ตอนที่ 307 สภาวะตึงเครียดระดับ 5
ตอนที่ 307 สภาวะตึงเครียดระดับ 5
ปัจจุบันระบบสื่อสารกำลังดังขึ้น เซี่ยเฟยจึงเก็บขนอุยเอาไว้ในกระเป๋าด้านในหน้าอก ก่อนที่จะเขย่ามันเบา ๆ ให้เจ้าตัวน้อยได้ผล็อยหลับไป
ท้ายที่สุดขนอุยก็ยังเป็นเพียงทารกแรกเกิดที่ยังอ่อนแอมาก และมันก็จำเป็นที่จะต้องนอนเป็นเวลานานเพื่อให้ร่างกายได้เติบโต
“เซี่ยเฟยมาที่สำนักงานคณะกรรมการเดี๋ยวนี้ ฉันหวังว่าคุณจะมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” เหนียนฟู่กวงผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการกล่าวผ่านระบบสื่อสารด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับกลับไปก่อนที่เขาจะปิดระบบสื่อสารลง
การปะทะระหว่างยานของเซี่ยเฟยกับหลี่โม่ทำให้หลี่โม่หมดสิทธิ์การแข่งขันในครั้งนี้ทันที และถึงแม้ว่ายานของหลี่โม่จะยังพอขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่การขับยานโดยที่ระบบขับเคลื่อนได้รับความเสียหายแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัย
ทันทีที่เซี่ยเฟยขับยานลงไปจอดและเดินลงมาจากยาน เขาก็ได้พบกับหลี่โม่ที่กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาที่อาฆาต
ภาพเหตุการณ์นี้ถูกถ่ายทอดสดสู่สายตาผู้ชมทั่วทั้งพันธมิตร หลี่กวนจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะเดินมาพูดกับลูกชายของตัวเอง
“ถึงลูกจะแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ลูกปลอดภัยก็พอแล้ว”
หลังจากพูดจบหลี่กวนก็จากไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เพราะในฐานะที่พวกเขาเป็นชนชั้นสูงไม่ว่าหลี่โม่จะรู้สึกโกรธมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ควรจะทำอะไรต่อหน้าสายตามวลชนทั่วทั้งพันธมิตร เพราะเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ตระกูลหลี่เสียหน้าไปมากแล้ว
“อะไรกัน นายอยากจะกัดฉันเหรอ?” เซี่ยเฟยพูดหยอกล้อหลี่โม่ด้วยรอยยิ้มจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
—
ในที่สุดการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ในปีนี้ก็จบลง โดยที่หลี่โม่ได้รับอันดับ 3 เนื่องมาจากว่าเขาพลาดการแข่งขันในรอบสุดท้าย
เมื่อได้เห็นหลี่โม่กำลังยืนกัดฟันอยู่บนแท่นรางวัลอันดับ 3 เซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับหันหน้าไปพูดกับเหนียนฟู่กวงที่กำลังขมวดคิ้ว
“ผมบอกพวกคุณแล้วว่ามันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ในสถานการณ์ที่ยานรบสูญเสียการควบคุมอย่างกะทันหันผมจะไปทำอะไรได้ นอกจากนี้ผมยังพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น พวกคุณก็น่าจะเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงและไม่มีใครเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะอธิบายเรื่องสว่านเจาะทะลวงที่ติดอยู่บนยานรบของคุณได้ยังไง?”
“ผมคิดว่าในงานแข่งอาจจะซ่อนวัตถุเอาไว้ในสภาพแวดล้อมที่เข้าถึงได้ยาก ผมเลยติดตั้งมันเผื่อไว้ก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะอธิบายเรื่องที่คุณทำการดัดแปลงท่อส่งพลังงานของยานรบว่ายังไง? คุณก็น่าจะรู้ว่าการทำแบบนั้นมันอาจจะทำให้ยานรบสูญเสียการควบคุม”
“ถ้าผมอยากได้รับชัยชนะผมก็จำเป็นจะต้องแบกรับความเสี่ยงเอาไว้ แต่ผมก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ ยานรบจะสูญเสียการควบคุมและพุ่งเข้าไปชนคนอื่น”
“นี่คุณ!”
ไม่ว่าทางคณะกรรมการจะตั้งข้อสงสัยขึ้นมาแบบไหน เซี่ยเฟยก็สามารถตอบคำถามกลับไปได้อย่างสบาย ๆ เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่มีใครมีหลักฐานว่าเขาจงใจจะก่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เว้นแต่ว่าชายหนุ่มจะยอมรับเองมันก็ไม่มีใครสามารถเอาผิดเขาได้
“โอเค คุณกลับไปได้” เหนียนฟู่กวงโบกมือไล่เซี่ยเฟยกลับไป เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จะเอาผิดชายหนุ่มตรงหน้าได้จริง ๆ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องของคณะกรรมการ
“หัวหน้าพวกเราควรจะทำยังไงดี? ไม่ว่าจะมองยังไงเซี่ยเฟยก็จงใจก่ออุบัติเหตุในครั้งนี้ขึ้นมา”
“แบนเขาออกจากสมาคมถาวร” เหนียนฟู่กวงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“บทลงโทษมันเบาไปหรือเปล่าครับ?”
“แล้วพวกเราจะทำอะไรมากกว่านี้ได้? มีใครในที่นี้มีหลักฐานพอจะเอาผิดเขาได้ไหม?” เหนียนฟู่กวงกล่าวพร้อมกับจ้องไปทางคนพูดแย้งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
—
เซี่ยเฟยกลับไปที่ห้องพักเพื่อเก็บข้าวของ เพราะท้ายที่สุดการแข่งขันก็จบลงแล้วและเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องพักอยู่ในห้องนี้อีกต่อไป
ระหว่างทางฝูงชนได้จ้องมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร โดยเฉพาะความโหดเหี้ยมที่ชายหนุ่มได้แสดงออกมาในการแข่งขันรอบสุดท้าย เพราะไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถมองเห็นเจตนาของเซี่ยเฟยได้อย่างชัดเจนว่าเขาได้พยายามลากหลี่โม่ลงมาจากบัลลังก์
หลังจากเซี่ยเฟยเก็บข้าวของลงในแหวนมิติและลูบหัวขนอุยที่พักอยู่ในกระเป๋าเสื้อเบา ๆ เขาก็เดินออกมาจากห้องพักและได้พบกับคอนสแตนตินที่กำลังยืนพิงกำแพงราวกับกำลังรอใครบางคน
“ขอบใจมาก” คอนสแตนตินกล่าวกับเซี่ยเฟย
“ไม่จำเป็น ที่ฉันทำแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เพราะว่าฉันต้องการจะช่วยนาย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ไม่ว่านายจะทำเพราะเหตุผลอะไรแต่ฉันก็คือคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด นายรู้ไหมว่าถ้าฉันไม่ได้แชมป์การแข่งขันครั้งนี้ฉันจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมือนหมีหลังจากที่ฉันได้กลับไป ดังนั้นการกระทำของนายจึงทำให้ฉันสามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ฉันเลือกเองได้ ซึ่งเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับฉันมาก” คอนสแตนตินกล่าว จากนั้นเขาก็ได้หยิบป้ายโลหะสีดำออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยื่นให้กับเซี่ยเฟย
“ถ้ามีโอกาสก็มาที่อาณาจักรเทียนโลหิตนะ นี่คือป้ายสัญลักษณ์ตระกูลของเรา ซึ่งมันจะให้คำรับรองได้ว่านายจะสามารถอยู่ในอาณาจักรของฉันได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้มันยังมีบันทึกเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดที่จะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเทียนโลหิตด้วย และนั่นก็เป็นเส้นทางที่มีคนรู้อยู่น้อยมาก”
“ถ้าฉันจำไม่ผิดอาณาจักรเทียนโลหิตอยู่ใกล้ ๆ กับภูมิภาคดาวมฤตยูใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ก็ถือว่าไม่ไกลมากนัก” คอนสแตนตินกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นบางทีพวกเราก็อาจจะมีโอกาสได้พบกันอีก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเก็บแผ่นป้ายที่มีเครื่องหมายของราชวงศ์เทียนโลหิตเข้าไปไว้ในแหวนมิติ จากนั้นเขาก็โบกมือลาและเดินลงไปหาแอวริลที่รออยู่ด้านล่าง
“ขอให้นายโชคดี ครั้งนี้นายได้ช่วยฉันเอาไว้มากจริง ๆ” คอนสแตนตินพูดกับตัวเองขณะมองเซี่ยเฟยกับแอวริลผ่านช่องหน้าต่าง
—
ศูนย์การทดลองลับของกรมทหาร
การปรากฏตัวของวิลเลียมและเลย์ตันทำให้บรรยากาศภายในศูนย์ทดลองเต็มไปด้วยความตึงเครียด พนักงานในศูนย์ทดลองแต่ละคนต่างก็พยายามทำงานไม่ให้มีข้อผิดพลาด เพราะมันไม่มีใครอยากสร้างความประทับใจที่ไม่ดีเอาไว้ให้กับ 2 ใน 3 จอมพล
ท้ายที่สุดจอมพลทั้งสามคนก็มีอำนาจคุมกองทัพทั่วทั้งพันธมิตร จนมันมีคำพูดติดปากในกรมทหารว่าการไปยุ่งกับพระราชาดีกว่าการเข้าไปแตะต้อง 3 หมาป่าแห่งกรมทหาร
3 หมาป่าแห่งกรมทหารในที่นี้ก็ไม่ได้หมายถึงใครอื่นใดเลย นอกจาก 3 จอมพลแห่งกรมทหารนั่นเอง โดยวิลเลียมรับหน้าที่เป็นเสนาธิการของกองบัญชาการ, เลย์ตันรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองยานสูงสุดและจอมพลไทสันผู้ซึ่งรับผิดชอบบัญชาการกรมทหารทั้งหมดจนทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็นราชาของฝูงหมาป่า
กองทัพก็เหมือนกับฝูงหมาป่าที่มีวิลเลียม, เลย์ตันและไทสันเป็นหัวหน้าฝูงที่คอยสั่งการ และพวกเขาก็จะสามารถแสดงความน่ากลัวออกมาได้มากที่สุดในเวลาที่พวกเขาได้ทำงานร่วมกัน
ทั้งสามจอมพลได้ร่วมงานกันเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว และผลงานของพวกเขาทั้งสามก็ได้รับการขนานนามให้พวกเขาเป็น 3 จอมพลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเป็นรองเพียงแค่จอมพลดูริสเท่านั้น
ท่ามกลางสงครามอันยาวนานระหว่างพันธมิตรกับพวกเซิร์กมีจอมพลที่มีชื่อเสียงปรากฏตัวขึ้นมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งในบรรดาจอมพลทั้งหมดจอมพลดูริสเป็นจอมพลที่โดดเด่นที่สุด เพราะเขาได้เข้ามากอบกู้สถานการณ์ที่ยากลำบาก และเคยนำกองทัพบุกเข้าไปห่างจากดินแดนของเซิร์กเพียงแค่วาร์ปเดียว
การบุกครั้งนั้นคือการเข้าใกล้ดินแดนของพวกเซิร์กมากที่สุด เพราะหลังจากสงครามในครั้งนั้นก็ไม่เคยมีกองยานกองไหนเข้าใกล้พวกเซิร์กได้มากขนาดนั้นอีกเลย
แต่เหล่าบรรดาทหารภายในกรมเชื่อว่า 3 จอมพลในยุคปัจจุบันเกิดในช่วงเวลาแห่งความสงบ พวกเขาจึงไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะมีผลงานนำหน้าจอมพลดูริสในตำนานไปแล้ว
เมื่อวิลเลียมกับเลย์ตันได้เดินเข้าไปในศูนย์ควบคุม พวกเขาก็ได้พบกับชายชราผมขาวร่างผอมผู้สวมแว่นตาหนาเตอะ ทำให้ดูเหมือนชายชราคนนี้เป็นศาสตราจารย์ที่อยู่ในมหาวิทยาลัย
“ไทสันมาแล้วหรือยัง?” เลย์ตันถาม
“จอมพลไทสันก็มาด้วยเหรอครับ? ทำไมผมถึงไม่ได้รับแจ้งในเรื่องนี้เลย” ชายชราผมขาวอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ตารางงานของไทสันเป็นความลับของกรมทหาร ทำไมพวกเราถึงจำเป็นจะต้องแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าด้วย!” เลย์ตันตะคอกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
เมื่อชายชราผมขาวได้ยินแบบนั้นเขาก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ วิลเลียมจึงช่วยเข้าไปพยุงไหล่และส่งเขาออกไปจากห้อง
“คุณไม่จำเป็นจะต้องกังวล ขอแค่ทำตามที่พวกเราบอกก็พอ”
ชายชราพยักหน้าอย่างเร่งรีบโดยในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณ
หลังจากปิดประตูวิลเลียมก็หยิบกระป๋องน้ำเมเปิ้ลเชื่อมออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่เขาจะกระดกน้ำเชื่อมเข้าไปภายในปาก
“นายเป็นอะไรไป? ทำไมถึงต้องกังวลขนาดนั้นด้วย พวกเราพึ่งจะนำอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จให้กับไทสัน เขาจะมาดูการทดลองนี้หรือไม่มาดูมันก็เป็นเรื่องของเขา”
“ผลลัพธ์ของอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จมันน่าอัศจรรย์มากจนเกินไป แต่น่าเสียดายที่บริษัทควอนตัมยังเป็นเพียงแค่บริษัทขนาดเล็ก ซึ่งฉันคิดว่าพวกเขาก็คงจะไม่สามารถจัดหาสินค้ามาให้กับกองทัพของพวกเราได้ นายก็รู้ใช่ไหมว่าไทสันมาจากตระกูลของทหารและเขาก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับประเพณี ดังนั้นมันจึงแทบที่จะไม่มีโอกาสที่เขาจะเพิ่มบริษัทขนาดเล็กเข้าไปในรายชื่อซัพพลายเออร์ระดับ A ของกองทัพ” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แล้วมันทำไม? อย่างมากพวกเราก็แค่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้” วิลเลียมกล่าวขึ้นมาด้วยความสับสน
“นี่นายยังเป็นเสนาธิการอยู่ได้ยังไง! การมีอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จก็เปรียบเสมือนกับการมีทหารที่ยอดเยี่ยมนั่นแหละ มันจะมีผู้บัญชาการคนไหนที่ไม่อยากมีทหารที่ดี ยิ่งพวกเราได้รับอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จพวกนี้ มันก็ยิ่งทำให้พวกเรามีความเสียหายน้อยลง” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“นั่นสินะเหตุผลที่นายรู้สึกกังวล ความจริงไทสันก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเพณีมากขนาดนั้นหรอก ตราบใดก็ตามที่เขาเห็นว่าอุปกรณ์นี้ดีพอ ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องพิจารณามันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ถึงแม้ว่าไทสันจะไม่ยอมรับบริษัทควอนตัมเข้าสู่รายชื่อซัพพลายเออร์ระดับ A แต่เขาก็ยังสามารถเอาชื่อบริษัทควอนตัมเข้าสู่รายชื่อของซัพพลายเออร์ระดับ C ได้อยู่ดี” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“กองทัพหลักควรจะได้ใช้ของดี ๆ พวกนี้หรือเปล่า? ถ้าบริษัทควอนตัมได้เข้าสู่รายชื่อซัพพลายเออร์ระดับ C มันก็หมายความว่าคนที่ได้ใช้อุปกรณ์พวกนี้ก็จะเป็นกองทัพของแต่ละท้องถิ่นแทนนะสิ” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทหารยามก็เปิดประตูห้องก่อนที่ชายผิวดำร่างใหญ่จะเดินเข้ามาภายในห้องอย่างเร่งรีบ
ชายผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่, มีคางกว้าง, โหนกแก้มสูง, แววตาดูมุ่งมั่นและที่สำคัญคือมีดาวสีทอง 6 แฉกประดับอยู่บนอก ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงว่าชายคนนี้คือจอมพลของกองทัพ!
แน่นอนว่าชายคนนี้ยอมไม่ใช่ใครที่ไหนเลย นอกเสียจากจอมพลผู้มีอำนาจมากที่สุดผู้เป็นราชาผู้ปกครองกองทัพ
ไทสัน!
ไทสันถอดหมวกของเขาออกเผยให้เห็นเส้นผมสีเงินเป็นประกายที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเข็มเหล็ก และด้วยเส้นผมที่โดดเด่นเช่นนี้นี่เองมันจึงทำให้ไทสันได้รับฉายาว่าจอมพลผมเงิน
“พวกนายอยากให้ฉันดูอะไร ถึงขนาดต้องให้ฉันมาที่นี่ด้วยตัวเอง?” ไทสันกล่าวหลังจากที่เขานั่งตรงกลางห้องศูนย์ควบคุม
การปรากฏตัวของไทสันทำให้เลย์ตันรู้สึกเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่วิลเลียมยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม
“ฉันกับเลย์ตันได้เจออุปกรณ์ที่ดีมาก ๆ ชื่อว่าอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ โดยมันสามารถเพิ่มพลังป้องกันของยานรบได้มากกว่า 30% ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเราติดตั้งอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ 4 ตัวเข้าด้วยกัน มันก็จะสามารถปรับปรุงพลังป้องกันของยานรบได้สูงถึง 70%” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะหยิบเอกสารข้อมูลส่งให้กับไทสัน
“เริ่มการทดสอบได้เลย เดี๋ยวฉันจะอ่านเอกสารข้อมูลไปพร้อม ๆ กันด้วย” ไทสันกล่าวหลังจากที่เขาได้รับเอกสารข้อมูล
นี่คือนิสัยประจำตัวของไทสันที่มักจะทำอะไรพร้อม ๆ กันหลาย ๆ อย่างอยู่เสมอ เช่น เขามักที่จะอ่านรายงานในตอนที่เขากำลังกินข้าว หรือชอบที่จะคิดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในระหว่างที่เขากำลังนอนอาบน้ำ
วิลเลียมพยักหน้าก่อนที่จะส่งสัญญาณให้เริ่มการทดลองในทันที
ศูนย์ควบคุมอยู่เหนือห้องทดลองอยู่เล็กน้อย ทำให้ไทสันสามารถมองเห็นรายละเอียดในห้องทดลองด้านล่างได้อย่างชัดเจน
“ตัวเลขที่วัดได้ไม่เลวเลย พวกนายได้ทดสอบในสถานการณ์ตึงเครียดระดับ 5 แล้วหรือยัง?”
“ไทสันนี่นายต้องการทดสอบอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จในสถานการณ์ตึงเครียดระดับ 5 เลยงั้นเหรอ?! มันมากเกินไปหรือเปล่า?” วิลเลียมอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
***************