ตอนที่ 33 ไล่ล่า
โจวลี่เบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว เมื่อเขากำลังจะสู้กลับ ความเจ็บปวดรุนแรงได้ส่งผ่านมาจากคอ ช่วงเวลาต่อมาทุกอย่างกลายเป็นความมืดมิด
“อ๊าาา!”
เมื่อเห็นโจวลี่ล้มลงพื้นโจวฉือก็ร้องด้วยความตกใจ แต่พอร้องออกมากลับพบว่าปากถูกมือปิดไว้ทำให้ไม่มีเสียงใดออกมา
“เจ้านี่เองที่คอยสอดส่องข้าตอนกลางวัน!”
ซุนซู่มองโจวฉือ มือข้างหนึ่งปิดปากโจวฉือ และมืออีกข้างคว้าคอโจวฉือไว้ด้านหน้า
ดวงตาโจวฉือเต็มไปด้วยน้ำตา เขาเตะเท้าอย่างแรงแต่ไม่อาจหลุดพ้นได้ เขาทำได้เพียงมองใบหน้าซุนซู่ที่ใกล้เข้ามา
“ทุกการตัดสินใจมีราคาที่ต้องจ่าย เจ้าเข้าใจหรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
จู่ๆซุนซู่หัวเราะออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ มือที่จับคอโจวฉือหดลง ลูกตาโจวฉือถลนออกมา ครู่ต่อมาลานบ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกเลือด
“ราคา...ตระกูลจาง...”
ซุนซู่พึมพำ เขาคลายมือออก ร่างของโจวฉือตกลงสู่พื้น
นอกกำแพงลาน ร่างเล็กๆกำลังเฝ้าดูทุกสิ่งผ่านรูบนกำแพง
จ้าวฉีปิดปากแน่นเพื่อป้อวกันไม่ให้ตัวเองร้องออกมา
จ้าวฉีจะมาแอบมองบ้านถัดไปผ่านรูนี้ทุกวัน บางครั้งที่ลานบ้านว่างเปล่าเขาก็ยังมาดูด้วยความสนใจ
แต่วันนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่งที่มาเห็นการฆ่าแบบนี้
ฟันจ้าวฉีกระทบกันอย่างต่อเนื่อง แต่เขาไม่กล้าส่งเสียงใดๆเพราะรู้ว่าถ้าส่งเสียงดังฆาตกรจะมาตามฆ่า
จ้าวฉีมองซุนซู่เดินออกไปจากลานบ้าน
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกและปล่อยมือที่ปิดปาก ด้วยความโล่งใจเล็กน้อยนี้เขาจึงเงยหน้ามองผ่านรูอีกครั้ง แต่สิ่งที่เห็นครั้งนี้เป็นดวงตาข้างหนึ่งมองกลับมา
“อ๊าาาก”
จ้าวฉีร้องลั่นและก้าวถอยหลังอย่างสิ้นหวัง
“มีหนูตัวน้อยซ่อนอยู่ตรงนี้ด้วย...”
...
ศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิง
ในห้องหลอมโอสถ เฉินเฟยยังคงเปลี่ยนวิธีหลอมโอสถอยู่เสมอ กลิ่นสมุนไพรฟุ้งกระจายออกมาจากเตาหลอม
“ปึง!”
เตาหลอมโอสถสั่นสะเทือน กลิ่นหอมสมุนไพรกลายเป็นกลิ่นไหม้ทันที
เฉินเฟยขมวดคิ้ว เปิดฝาเตา ดูโอสถไหม้เกรียมที่ตกค้างอยู่ข้างในแล้วส่ายหัว
“ไม่รู้ว่าขาดสมุนไพรตัวไหน ติดอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว”
เฉินเฟยเกาหัว หลังทำความสะอาดเตาหลอมเสร็จก็เริ่มนึกถึงรายละเอียดการหลอมโอสถ ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะดังมาจากข้างนอก
เฉินเฟยลุกขึ้นเดินออกไป เห็นคนรับใช้พูดอะไรบางอย่างด้วยความตื่นตระหนก
“ผู้ดูแลเฉิน”
หลิวจวินอยู่ตรงนั้นเช่นกัน เมื่อเขาเห็นเฉินเฟยมาจึงรีบเข้าไปทักทาย
“มีเรื่องอะไร?”
“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวคนรับใช้คนนี้ ดูเหมือนว่าคนในครอบครัวของเขาจะถูกฆ่าตาย ตอนนี้เขากำลังขอร้องศูนย์การแพทย์มอบค่าจ้างให้ล่วงหน้า”
เฉินเฟยมองคนรับใช้คนนั้น ผิวออกสีเขียว ร่างกายขาดสารอาหารอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้มักจะพบในคนรับใช้
“เอาเงินนี้ไปให้เขา นี่เป็นเงินส่วนตัวของข้า”
เฉินเฟยหยิบเหรียญเงินออกมาสองสามเหรียญจากนั้นหันหลังจากไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่เฉินเฟยทำได้ ถ้าให้มากกว่านี้เกรงว่าคนรับใช้คนนั้นคงเก็บรักษาเอาไว้ไม่ได้
เฉินเฟยเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงขอบคุณของคนรับใช้คนนั้นดังมาจากด้านหลัง เฉินเฟยโบกมือปัดแล้วกลับไปในห้องหลอมโอสถ
เขาเลิกสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่และศึกษายาโอสตจิตเบาต่อ
หนึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยลูบหัวตัวเองด้วยความปวดหัว ผลของโอสถมีน้อยมากแต่มันเป็นเรื่องปกติ การคาดเดาสมุนไพรจากโอสถที่หลอมเสร็จแล้วเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่เฉินเฟยสนุกไปกับมันเช่นกัน ความคืบหน้าในตอนนี้ถือว่าไม่ได้แย่ หากทำต่อไปเฉินเฟยมั่นใจว่าจะย้อนสูตรโอสถจิตเบาได้แน่นอน
เฉินเฟยหยิบกระบี่ยาวข้างตัวและเริ่มเคลื่อนไหวในห้องหลอมโอสถ
ตอนนี้ชีวิตของเฉินเฟยเป็นแบบนี้ นอกจากฝึกกำลังภายในทุกวันที่ไม่เปลี่ยนแปลง เวลาที่เหลือคือการฝึกกระบี่หรือหลอมโอสถ
วิธีบีบคั้นแบบนี้ทำให้แทบไม่มีเวลาพัก แต่นอกจากเฉินเฟยจะไม่หมดแรง เขากลับมีพลังเต็มเปี่ยม
วันเวลาค่อยๆผ่านไป เพียงพริบตาเดียวได้ผ่านไปอีกสิบวัน
สิบวันที่ผ่านมาอำเภอผิงหยินไม่มีความสงบแม้แต่น้อย และนอกเขตผิงหยินมีแต่เกิดความวุ่นวาย
กองทัพที่ราชสำนักส่งมาปราบปรามพ่ายแพ้ให้กบฏ ตอนนี้แนวป้องกันเริ่มถอยร่นกลับมาทีละขั้น
กองทัพกบฏเติบโตขึ้นจนกดดันกองทัพของราชสำนัก และไม่ใช่เพียงแค่นั้น ในหลายอำเภอเริ่มมีกองทัพกบฏเช่นกัน และด้วยความร่วมมือจากทั้งภายในและภายนอก กองทัพกบฏจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ในอำเภอผิงหยิน สมาชิกหลักของตระกูลจางตายไปหนึ่งคน แต่นั่นทำให้ตระกูลจางรู้ตำแหน่งของซุนซู่ ครั้งหนึ่งพวกเขาส่งคนไปจับแต่ซุนซู่ก็หนีไปได้
ส่วนเฉินเฟยก็ผสานวิชากระบี่ทั้งสี่เสร็จแล้วเช่นกัน
[วิชายุทธ์: กระบี่ลายเพลิง(สมบูรณ์7124/10000)]
เมื่อเทียบกับกระบี่เขาเขียวอันเดิม กระบี่ลายเพลิงในตอนนี้มีพลังมากกว่าเจ็ดส่วน
ด้วยวิชากระบี่ปัจจุบัน เฉินเฟยสามารถเทียบกับเจี่ยนเหลียงในตอนนั้นได้แล้ว หากกระบี่ลายเพลิงยกเป็นระดับรู้แจ้ง ต่อให้ฆ่าเจี่ยนเหลียงไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ยังชนะ
วิชากระบี่นี้ทำให้เขาสู้ข้ามระดับ เห็นได้ชัดแล้วว่าวิชากระบี่นี้ยอดเยี่ยมเพียงไหน เมื่อเทียบกับวิชาสืบทอดของตระกูลในอำเภอผิงหยินแล้ว วิชากระบี่ของเฉินเฟยไม่ได้น้อยหน้าเลย
ในห้องโถงศูนย์การแพทย์
เฉินเฟยกำลังพูดคุยกับหมอเกี่ยวกับคุณสมบัติสมุนไพรบางชนิด โอสถจิตเบาอยู่ที่เดิมนานแล้ว การพูดคุยเรื่องสรรถคุณสมุนไพรกับหมออาจทำให้เฉินเฟิยคิดได้มากขึ้น
ขณะที่กำลังคุยกันอย่างมีความสุข จางเยว่เจินได้ปรากฏตัวในห้องโถงศูนย์การแพทย์
“ผู้คุ้มกันทั้งหมดจงตามข้ามา เฉินเฟย เจ้ามาด้วย!”
จางเยว่เจินตะโกนเรียก เมื่อเห็นเฉินเฟยอยู่ในห้องโถงนางจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกให้เขามาด้วย เขาอยู่ในระดับขัดเกลาผิวหนัง เมื่อเทียบกับหมอที่ไม่มีพลังแล้วเฉินเฟยเป็นผู้สนับสนุนที่ดดีกว่า
สิ่งสำคัญคือจางเยว่เจินต้องการทุบตีเฉินเฟยอีก
สีหน้าของเฉินเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามหลังไป
เพียงครู่เดียวผู้คุ้มกันทั้งหมดในศูนย์การแพทย์ก็ปรากฎตัว จางเยว่เจินโบกมือให้ตามมาโดยไม่อธิบายอะไรและเดินออกไป
คนอื่นไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกเขาทั้งหมดยังเดินตามหลังมา
เฉินเฟยวิ่งไปอยู่ระหว่างส่วนกลางและส่วนหลัง หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มคนได้ออกจากอำเภอผิงหยินและมาถึงป่าบนภูเขา มีร่างหนึ่งเดินไปมาอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นจางเยว่เจินก็รีบขึ้นเข้ามาหานาง
“ซุนซู่ยังอยู่หรือไม่?” จางเยว่เจินถามอย่างกระวนกระวาย
“มันยังอยู่ที่นี่และบาดเจ็บจริง แต่เจ้าต้องรีบไปจัดการไม่เช่นนั้นอีกไม่นานคนอื่นที่ได้ข่าวจะตามมา” จางเชียงเขย่าถุงเงินที่จางเยว่เจินมอบให้และพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็แค่ซุนซู่คนเดียว ข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้!”
“ข้าจะกลับไปรอข่าวดีจากเจ้า!” จางเชียงกุมมือ
จางเยว่เจินหัวเราะเสียงดังผ่านจางเชียงที่รีบออกไป ทันใดนั้นผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังตระหนักได้ว่าพวกเขาเจอตัวซุนซู่แล้ว และตอนนี้จางเยว่เจินขึ้นมาเป็นผู้นำในการกำจัดความกังวลของตระกูลจาง