ตอนที่แล้วตอนที่ 33 ไล่ล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 วนลูป

ตอนที่ 34 ไร้เหตุผล


กลุ่มคนเดินผ่านป่าทึบ จางเยว่เจินมองคราบเลือดบนพื้นเป็นครั้งคราวอย่างตื่นเต้น

ตระกูลจางเกลียดซุนซู่เข้ากระดูกดำ หากครั้งนี้จางเยว่เจินฆ่าซุนซู่ได้ ตำแหน่งของนางในตระกูลจางจะมั่นคงและไม่มีใครพูดถึงตำแหน่งผู้ดูแลศูนย์การแพทย์อีก

ด้านหน้าเป็นซากวิหาร รอบอำเภอผิงหยินมีสถานที่ไม่มากนัก แต่ซากวิหารแบบนี้มีอยู่มากมาย มันไม่ได้พังทลายลงทั้งหมดเพราะมีกองคาราวานมาประจำการที่นี่เป็นบางครั้ง ดังนั้นสถานที่จึงเรียบร้อยขึ้นเล็กน้อย

“ทุกคน กินโอสถแก้พิษ!”

จางเยว่เจินออกคำสั่ง ผู้คุ้มกันหยิบโอสถแก้พิษออกมาอย่างรวดเร็ว เฉินเฟยซึ่งยืนอยู่ด้านหลังกลืนโอสถแก้พิษเข้าไป

“ใครก็ตามที่ฆ่าซุนซู่ได้ ข้าจะแบ่งรางวัลให้ครึ่งหนึ่งและเพิ่มค่างจ้างเป็นสามเท่า!”

จางเยว่เจินหันมองผู้คุ้มกันแล้วพูดด้วยเสียงทุ้ม “ซุนซู่บาดเจ็บสาหัส แต่จงระวังไว้ให้ดี พวกเจ้าสามคนไปก่อน!”

จางเยว่เจินสั่งผู้คุ้มกันทั้งสาม ทั้งสามคนมองหน้ากันและรีบตรงไปที่ซากวิหาร

รางวัลของตระกูลจางครึ่หนึ่ง จำนวนนี้น่าดึงดูดใจเกินไป พวกเขาไม่คิดเลยว่าจางเยว่เจินจะเต็มใจให้มากขนาดนี้ นอกจากนี้ยังได้ค่าจ้างเพิ่มอีกสามเท่า สิ่งนี้รับประกันชีวิตในอนาคตอย่างสมบูรณ์

ที่สำคัญคือซุนซู่บาดเจ็บหนัก

หากระวังมากพอต้องมีโอกาสฆ่าซุนซู่แน่นอน เมื่อฆ่าเขาแล้วก็จะปลอดภัย

ผู้คุ้มกันที่เหลือมีอาการหายใจติดขัด บางคนถึงกับอยากพุ่งเข้าไปทันทีเพราะกลัวว่าสามคนแรกจะฆ่าซุนซู่ได้ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาส

เฉินเฟยที่ยืนอยู่ด้านหลังมองสามคนด้านหน้าเปิดประตูซากวิหารและรีบเข้าไป ครู่ต่อมาเสียงตะโกนและเสียงคำรามดังขึ้นจากข้างใน

“เอาล่ะ พวกเจ้าห้าคนตามไป!”

ดวงตาจางเยว่เจินเป็นประกาย นางให้อีกห้าคนเร่งตามเจ้าไป ทั้งห้าคนดูตื่นเต้นและเสียงการต่อสู้ยังคงดังก้องอยู่ในซากวิหาร สามคนแรกเข้าไปสู้กับซุนซู่แล้ว ถ้าพวกเขารีบตามเข้าไปอาจได้ฆ่าซุนซู่ด้วย

ผู้คุ้มกันคนอื่นคงคิดเช่นกัน เมื่อเห็นจางเยว่เจินไม่ได้ชี้ตัวเองพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล

จางเยว่เจินมองทางเข้าซากวิหาร ด้วยความระมัดระวังนางจึงไม่ให้ทุกคนรีบเข้าไปเพราะกลัวว่าอาจมีบางอย่างซุ่มซ่อนอยู่ข้างใน

แต่ดูเหมือนซุนซู่ใกล้ตายจริงๆ และการต่อสู้กับผู้คุ้มกันยังตัดสินไม่ได้

“ท่านผู้ดูแล ทำไมไม่ให้เราเข้าไปด้วยล่ะ”

ยังเหลือผู้คุ้มกันอีกสองสามคน พวกเข้าโน้มตัวมาหาจางเยว่เจินและพูดอย่างรีบร้อน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการกินผลไม้ลูกนี้เช่นกัน หากพวกเขาเข้าไปช้าอาจทำได้แค่มองซากร่างของซุนซู่ แล้วแบบนี้จะไม่ทำให้พวกเขารีบร้อนได้ยังไง

เสียงตะโกนยังคงดังมาจากซากวิหาร เสียงอาวุธปะทะกันสามารถได้ยินอย่างไม่รู้จบราวกับว่าการต่อสู้ข้างในมาถึงตอนสุดท้าย

ขณะที่เฉินเฟยมองซากวิหารจู่ๆก็รู้สึกเย็นที่ข้อมือ ก้มหน้าลงมอง รอยประทับสิ่งแปลกประหลาดดูกระตือรือร้นอย่างยิ่ง

รูม่านตาของเฉินเฟยหดลง เนื้อเน่าติดกระดูกอันนี้มักนิ่งเงียบเสมอ และด้วยการบ่มเพาะของเฉินเฟยที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องมันจึงเริ่มจางหายไป แต่ตอนนี้มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

“ทุกคน ตามเข้าไป!”

จางเยว่เจินสั่งผู้คุ้มกันสองคนสุดท้าย ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น

“เจ้าก็ไปด้วย!”

จางเยว่เจินมองเฉินเฟย “อย่าบอกว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า ตอนนี้มันควรจบลง บางทีเจ้าอาจมีโอกาสสุดท้าย!”

“สถานการณ์ข้างในไม่ค่อยดีนัก ท่านลองฟังดู เสียงที่ออกมาจากข้างในคล้ายกับเมื่อครู่หรือไม่?”

เฉินเฟยมองซากวิหารและอดไม่ได้ที่จะถอยหลังหนึ่งก้าว เมื่อครู่เขาไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นว่ารอยประทับเนื้อร้ายติดกระดูกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เฉินเฟยจึงตั้งใจฟังเสียงข้างใน

สิ่งที่ทำให้เฉินเฟยตกใจคือแม้ว่าเสียงในซากวิหารจะโห่ร้องอย่างกระตือรือร้น แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ามีหลายเสียงที่พูดซ้ำๆอยู่ตลอด

เมื่อการต่อสู้ดุเดือดเรื่องนี้จึงอาจถูกละเลย แต่ถ้าสังเกตอย่างรอบคอบก็จะเห็นความแตกต่างเล็กน้อยนี้

“ข้าสั่งให้เจ้าทำ ไม่ใช่ขอความคิดเห็นของเจ้า รีบเข้าไปได้แล้ว อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ!”

จางเยว่เจินตะโกนเสียงดังและหันไปมองเฉินเฟย “จงเข้าไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโยนเจ้าเข้าไป! ในศูนย์การแพทย์แห่งนี้คำพูดข้าคือที่สุด!”

“ตอนนี้ข้างในมีปัญหา ท่านลองฟังเสียงให้ดีก่อน!” เฉินเฟยมองจางเยว่เจินและอดไม่ได้ที่จะตะโกน

“หุบปาก!”

จางเยว่เจินตะโกนด้วยความโกรธ ถือกระบี่ยาวถูกดึงออกมาครึ่งหนึ่ง “นี่เป็นครั้งสุดท้าย จะเข้าหรือไม่เข้า!”

“ข้าเป็นนักหลอมโอสถของศูนย์การแพทย์ ไม่มีหน้าที่ในการต่อสู้ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า!”

“ปล่อยให้ซุนซู่หนีไป เพียงเท่านี้การฆ่าเจ้าในตอนนี้ก็ไม่มีความผิด! ในเมื่อเจ้าไม่ดื่มสุราคำนับ เช่นกันจงอย่าโทษข้า!”

จางเยว่เจินยิ้มเย้นหยัน เดินไปด้านหน้าเฉินเฟยแล้วคว้าคอเสื้อเขา

จางเยว่เจินไม่ต้องการให้ใครในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงมาหักล้างคำพูด สิ่งที่นางต้องการคือการเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ซุนซู่กำลังจะถูกฆ่า นางไม่รังเกียจที่จะทำให้เฉินเฟยเข้าใจอีกครั้งว่าใครคือผู้นำที่แท้จริงในศูนย์การแพทย์

“ไปหามารดาเจ้าเถอะ!”

เฉินเฟยตะโกนด้วยความโกรธแล้วชักกระบี่ยาวแทงใส่จางเยว่เจิน

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเฉินเฟยจางเย่วเจินจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มชัยชนะ กล้าใช้กระบี่กับนางก่อน เดิมทีนางทำได้เพียงสอนบทเรียนให้เฉินเฟย แต่ตอนนี้ต่อให้ทุบตีเฉินเฟยจนตายก็ไม่มีใครว่าอะไร

เป็นเพียงระดับขัดเกลาผิวหนังกลับแกว่งเท้าหาเสี้ยน!

  

เมื่อคิดได้ดังนั้นจางเยว่เจินจึงเพิ่มความเร็วขึ้น แต่ทันใดนั้นก็พบว่ากระบี่ยาวในมือเฉินเฟยหายไป เหลือเพียงแสงวาบในขอบเขตการมองเห็น

“แย่แล้ว!”

จางเยว่เจินตกใจและกำลังจะหลบตัวไปด้านข้าง แต่ทันใดนั้นรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หน้าอก จากนั้นสติสัมปชัญญะทั้งหมดหายไป

นางก้มหน้าลงอย่างไม่อยากเชื่อ มองบาดแผลที่ทะลุหน้าอกจากด้านหน้าไปด้านหลังและมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง นางใช้มือปิดแผลแต่ไม่สามารถห้ามเลือดได้แม้แต่น้อย

จางเยว่เจินเงยหน้ามองเฉินเฟยด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ระดับขัดเกลาผิวหนังเคลื่อนไหวกระบี่แบบนี้ได้อย่างไร แม้แต่นางเองก็ยังตอบสนองไม่ทัน

เฉินเฟยไม่ได้มองจางเยว่เจินแต่มองไปที่ซากวิหาร

จากการกระทำของเฉินเฟยจางเยว่เจิน ซากวิหารที่มีเสียงดังเงียบลงทันใด เฉินเฟยเห็นดวงตาสีแดงฉายออกมาจากซากวิหารจ้องมาที่ตัวเขา

“ไม่ปกติแล้ว!”

เฉินเฟยเตะท้องเยว่เจินทำให้นางลอยไปทางซากวิหาร

“ไม่...ไม่นะ!”

ตอนนี้จางเยว่เจินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลัง นางร้องไห้เหมือนกำลังจะตายจากนั้นถูกประตูซากวิหารกลืนหายไป

เฉินเฟยรีบเคลื่อนตัวออกจากซากวิหาร หัวใจเขายังคงเต้นแรง

เขาไม่ได้กังวลเรื่องการฆ่าจางเยว่เจิน แต่กังวลว่าครั้งนี้จะหนีจากสิ่งแปลกประหลาดได้หรือไม่