบๆ เขาช่วยผู้จัดการธนาคารปิดเรื่องเงินปรกันชีวิตมาแล้วหลายครั้ง เขาเลยรู้ว่าผู้จัดการธนาคารพยายามโกงเงินประกันชีวิต แต่ว่า เขาเองก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกันเขาเลยเงียบเอาไว้ ทุกที่เขาจัดการปิดเรื่องให้ ผู้จัดการธนาคารก็จะให้เงินให้เขาครั้งละ 10,000 หยวน เขาเลยทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่ผู้จัดการธนาคารกำลังทำ
ผู้กำกับหยุดที่ใจกลางห้อง จากนั้นเขาก็พูดว่า
“ทุกคนหันมาทะ- เอ่ะ!?!?!?”
ก่อนที่พูดกำกับจะพูดจบเขาก็หยุดไป เหตุผลที่เขาหยุดไปก็เพราะว่าเขาเห็นชายอ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้จัดการธนาคาร เมื่อเช้านี้ผู้กำกับได้รับคำสั่งว่า ห้ามยุ่งกับคนในรูป! และคนในรูปก็คือชายอ้วนที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ผู้จัดการธนาคาร
“ผู้กำกับคุณช่วย-”
“ไปจับผู้จัดการธนาคาร!!”
ก่อนที่ผู้จัดการธนาคารจะพูดจบ ผู้กำกับก็ขัดขึ้นก่อน
เมื่อได้รับคำสั่งพวกตำรวจก็ทำตามคำสั่งทันที พวกเขาตรงไปทางผู้จัดการธนาคารและจับเขาใส่กุญแจมืออย่างรวดเร็ว
“???” ผู้จัดการธนาคารทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้ เพื่อนของเขาควรช่วยเขาสิ ทำไมเพื่อนของเขาถึงสั่งให้ลูกน้องจับเขาล่ะ? นี่มันอะไร?
ในหัวของผู้จัดการธนาคารเต็มไปด้วยความสงสัย ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกเลย
“เดี๋ยวก่อน!!”
หยางเฟยหยุดพวกตำรวจเอาไว้
ตำรวจที่โดนหยุดหันมองไปทางหยางเฟย ไม่สิ! ตอนนี้คงที่หันมองไปทางหยางเฟยไม่ใช่แค่ตำรวจที่โดนหยุดเอาไว้เท่านั้น แต่เป็นทุกคนที่อยู่ในธนาคาร ทุกคนที่อยู่ในธนาคารต่างก็มองไปทางหยางเฟย
หยางเฟยพูดต่อ
“ถ้าพวกคุณเอาตัวผู้จัดการธนาคารไปสถานีตำรวจ ใครจะจ่ายเงินให้พวกเรา”
“นักเรียนคนนี้พูดถูก”
“ใช่ๆ ให้ผู้จัดการธนาคารจ่ายเงินมาก่อน พวกคุณค่อยเอาตัวเขาไปสถานีตำรวจ”
“จ่ายเงินมา!!”
“จ่ายมา!!”
กลุ่มคนเห็นด้วยกับหยางเฟยทันที พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขารู้ดีว่าถ้าผู้จัดการธนาคารโดนเอาตัวไปพวกเขาก็คงไม่ได้เงินอีก พวกเขาจึงเห็นด้วยกับคำพูดหยางเฟย
“ทุกคนใจเย็นก่อน กฎหมายมีขั้นมีตอน พวกคุณได้เงินแน่แต่มันต้องเป็นขั้นเป็นตอน”
ผู้กำกับพูด
“จ่ายเงินซะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่ดังขึ้นคือเสียงของชายอ้วนที่แต่งตัวแปลกๆ
ทันทีที่ได้ยินชายอ้วนพูดออกมา ผู้กำกับก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก อำนาจของเขาไม่สามารถต่อกรกับรัฐบาลกลางได้ ถ้ารัฐบาลกลางต้องการปลดเขาออกจากตำแหน่งรัฐบาลกลางก็สามารถทำได้เงินง่ายๆ ถ้าเขาทำให้ชายอ้วนที่เป็นคนของรัฐบาลกลางไม่พอใจ เขาต้องซวยแน่ๆ
ผู้กำกับหันไปทางผู้จัดการธนาคาร จากนั้นก็พูดว่า
“จ่ายเงินซะ”
ผู้กำกับพูดใส่ผู้จัดการธนาคาร ใบหน้าของเขาจริงจังมาก
ผู้จัดการธนาคารไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาแสดงท่าทางแตกต่างไปจากเดิมเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันซับซ้อนกว่าที่เขาคิด ผู้จัดการธนาคารมองไปทางหยางเฟย เขาคิดว่าเหตุผลที่เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปมันต้องเป็นเพราะเด็กอายุ 18 ปี คนนี้แน่ๆ
‘เด็กนี่มันเป็นใครว่ะเนี้ย ข้อมูลของมันเขียนเอาไว้ว่ามันเป็นแค่เด็กกำพร้าที่โดนรับเลี้ยงไม่ใช่เหรอ ทำไมคนระดับผู้กำกับถึงกลัวมัน???
’
ผู้จัดการธนาคารคิดในใจ
“ผมจำได้แล้ว”
หยางเฟยพูดด้วยน้ำเสียงจำอะไรได้
ทุกคนหันมองไปทางหยางเฟยอีกครั้ง พวกเขาอยากรู้ว่าครั้งนี้หยางเฟยจะพูดอะไรออกมาอีก สิ่งที่หยางเฟยพูดออกมามันมีแต่เรื่องที่ทำให้สถานการณ์สนุกขึ้นทั้งนั้น
“เมื่อวานผมไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ผมเห็นคุณกินข้าวอยู่กับผู้จัดการธนาคารและผู้จัดการธนาคารก็ส่งซองสีขาวให้คุณ”
หยางเฟยชี้ไปทางผู้กำกับ
“???” ผู้กำกับทำหน้าสงสัย เมื่อวานนี้เขากินข้าวอยู่บ้านทำไมเด็กนี้ถึงบอกว่าเห็นเขาอยู่กับผู้จัดการธนาคาร แถมยังบอกว่าเห็นผู้จัดการส่งซองสีขาวๆ ให้เขาอีก ใส่ร้าย! นี่มันใส่ร้ายชัดๆ!
“นายพูดอะไรออกมา พ่อแม่ของนักเรียนคนนี้อยู่ไหน”
ผู้กำกับพูด
“ตายแล้ว”
หยางเฟยตอบ
“…ครั้งนี้ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน นายควรรู้เอาไว้ว่าพูดอะไรต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีหลักฐานคำพูดของนายมันก็คือคำโกหก”
ผู้กำกับสั่งสอน ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเขาคงสั่งให้ลูกน้องจับตัวหยางเฟยไปที่สถานีตำรวจ แล้วก็ให้ตำรวจใช้หมัดกับตีนปรับทัศนคติสักหน่อย แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติ เขาเลยยอมมองผ่านเรื่องนี้
“แต่ผมเห็นจริงๆ… แล้วซองสีขาวมันก็หนามากด้วย…”
หยางเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“หรือว่าจะเป็นสิ่งนั้น…”
“น่าจะใช่ ฉันเคยไปแจ้งตำรวจเรื่องผู้จัดการธนาคารไม่ให้เงินประกันชีวิต แต่คดีไม่ไปไหนเลย พอไปถามตำรวจก็บอกว่าสืบอยู่”
“เหมือนกัน ผมก็ไปแจ้งตำรวจแล้วคดีไม่ไปไหนเหมือนกัน พอไปถามตำรวจก็บอกว่าสืบอยู่”
“ไม่แปลกใจเลยมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผู้กำกับ กับ ผู้จัดการธนาคาร มันรวมหัวโกงพวกเรา”
“ต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าว ไม่สิ! ก่อนจะเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าวเราต้องขวางพวกตำรวจเอาไว้ ถ้าพวกตำรวจเอาตัวผู้จัดการธนาคารไป ใครจะจ่ายเงินให้เรา”
“ใช่ๆ ขวางประตูเอาไว้!!”
“ไปขวางประตูไว้!! ใครมีเบอร์นักข่าวบ้าง?”
“ฉันมี!!”
“โทรหานักข่าวเลย”
กลุ่มคนในธนาคารพูดคุยกัน บางคนก็ขวางประตู บางคนก็โทรหานักข่าว บางคนก็ขวางทางตำรวจเอาไว้ ในตอนนี้ คนที่เคลื่อนไหวไม่ได้มีแค่คนที่มาทวงเงินประกันเท่านั้น แต่คนที่ดูอยู่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน คนที่ดูอยู่เคลื่อนไหวก็เพราะว่า พวกเขาไม่ชอบการกระทำเหี้xๆ ของ ผู้กำกับ และ ผู้จัดการธนาคาร
หยางเฟยหันไปทางชายอ้วน จากนั้นก็ถามว่า
“จัดการที่เหลือได้ไหม?”
“ได้ครับ”
ชายอ้วนตอบแบบไม่ลังเล ตอนนี้ชายอ้วนก็เหมือนกันคนอื่นๆ เขาไม่ชอบการกระทำเหี้xๆ นี้เหมือนกัน ตำรวจที่เป็นโจรในเครื่องแบบแบบนี้มันต้องถูกลงโทษ
“พ่อ และ แม่ ของผู้จัดการธนาคารใช้เงินของผู้จัดการธนาคาร ลูก และ เมีย ของผู้จัดการธนาคารก็ใช้เงินของผู้จัดการธนาคารเหมือนกัน คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไหม”
หยางเฟยพูด
“ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เงินทั้งหมดของผู้จัดการธนาคารจะถูกยึด เงินทั้งหมดของพ่อและแม่ของผู้จัดการธนาคารจะถูกยึด เงินทั้งหมดที่เมียและลูกของผู้จัดธนาคารมีอยู่จะถูกยึด”
ชายอ้วนพูด
“แค่ผู้จัดการ?”
หยางเฟยถาม
“…ผู้กำกับด้วยครับ”
ชายอ้วนพูดแบบไม่เต็มใจ ผู้จัดการธนาคารเป็นเพียงพนักงานธนาคารเขามีเส้นสายแค่ในธนาคาร และนอกธนาคารนิดหน่อย แต่ผู้กำกับไม่ใช่ ผู้กำกับมีเส้นสายมากมาย เงินที่ผู้กำกับได้มันโดนส่งเป็นทอดๆ ถ้าเขาเลือกจัดการกับผู้กำกับ เขาจะต้องจัดการเส้นสายของผู้กำกับด้วย
และถ้าเขาจัดการกับเส้นสายของผู้กำกับ มันก็ไม่ต่างจากการกวาดล้างเมืองทั้งเมือง เพราะเส้นสายของผู้กำกับมันฝังตัวอยู่ทั่วทั้งเมือง มันต้องเป็นเรื่องที่ปวดหัวมากๆ แน่ แต่ถ้าเอาเรื่องกวาดล้างไปเปรียบเทียบกับเรื่องดาวเทียมทั้งหมดตก เรื่องกวาดล้างปวดหัวน้อยกว่าหลายเท่า
หยางเฟยไม่พูดอะไรอีก เขาเดินออกจากธนาคารทันทีหลังจากบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“หยางเฟย!!”
เมื่อหยางเฟยเดินออกจากธนาคารได้ประมาณ 10 ก้าว เสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา หยางเฟยหันมองไปทางด้านหลังของเขา เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านหลังหยางเฟยก็มีคำว่า ‘ใครว่ะ’ ดังขึ้นในหัวของเขา
ผู้หญิงที่เรียกหยางเฟยคือผู้หญิงอายุประมาณ 18 ปี ผมยาวสีดำ รูปร่างดี หน้าอกขนาดพอดีไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ผิวสาวขาวเรียบเนียน สรุปสั้นๆ คือ เธอคือคนที่สวยมาก
หยางเฟยพยายามนึกว่าเธอคือใคร แต่นึกเท่าไหร่เขาก็นึกไปออก เมื่อนึกไม่ออกเขาก็เรียกใข้งานอลิสโดยใช้ความคิดของเขา เขาบอกให้อลิสหาข้อมูลของผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของเขา
[ชื่อ : จางถงถง]
[อายุ : 18 ปี 1 เดือน 12 วัน]
[น้ำหนัก : 48 กิโลกรัม]
[ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร]
[สถานะ : เพื่อนร่วมชั้นของโฮสต์]
หน้าต่างสี่เหลี่ยมปรากฏต่อหน้าของหยางเฟย
หลังจากอ่านข้อมูลหยางเฟยก็รู้ว่าเขากับเธอมีความสัมพันธ์ยังไง เขาพูดว่า
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันพาแม่มาทวงเงินประกันชีวิตของพ่อ พวกเรามาที่นี่รอบที่ 7 แล้ว”
จางถงถงตอบ
“ออ~ ตอนนี้เธอว่างไหม?”
หยางเฟยถาม
“ก็… ก็น่าจะว่าง”
จางถงถงตอบ เธอคิดว่าตอนนี้เธอน่าจะว่างเพราะตอนนี้เธอไม่มีธุระอะไร
“ไปกินไก่ทอด KFG กัน ฉันเลี้ยงเอง”
หยางเฟยชวน
“ตอนนี้เลยเหรอ”
จางถงถงแปลกใจ ในความทรงจำของเธอหยางเฟยเป็นคนเงียบๆ เธอจำได้ว่า ตั้งแต่เปิดเทอมเธอคุยกับเขาไม่กี่ครั้งเอง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะชวนเธอไปกินไก่ทอด KFG ที่มีราคาโครตแพง
จริงๆ แล้ว จางถงถงอยากกินไก่ KFG ที่ราคาโครตแพงมานานแล้ว แต่ที่บ้านของเธอกำลังมีปัญหาเรื่องเงินเธอเลยยังไม่เคยกิน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องรักษามารยาท เธอคงตอบว่า ‘ไปค่ะ’ ทันทีที่โดนถาม
“ใช่”
หยางเฟยตอบ
“ตกลง”
จางถงถงตอบตกลง
หลังจากนั้น ชาย 1 หญิง 1 ก็เดินไปที่ร้านไก่ KFG