ตอนที่ 34 ไร้เหตุผล
กลุ่มคนเดินผ่านป่าทึบ จางเยว่เจินมองคราบเลือดบนพื้นเป็นครั้งคราวอย่างตื่นเต้น
ตระกูลจางเกลียดซุนซู่เข้ากระดูกดำ หากครั้งนี้จางเยว่เจินฆ่าซุนซู่ได้ ตำแหน่งของนางในตระกูลจางจะมั่นคงและไม่มีใครพูดถึงตำแหน่งผู้ดูแลศูนย์การแพทย์อีก
ด้านหน้าเป็นซากวิหาร รอบอำเภอผิงหยินมีสถานที่ไม่มากนัก แต่ซากวิหารแบบนี้มีอยู่มากมาย มันไม่ได้พังทลายลงทั้งหมดเพราะมีกองคาราวานมาประจำการที่นี่เป็นบางครั้ง ดังนั้นสถานที่จึงเรียบร้อยขึ้นเล็กน้อย
“ทุกคน กินโอสถแก้พิษ!”
จางเยว่เจินออกคำสั่ง ผู้คุ้มกันหยิบโอสถแก้พิษออกมาอย่างรวดเร็ว เฉินเฟยซึ่งยืนอยู่ด้านหลังกลืนโอสถแก้พิษเข้าไป
“ใครก็ตามที่ฆ่าซุนซู่ได้ ข้าจะแบ่งรางวัลให้ครึ่งหนึ่งและเพิ่มค่างจ้างเป็นสามเท่า!”
จางเยว่เจินหันมองผู้คุ้มกันแล้วพูดด้วยเสียงทุ้ม “ซุนซู่บาดเจ็บสาหัส แต่จงระวังไว้ให้ดี พวกเจ้าสามคนไปก่อน!”
จางเยว่เจินสั่งผู้คุ้มกันทั้งสาม ทั้งสามคนมองหน้ากันและรีบตรงไปที่ซากวิหาร
รางวัลของตระกูลจางครึ่หนึ่ง จำนวนนี้น่าดึงดูดใจเกินไป พวกเขาไม่คิดเลยว่าจางเยว่เจินจะเต็มใจให้มากขนาดนี้ นอกจากนี้ยังได้ค่าจ้างเพิ่มอีกสามเท่า สิ่งนี้รับประกันชีวิตในอนาคตอย่างสมบูรณ์
ที่สำคัญคือซุนซู่บาดเจ็บหนัก
หากระวังมากพอต้องมีโอกาสฆ่าซุนซู่แน่นอน เมื่อฆ่าเขาแล้วก็จะปลอดภัย
ผู้คุ้มกันที่เหลือมีอาการหายใจติดขัด บางคนถึงกับอยากพุ่งเข้าไปทันทีเพราะกลัวว่าสามคนแรกจะฆ่าซุนซู่ได้ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาส
เฉินเฟยที่ยืนอยู่ด้านหลังมองสามคนด้านหน้าเปิดประตูซากวิหารและรีบเข้าไป ครู่ต่อมาเสียงตะโกนและเสียงคำรามดังขึ้นจากข้างใน
“เอาล่ะ พวกเจ้าห้าคนตามไป!”
ดวงตาจางเยว่เจินเป็นประกาย นางให้อีกห้าคนเร่งตามเจ้าไป ทั้งห้าคนดูตื่นเต้นและเสียงการต่อสู้ยังคงดังก้องอยู่ในซากวิหาร สามคนแรกเข้าไปสู้กับซุนซู่แล้ว ถ้าพวกเขารีบตามเข้าไปอาจได้ฆ่าซุนซู่ด้วย
ผู้คุ้มกันคนอื่นคงคิดเช่นกัน เมื่อเห็นจางเยว่เจินไม่ได้ชี้ตัวเองพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล
จางเยว่เจินมองทางเข้าซากวิหาร ด้วยความระมัดระวังนางจึงไม่ให้ทุกคนรีบเข้าไปเพราะกลัวว่าอาจมีบางอย่างซุ่มซ่อนอยู่ข้างใน
แต่ดูเหมือนซุนซู่ใกล้ตายจริงๆ และการต่อสู้กับผู้คุ้มกันยังตัดสินไม่ได้
“ท่านผู้ดูแล ทำไมไม่ให้เราเข้าไปด้วยล่ะ”
ยังเหลือผู้คุ้มกันอีกสองสามคน พวกเข้าโน้มตัวมาหาจางเยว่เจินและพูดอย่างรีบร้อน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการกินผลไม้ลูกนี้เช่นกัน หากพวกเขาเข้าไปช้าอาจทำได้แค่มองซากร่างของซุนซู่ แล้วแบบนี้จะไม่ทำให้พวกเขารีบร้อนได้ยังไง
เสียงตะโกนยังคงดังมาจากซากวิหาร เสียงอาวุธปะทะกันสามารถได้ยินอย่างไม่รู้จบราวกับว่าการต่อสู้ข้างในมาถึงตอนสุดท้าย
ขณะที่เฉินเฟยมองซากวิหารจู่ๆก็รู้สึกเย็นที่ข้อมือ ก้มหน้าลงมอง รอยประทับสิ่งแปลกประหลาดดูกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
รูม่านตาของเฉินเฟยหดลง เนื้อเน่าติดกระดูกอันนี้มักนิ่งเงียบเสมอ และด้วยการบ่มเพาะของเฉินเฟยที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องมันจึงเริ่มจางหายไป แต่ตอนนี้มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
“ทุกคน ตามเข้าไป!”
จางเยว่เจินสั่งผู้คุ้มกันสองคนสุดท้าย ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น
“เจ้าก็ไปด้วย!”
จางเยว่เจินมองเฉินเฟย “อย่าบอกว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า ตอนนี้มันควรจบลง บางทีเจ้าอาจมีโอกาสสุดท้าย!”
“สถานการณ์ข้างในไม่ค่อยดีนัก ท่านลองฟังดู เสียงที่ออกมาจากข้างในคล้ายกับเมื่อครู่หรือไม่?”
เฉินเฟยมองซากวิหารและอดไม่ได้ที่จะถอยหลังหนึ่งก้าว เมื่อครู่เขาไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นว่ารอยประทับเนื้อร้ายติดกระดูกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เฉินเฟยจึงตั้งใจฟังเสียงข้างใน
สิ่งที่ทำให้เฉินเฟยตกใจคือแม้ว่าเสียงในซากวิหารจะโห่ร้องอย่างกระตือรือร้น แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ามีหลายเสียงที่พูดซ้ำๆอยู่ตลอด
เมื่อการต่อสู้ดุเดือดเรื่องนี้จึงอาจถูกละเลย แต่ถ้าสังเกตอย่างรอบคอบก็จะเห็นความแตกต่างเล็กน้อยนี้
“ข้าสั่งให้เจ้าทำ ไม่ใช่ขอความคิดเห็นของเจ้า รีบเข้าไปได้แล้ว อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ!”
จางเยว่เจินตะโกนเสียงดังและหันไปมองเฉินเฟย “จงเข้าไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโยนเจ้าเข้าไป! ในศูนย์การแพทย์แห่งนี้คำพูดข้าคือที่สุด!”
“ตอนนี้ข้างในมีปัญหา ท่านลองฟังเสียงให้ดีก่อน!” เฉินเฟยมองจางเยว่เจินและอดไม่ได้ที่จะตะโกน
“หุบปาก!”
จางเยว่เจินตะโกนด้วยความโกรธ ถือกระบี่ยาวถูกดึงออกมาครึ่งหนึ่ง “นี่เป็นครั้งสุดท้าย จะเข้าหรือไม่เข้า!”
“ข้าเป็นนักหลอมโอสถของศูนย์การแพทย์ ไม่มีหน้าที่ในการต่อสู้ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า!”
“ปล่อยให้ซุนซู่หนีไป เพียงเท่านี้การฆ่าเจ้าในตอนนี้ก็ไม่มีความผิด! ในเมื่อเจ้าไม่ดื่มสุราคำนับ เช่นกันจงอย่าโทษข้า!”
จางเยว่เจินยิ้มเย้นหยัน เดินไปด้านหน้าเฉินเฟยแล้วคว้าคอเสื้อเขา
จางเยว่เจินไม่ต้องการให้ใครในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงมาหักล้างคำพูด สิ่งที่นางต้องการคือการเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ซุนซู่กำลังจะถูกฆ่า นางไม่รังเกียจที่จะทำให้เฉินเฟยเข้าใจอีกครั้งว่าใครคือผู้นำที่แท้จริงในศูนย์การแพทย์
“ไปหามารดาเจ้าเถอะ!”
เฉินเฟยตะโกนด้วยความโกรธแล้วชักกระบี่ยาวแทงใส่จางเยว่เจิน
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเฉินเฟยจางเย่วเจินจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มชัยชนะ กล้าใช้กระบี่กับนางก่อน เดิมทีนางทำได้เพียงสอนบทเรียนให้เฉินเฟย แต่ตอนนี้ต่อให้ทุบตีเฉินเฟยจนตายก็ไม่มีใครว่าอะไร
เป็นเพียงระดับขัดเกลาผิวหนังกลับแกว่งเท้าหาเสี้ยน!
เมื่อคิดได้ดังนั้นจางเยว่เจินจึงเพิ่มความเร็วขึ้น แต่ทันใดนั้นก็พบว่ากระบี่ยาวในมือเฉินเฟยหายไป เหลือเพียงแสงวาบในขอบเขตการมองเห็น
“แย่แล้ว!”
จางเยว่เจินตกใจและกำลังจะหลบตัวไปด้านข้าง แต่ทันใดนั้นรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หน้าอก จากนั้นสติสัมปชัญญะทั้งหมดหายไป
นางก้มหน้าลงอย่างไม่อยากเชื่อ มองบาดแผลที่ทะลุหน้าอกจากด้านหน้าไปด้านหลังและมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง นางใช้มือปิดแผลแต่ไม่สามารถห้ามเลือดได้แม้แต่น้อย
จางเยว่เจินเงยหน้ามองเฉินเฟยด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ระดับขัดเกลาผิวหนังเคลื่อนไหวกระบี่แบบนี้ได้อย่างไร แม้แต่นางเองก็ยังตอบสนองไม่ทัน
เฉินเฟยไม่ได้มองจางเยว่เจินแต่มองไปที่ซากวิหาร
จากการกระทำของเฉินเฟยจางเยว่เจิน ซากวิหารที่มีเสียงดังเงียบลงทันใด เฉินเฟยเห็นดวงตาสีแดงฉายออกมาจากซากวิหารจ้องมาที่ตัวเขา
“ไม่ปกติแล้ว!”
เฉินเฟยเตะท้องเยว่เจินทำให้นางลอยไปทางซากวิหาร
“ไม่...ไม่นะ!”
ตอนนี้จางเยว่เจินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลัง นางร้องไห้เหมือนกำลังจะตายจากนั้นถูกประตูซากวิหารกลืนหายไป
เฉินเฟยรีบเคลื่อนตัวออกจากซากวิหาร หัวใจเขายังคงเต้นแรง
เขาไม่ได้กังวลเรื่องการฆ่าจางเยว่เจิน แต่กังวลว่าครั้งนี้จะหนีจากสิ่งแปลกประหลาดได้หรือไม่