ตอนที่ 310 คิดดี ๆ ก่อนจะตัดสินใจ
ตอนที่ 310 คิดดี ๆ ก่อนจะตัดสินใจ
วิลเลียมมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งมีแสงเลเซอร์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังยิงเข้าใส่เกราะพลังงานทรงกลมอย่างต่อเนื่อง
ตูม!
แสงเลเซอร์ลดพลังงานของเกราะพลังงานลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่อุปกรณ์เสริมพลังชาร์จก็ทำการเติมพลังงานให้กับเกราะพลังงานตลอดเวลา ก่อเป็นวงจรที่ไม่หยุดชะงักมาเป็นเวลากว่า 57 ชั่วโมงเต็ม ๆ
การให้เครื่องจักรทำงานอย่างบ้าคลั่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานานขนาดนี้เป็นวิธีการทดสอบที่เลือดเย็นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเครื่องจักรต้องทำงานให้ได้ในสภาวะสูงสุดตลอดโดยไม่มีเวลาพักเลยแม้แต่วินาทีเดียว
การทดสอบในลักษณะนี้คล้ายกับการให้รถยนต์เหยียบคันเร่งพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และถึงแม้ว่าเครื่องยนต์ของรถคันนี้จะยอดเยี่ยม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ายางของรถยนต์หรือระบบระบายความร้อนจะสามารถทนรับแรงกดดันได้อย่างต่อเนื่อง มันจึงแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่รถยนต์จะสามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพได้ตลอดเวลา
ยิ่งไปกว่านั้นภายในเครื่องจักรที่ถูกออกแบบมาอย่างซับซ้อนยังมีส่วนประกอบต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งแม้แต่ช่างกลที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ยังไม่สามารถรับประกันว่า ชิ้นส่วนทุกชิ้นจะสามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในสภาวะกดดันอย่างต่อเนื่องได้ เพราะมันอาจจะมีชิ้นส่วนบางชิ้นที่อาจจะถูกทำลายหากว่ามันได้ทำงานต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
“ดูเหมือนมันจะมีโอกาสน้อยมากที่อุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจะสามารถผ่านการทดสอบในครั้งนี้ไปได้” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ทันใดนั้นอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จอีกอันก็พังทลายลง เนื่องมาจากว่ามันไม่สามารถทนรับแรงกดดันได้อีกต่อไป
การที่อุปกรณ์เสริมพลังชาร์จถูกทำลายในครั้งนี้ มันก็หมายความว่าอุปกรณ์ 5 ใน 6 เครื่องได้ถูกทำลายลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันไม่มีทางผ่านข้อกำหนดที่ไทสันได้บอกเอาไว้ว่า อย่างน้อยจะต้องมีอุปกรณ์ที่ผ่านการทดสอบไปให้ได้เป็นจำนวน 2 ชิ้น
“น่าเสียดายจริง ๆ ที่พวกเราจะไม่ได้มีโอกาสได้ติดตั้งอุปกรณ์ชิ้นนี้บนยานรบของกองทัพ” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
วิลเลียมไม่ได้พูดอะไรกลับไป แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จเครื่องสุดท้ายที่กำลังพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
จากนั้นทั้งสองก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟาในศูนย์ควบคุม ก่อนที่วิลเลียมจะหยิบกระป๋องน้ำเชื่อมขึ้นมาดื่มขณะนั่งคิดอยู่เงียบ ๆ
“ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าการที่อุปกรณ์เสริมพลังชาร์จไม่สามารถผ่านการทดสอบในสภาวะตึงเครียดระดับ 5 ไปได้ไม่ใช่เพราะว่าอุปกรณ์ชนิดนี้มันไม่ดี แต่มันเป็นเพราะข้อกำหนดของไทสันเข้มงวดมากเกินไป ถ้าหากว่ามันมีอุปกรณ์เครื่องไหนสามารถผ่านการทดสอบไปได้มันก็คงจะเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เพราะโดยปกติแม้แต่อุปกรณ์ที่มีมูลค่าหลักร้อยล้านก็ยังไม่สามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้เลย” เลย์ตันกล่าวอย่างเสียดาย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้รู้สึกเศร้ามากเกินไป
“ว่าแต่เมื่อไหร่ทางรัฐบาลถึงจะส่งกองทัพไปปราบกบฏในเขตทุ่งดาวแห่งความตายเสียที”
“นายก็คิดแต่จะนำกองกำลังออกไปสู้รบ แต่คราวนี้นายคงจะต้องรู้สึกผิดหวังแล้วล่ะ เพราะนายอาจจะไม่ได้รับคำสั่งไปอย่างน้อยก็อีกครึ่งปี” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมล่ะ? ฉันได้รับคำสั่งให้ยกระดับความพร้อมของกองยานขึ้นมาเป็นระดับ 2 แล้วนะ แม้แต่กองยานที่ 1147, 2158 และ 3069 ก็เริ่มถูกสั่งให้เคลื่อนไหวแล้ว ถ้านายบอกว่ามันจะไม่มีคำสั่งลงมาในครึ่งปีแล้วทางรัฐบาลจะมีคำสั่งให้เตรียมพร้อมเอาไว้ทำไม?” เลย์ตันกล่าวขึ้นมาด้วยความสับสน
คำสันนิษฐานของวิลเลียมทำให้เลย์ตันรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดในสายตาของเขาการพยายามแยกตัวออกจากพันธมิตรก็เป็นอาชญากรรมที่ไม่อาจจะให้อภัยได้ แต่วิลเลียมกลับบอกเขาว่าทางรัฐบาลจะไม่ออกคำสั่งให้ทางกองทัพเคลื่อนไหวเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี
“ตอนนี้คำสั่งที่พวกเราได้รับคือการกดดันพวกผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นทุ่งดาวแห่งความตายว่าพวกเขาไม่ควรทำอะไรเกินหน้าเกินตามากเกินไป และอย่าคิดว่าพันธมิตรจะยอมปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แต่ทางรัฐบาลน่าจะรอให้สถานการณ์มีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อน โดยระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งปีคือระยะเวลาที่สั้นที่สุดที่ฉันได้คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ในความเป็นจริงมันอาจจะต้องใช้เวลาดูสถานการณ์ไปเป็นปีหรืออาจจะ 2 ปีเลยก็ได้” วิลเลียมกล่าวอธิบายอย่างใจเย็น
“แล้วพันธมิตรจะยอมปล่อยให้พวกเขาแยกตัวออกไปเฉย ๆ งั้นเหรอ?” เลย์ตันถามขึ้นมาอย่างสับสน
“แน่นอนว่าไม่ แต่นายอาจจะไม่รู้จักพวกนักการเมืองดีพอ การส่งกองยานไปที่ทุ่งดาวแห่งความตายจำเป็นจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มที่มันอาจจะต้องมีผู้เสียชีวิตในระหว่างการสู้รบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าถิ่นก็ยังคงเป็นคนที่เคยอยู่ในกองทัพ ดังนั้นการออกไปปะทะในตอนนี้จึงยังไม่ใช่วิธีที่สมควร”
“กุญแจสำคัญคือรัฐบาลต้องการควบคุมให้ทุ่งดาวแห่งความตายยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของพันธมิตรเหมือนเดิม ดังนั้นแทนที่พวกเขาจะมีคำสั่งให้ส่งกองยานของกองทัพออกไปต่อสู้ พวกเขาก็จะรอให้ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นห้ำหั่นกันจนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายไปก่อน แล้วพวกเราค่อยเข้าไปจัดการควบคุมสถานการณ์ในคราวเดียว นี่แหละคือเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองที่พร้อมจะเสียสละชีวิตของประชาชนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ” วิลเลียมกล่าว
“ไอ้นักการเมืองพวกนี้มันชั่วจริง ๆ ทำไมทหารอย่างพวกเราถึงต้องคอยไปรับคำสั่งจากพวกมันด้วย!” เลย์ตันอุทานพร้อมกับตบโต๊ะลงไปอย่างแรง
“อันที่จริงมันก็มีนักการเมืองบางคนที่ต้องการจะระงับความโกลาหลครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน บางทีนี่ก็อาจจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่รู้สึกหวาดกลัวเมื่ออาจจะมีภัยได้คืบคลานเข้ามาหาตัวเอง”
“แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเห็นของประชาชนเริ่มเอนเอียงไปในทางที่ไม่ดี หรือกองกำลังภายในเขตทุ่งดาวแห่งความตายได้รับความเสียหายจนถึงในระดับที่ไม่สามารถจะคุกคามใครได้ ในเวลานั้นพวกเราก็จะถูกออกคำสั่งให้ออกไปปราบจลาจลเอง ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเราสามารถทำได้คือการอดทนรอและเตรียมพร้อมที่จะเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อถึงเวลาที่สมควร” วิลเลียมกล่าว
เมื่ออุปกรณ์เสริมพลังชาร์จไม่สามารถผ่านข้อกำหนดที่ไทสันระบุเอาไว้ได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเดินทางออกไปปราบกบฏได้อย่างใจนึก มันก็ทำให้จอมพลทั้งสองคนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไร้ประโยชน์จนทำให้บรรยากาศภายในห้องดูหดหู่อยู่เล็กน้อย
“เดี๋ยวนะ! จู่ ๆ ฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้” จู่ ๆ วิลเลียมก็อุทานขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขณะที่เขาเคี้ยวขนมหวานอยู่ในปาก
—
วันเกิดของเออเนสใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้เริ่มมีแขกเดินทางเข้ามาในคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่าเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์นี้ทำให้แอวริลยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เพราะเธอต้องออกไปทักทายแขกที่เดินทางเข้ามาตลอดเวลา มันจึงทำให้เธอแทบที่จะไม่ได้มีเวลาอยู่กับเซี่ยเฟยเลย
ปัจจุบันเซี่ยเฟยพักอยู่ในโรงแรมซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของแอวริลไม่ไกลมากนัก ซึ่งในทุก ๆ เช้าเขาก็จะเดินทางไปรับประทานอาหารกับหญิงสาว ก่อนที่เขาจะกลับมาที่ห้องเพื่อให้เธอมีเวลาไปจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ในคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่า
ช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่มีข่าวดีหรือข่าวร้ายจากทางกองทัพมาถึงเขาเลย ทูรามบอกเขามาเพียงแค่ว่าทางกองทัพได้ขอซื้อต่ออุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจากสมาพันธ์จัสทิสไปทดสอบอีกครั้ง โดยรอบนี้พวกเขาได้สั่งอุปกรณ์รุ่นพลัสและรุ่นเอ็กซ์ตร้าไปอย่างละ 12 ชุด
แต่ก่อนจะถึงวันเกิดของเออเนส เซี่ยเฟยก็ได้รับการติดต่อมาจากย่าเหวย
“พวกเราได้หารือกันเรื่องเงื่อนไขของนายแล้ว และพวกเราก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ 10,000 ชุดกับการที่นายได้มีสิทธิ์ควบคุมกาแล็กซีอย่างถาวร” ย่าเหวยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง โดยภายใต้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยคล้ำ เนื่องมาจากในช่วงเวลาที่ผ่านมากองทัพของภูมิภาคดาวมฤตยูได้รับความพ่ายแพ้ไปแล้วถึง 3 ครั้ง
“แต่พวกเรามีเงื่อนไขเพิ่มเติมขึ้นมา 1 ข้อนะ ว่าพวกเราต้องการทดสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จในสนามรบก่อน แล้วพวกเราค่อยเซ็นสัญญาในภายหลัง” ย่าเหวยพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะเดินทางไปที่ภูมิภาคดาวมฤตยูด้วยตัวเอง ซึ่งมันอาจจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 วัน ในเวลานั้นผมค่อยไปพูดคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันขอเร็วกว่านี้ได้ไหม?” ย่าเหวยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณก็น่าจะรู้ว่าการเดินทางจากพันธมิตรไปยังทุ่งดาวแห่งความตายเป็นเรื่องยากลำบากแค่ไหน เวลา 45 วันเป็นเวลาเดินทางที่เร็วที่สุดเท่าที่ผมพอจะทำได้แล้วครับ หากคุณยอมรับข้อตกลงผมจะรีบไปเตรียมตัวออกเดินทางทันที”
“มันต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหน?”
“แป๊บเดียวครับ”
ย่าเหวยเงียบไปชั่วขณะและเห็นได้ชัดว่าในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่เขาจะทำการโต้เถียงกับเซี่ยเฟย เพราะท้ายที่สุดผู้ที่กำลังควบคุมสถานการณ์ก็คือชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่ตัวเขาเอง
“ฉันเชื่อในตัวนายนะ หวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง” ย่าเหวยกล่าว
“ผมก็หวังว่ากองทัพของคุณจะทนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ แล้วผมจะรีบเดินทางไปโดยเร็วที่สุดครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากที่เซี่ยเฟยปิดระบบสื่อสาร อันธก็กล่าวถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ถ้าจู่ ๆ พวกเขาเปลี่ยนใจไม่เซ็นสัญญาล่ะ นายจะทำยังไง?”
“ในอนาคตทางพันธมิตรจะต้องส่งกองยานไปปราบปรามเหตุการณ์จลาจลในทุ่งดาวแห่งความตายอย่างแน่นอน ซึ่งในเวลานั้นพวกเขาก็จะต้องทำการตรวจสอบเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงจราจล เมื่อถึงเวลานั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการแต่พวกเขาก็จะต้องปฏิบัติตามสัญญาอยู่ดี สิ่งที่ฉันจำเป็นจะต้องทำก็มีเพียงแค่การพยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือให้พวกเขาในยามที่พวกเขากำลังยากลำบาก และรอคอยกองกำลังจากพันธมิตรไปอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น”
“แน่นอนว่าแผนการนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าหากว่าพันธมิตรยอมให้ทุ่งดาวแห่งความตายแยกตัวออกไป ถึงเวลานั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รักษาสัญญาแต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ แต่ไม่ว่าฉันจะมองยังไงมันก็ไม่มีทางที่พันธมิตรจะยอมปล่อยทุ่งดาวแห่งความตายไปอย่างแน่นอน”
“นายอย่าลืมว่าสัญญามันก็เป็นเพียงแค่เศษกระดาษในพื้นที่ไร้กฎหมาย และถึงแม้ว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้อาจจะทำให้ฉันได้รับเศษกระดาษมาแผ่นเดียว แต่ตราบใดก็ตามที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ ฉันก็คิดว่าฉันพร้อมจะเสี่ยงเพื่อให้ได้รับกาแล็กซีมาไว้ในครอบครอง”
อันธพยักหน้ารับเพราะสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดมีเหตุผล ตราบใดก็ตามที่ทุ่งดาวแห่งความตายยังคงอยู่ภายใต้กฎหมายของพันธมิตร สัญญาที่พวกเขาได้รับก็ไม่มีทางกลายเป็นเศษกระดาษในดินแดนไร้กฎหมาย
—
“ถึงแม้ว่ามันจะมีอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จได้ผ่านการทดสอบสภาวะตึงเครียดระดับ 5 มาได้ 1 เครื่องแต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ไม่ไช่ว่าเราตกลงกันในเรื่องนี้ไปแล้วเหรอ?” ไทสันกล่าวหลังจากที่เขาได้อ่านรายงานที่วิลเลียมกับเลย์ตันได้นำมามอบให้
“ฉันคิดว่านายควรจะอ่านรายงานฉบับนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับหยิบรายงานฉบับที่ 2 ออกมายื่นให้กับไทสันอย่างใจเย็น
***************