ตอนที่ 1161 วางใจได้ มันจะจบลง ในไม่ช้า…
แสงจันทร์จางๆ ยามค่ำคืน ได้สาดส่องลงมากระทบ หน้าผาสูง..
เย่ เทียนอวี่ ได้ดิ้นรนบิดร่างกายของเขา และพยายามหาท่าทางตำแหน่งที่สบายที่สุด อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขา ทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง ซึ่งมันอึดอัดมากจริงๆ
“นี่เป็นสมุนไพรที่ผมเพิ่งเก็บมาจากแถวๆ นี้ คุณแค่เคี้ยวๆ ใบ และกลืนมันลงไป มันจะสามารถช่วยคุณบรรเทาอาการปวดได้”
ข้างๆ เขา หลินฟาน ก็ได้โบกสมุนไพรสดๆ ต้นหนึ่งในมือไปมาต่อหน้า เย่ เทียนอวี่ : “แต่.. ก็เมื่อ ตราบใดที่คุณเล่าเรื่องของคุณให้กับผมได้ฟัง เมื่อนั้นผมก็จะให้มัน ..กับคุณ”
เย่ เทียนอวี่ ได้กัดฟันของเขาจนเสียงดัง กรอก.. เขาไม่อยากบอกกับ หลินฟาน แม้ว่าตอนนี้เขาจะตกอยู่ในมือของ หลินฟาน แล้วก็ตาม แต่เขาเองเชื่อว่ามันยังพอมีความหวังที่เขาจะสามารถหลบหนีออกจากเงื้อมมือของ หลินฟาน ได้
มาตอนนี้ หลินฟาน ได้กำลังล่อลวงเขาด้วยสมุนไพรแก้ปวด แต่ก็ต้องบอกว่าสิ่งนี้.. มันค่อนข้างล่อตาล่อใจของเขาได้มาก ยิ่งสำหรับตอนนี้ที่เขารู้สึกเจ็บปวดมากด้วย และอยากที่จะหยุดอาการเจ็บปวดเหล่านี้ ..เอามากๆ
แต่เขาก็ยังคงอดทนมันไว้ : “ไม่ ฉันไม่มีอะไรจะบอกกับนายทั้งนั้น”
หลินฟาน ได้ยกยิ้ม แล้วพูดว่า : “ดูเหมือนคุณจะยังเจ็บ ..ไม่พอ สินะ?”
หลังจากพูดจบ หลินฟาน ก็ได้เดินไปวางสมุนไพรลง
“นายอยากจะทําอะไร อย่าเข้ามา!” เย่ เทียนอวี่ ตกใจมาก เขาไม่รู้ว่า หลินฟาน คิดอยากจะทําอะไร : “หากนายเข้ามาอีก ฉันจะร้องตะโกน!”
หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณ.. ก็ร้องเอาสิ ที่นี่รกร้างมากขนาดนี้ ต่อให้คุณตะโกนออกไปให้คอแตกตาย ..ก็คงจะไม่มีใครได้ยิน คุณวางใจได้ มันจะจบลงในไม่ช้า…”
พูดพลาง มือทั้งสองข้างของ หลินฟาน ก็ได้วางลงบนไหล่ของ เย่ เทียนอวี่ แล้ว
แคร็ก!
ได้มีเสียงแตกหักที่คมชัดดังขึ้น ซึ่งมันก็ทําให้คนที่ได้ยินถึงกับหนังศีรษะชา แน่นอนในเวลานี้ ไหล่ของ เย่ เทียนอวี่ ได้หลุดออกมาเรียบร้อยแล้ว
“อ๊าาก!”
เย่ เทียนอวี่ ก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องอย่างเสียดแทงหัวใจออกมาในทันที
หลินฟาน ได้ยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า : “โอ้วว.. ใช่ ผมเองบอกคุณไปแล้วไงว่ามันจะไม่ช้า มาคราวนี้.. คุณพูดมันได้แล้วหรือยัง? โอ้จริงสิๆ คุณก็ยังเหลือหัวไหล่อีกข้างหนึ่งอยู่ หากไม่พอ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะให้มันหลุดเพิ่มไปอีกข้างหนึ่ง ฮ่าๆ ให้ตาย.. ลืมไปซะสนิทเลย ต้นขาของคุณข้างหนึ่งก็สามารถทำได้อีกสักสองสามท่อนได้.. คุณอยากที่จะลองดูไหม?”
เย่ เทียนอวี่ ที่ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดที่จะหนังศีรษะชาไม่ได้ นี่มันโหดเหี้ยมเกินไป ผู้ชายคนนี้นี่มัน ..โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
จริงๆ แล้ว หลินฟาน ก็ไม่ได้คิดที่จะเสแสร้งทำอยู่แล้ว ตํารวจสอบสวนผู้ต้องสงสัย ต้องปฏิบัติตามกฎ และไม่สามารถลงมือกระทำใดๆ ต่อผู้ต้องสงสัยได้ หลินฟาน ที่อยู่กับตํารวจมาก่อน และเขาเองก็ได้ปฏิบัติตามกฎนี้ แต่บางครั้งถ้าคุณไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพื่อควบคุมความรุนแรง ผู้ต้องสงสัยก็คงจะไม่พูดมันออกมา
และมันก็เช่นเดียวกับ เย่ เทียนอวี่ คนนี้ หากเป็นไปตามการสอบสวนของตํารวจ เขาอาจจะไม่พูดด้วยซ้ำ แม้ว่าในที่สุดเขาจะพูดออกมาแล้วก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือการเข้าจับกุม หง จินเม่า ได้ ..ในคืนนี้ เดิมทีสามารถถามที่อยู่ของ เย่ เทียนอวี่ โดยตรงจากปากของ หง จินเม่า ได้ แต่เนื่องจาก หง จินเม่า ได้ปฏิเสธที่จะพูด และบอกเพียงว่าเขาจะเรียกหาทนายความ ทางตํารวจก็ไม่สามารถทําอะไรกับเขาได้อีกต่อไป หลินฟาน จึงต้องใช้วิธีอื่นในการติดตามหาเบาะแสด้วยตัวเอง
แต่แล้ว ..ในทางตรงข้าม หลังจากที่ผู้หญิงที่สวมผ้าพันคอปกปิดใบหน้าคนนั้น ที่ได้เข้าแย่งชิงตัว หง จินเม่า ไป เธอก็กลับไม่คิดที่จะสุภาพใดๆ กับ หง จินเม่า และเข้าทรมาน หง จินเม่า จนอีกฝ่ายก็ได้ให้คําตอบแก่เธอ ..อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้วิธีนี้มันก็ทำให้เธอได้รู้ที่อยู่ของ เย่ เทียนอวี่ ได้เร็วกว่า หลินฟาน อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันก็ยิ่งทําให้เรื่องราวมันซับซ้อนขึ้นมากมาย
หลินฟาน ไม่ใช่ตำรวจ.. และตอนนี้ก็ไม่มีตำรวจอยู่ด้วยที่นี่ แน่นอน หลินฟาน สามารถตัดสินใจที่จะใช้วิธีการของเขาเองได้
แม้ว่า เย่ เทียนอวี่ จะเป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่เขาก็เป็นเพียงขยะ เป็นผู้ชายที่เลวทรามคนหนึ่ง ..เมื่อมาอยู่ต่อหน้า หลินฟาน และแน่นอนว่าเขา ..ไม่มีทางทนต่อการทรมานของ หลินฟาน ได้เลย
ไม่มีทาง ใครจะไปคิดล่ะว่า หลินฟาน นอกจากจะมีพลังที่น่าทึ่งแล้ว เขากลับยังมีทักษะทางการแพทย์ที่น่าทึ่งด้วย พอเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่า หลินฟาน มีวิธีการมากมายที่จะทําให้ เย่ เทียนอวี่ รู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงขีดสุด
การทำให้หัวไหล่ของเขาหลุดไปหนึ่งข้าง พูดได้แค่ว่า ..เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น
มือของ หลินฟาน ได้กดเข้าที่หัวไหล่อีกข้างหนึ่งของ เย่ เทียนอวี่ แล้ว ตั้งใจจะจัดการกับไหล่อีกข้างของเขา..
“หยุด.. นายหยุด!” เย่ เทียนอวี่ ในตอนนี้ได้รีบกล่าวอย่างลนลาน เขาได้รีบพูดว่า : “นายมันเรียกตัวเองว่าเป็นพลเมืองที่กระตือรือร้นไม่ใช่เหรอไง? ถ้าเช่นนั้นนายเองก็ต้องอยู่ข้างเดียวกับตํารวจ แล้วการที่นายเข้ามาทรมานฉันแบบนี้ นี่คือไม่กลัวว่าฉันจะบอกกับตํารวจ!”
หลินฟาน ได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “คุณดูสิว่า.. สภาพของคุณในตอนนี้มันเป็นยังไง.. คุณเองได้รับบาดเจ็บมา ส่วนผมก็แค่ช่วยคุณเพิ่มอาการบาดเจ็บก็เท่านั้น แบบว่าคุณที่ได้ตกลงไปในกระแสน้ำจากใต้ภูเขา และก็ได้รับบาดแผลที่มีตามร่างกายนี้มาทั้งหมด อื้มม.. ฟังดูดีจริงๆ โอเค ผมจะบอกกับตํารวจไปตามความจริงที่ว่านี้.. ให้เอง”
นี่มันไร้ยางอายสิ้นดี!
เย่ เทียนอวี่ เกือบจะร้องไห้ไปด้วยความโกรธแล้ว
แคร็ก!
หลินฟาน ที่เพิ่งพูดจบ มือข้างหนึ่งของเขาก็ได้ออกแรงเล็กน้อย ทําให้ไหล่อีกข้างหนึ่งของ เย่ เทียนอวี่ หลุดออก
“อ๊าาก!”
เย่ เทียนอวี่ ก็ได้กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง ไหล่ทั้งสองข้างของเขารู้สึกเจ็บปวดมาก หน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ขนาดเท่ากับเม็ดถั่วด้วยความเจ็บปวดของเขาในเวลานี้ก็ทำให้ใบหน้าของเขาถึงกลับบิดเบี้ยวไป
“อืมม, ต่อไปจะทําอะไรต่อดี?” หลินฟาน ได้พึมพําเบาๆ และดูเหมือนว่าเขากำลังจะไตร่ตรองบางอย่างอยู่ : “โอ้.. ใช่แล้ว ต้นขาของคุณเองก็ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนในก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ? ผมจะเพิ่มอาการบาดเจ็บให้กับคุณหน่อยแล้วกัน แถมมันอาจจะทำให้เส้นเลือดใหญ่ของคุณแตก ด้วยวิธีนี้ ..ไม่เพียงแต่คุณจะเพลิดเพลินไปกับความเจ็บปวดที่รุนแรงเกินกว่าขีดจํากัดของมนุษย์แล้ว คุณก็ยังสามารถมองดูเลือดของตัวเองได้ด้วยตาของคุณเองได้ อืมม.. ความคิดนี้ถือว่าไม่เลว”
เย่ เทียนอวี่ ที่ได้ยินคําพูดของ หลินฟาน วิญญาณของเขาเกือบจะตกใจจนบินหลุดออกจากร่าง ผู้ชายคนนี้ ..ไม่คิดเลยหรือว่าความคิดนี่มันดูรุนแรงเกินไป
เมื่อเห็นว่า หลินฟาน กําลังจะลงมือทํา เย่ เทียนอวี่ ก็ได้รีบร้อนร้องตะโกนออกมาว่า : “พอ.. ห.. หยุด ฉันบอกให้หยุดไง ฉันจะพูด ฉันจะพูดแล้ว ได้โปรดหยุดๆ!”
หลินฟาน ที่ได้พูดไปเมื่อกี้ ก็แค่คิดขู่เขานิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้าหากเขายังไม่กลัว ก็แค่ลงมือทำ ..แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่า ผู้ชายคนนี้จะกลัวจริงๆ
“เอาล่ะ งั้นคุณก็บอกทุกอย่างออกมา โอ้.. แต่อย่าคิดที่จะโกหก เพราะถ้าคุณโกหก ผม.. ก็ดูคุณออก ถ้าผมจับได้ว่าคุณโกหก คุณเองก็คงจะรู้นะว่า ..ผลที่ตามมา มันคืออะไร?” หลินฟาน ได้พูดพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ของเขา
เย่ เทียนอวี่ ในเวลานี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก และในเวลานี้เขาเองก็เกือบจะเกลียด หลินฟาน แทบตาย ..ทำไม ทำไมในโลกนี้มันถึงได้มีคนที่เก่งขนาดนี้ไปได้อย่างไร ประเด็นก็คือเขาไม่เคยได้ยินชื่อของ หลินฟาน คนนี้มาก่อนเลย!
“..เรื่องมันเริ่มจากที่ฉันเคยทํางานเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้กับโรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง ในวันหนึ่งฉันเองบังเอิญได้พบกับผู้หญิงที่ร่ำรวยคนหนึ่ง…” เย่ เทียนอวี่ จู่ๆ เขาก็ได้ขอร้องขึ้นมาว่า : “ได้โปรดเถอะ ให้ยาแก้ปวดฉันก่อน ได้ไหม ฉันเจ็บปวดจะตายอยู่แล้ว…”
หลินฟาน จึงได้หยิบสมุนไพรต้นนั้นขึ้นมา เด็ดใบสองใบ และยัดเข้าไปในปากของ เย่ เทียนอวี่
เย่ เทียนอวี่ ก็ได้รีบเคี้ยวมันอย่างเมามัน และรีบกลืนมันลงไป เมื่อนั้นความเจ็บปวดของเขาก็ได้ค่อยๆ บรรเทาลงไปบ้าง หลินฟาน ไม่ได้โกหกเขา สมุนไพรนี้สามารถบรรเทาอาการปวดได้จริงๆ
หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณยังอยากจะกินมันอีกไหม งั้นก็ช่วยรีบๆ พูดต่อไป ดังนั้นนี่ก็คือเรื่องราวของ ชายหนุ่มผู้ยากจน ที่ได้ไปพบเจอเข้ากับ ไป๋ ฟู่เหม่ย หญิงงานที่แสนร่ำรวย?”
เย่ เทียนอวี่ พูดว่า : “ไม่.. นั่นมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คนอื่นยังจะมองมาที่ฉันได้ยังไง ถึงแม้ว่าฉันจะช่วยเธอไว้จริงๆ ก็ตาม ..วันนั้นเธอได้ไปทําธุระที่โรงแรม แต่ก็ได้มีรถคันหนึ่งเสียการควบคุม และเกือบจะชนเธอ ฉันเองบังเอิญอยู่ข้างๆ จึงได้ลงมือช่วยเธอไว้ และฉันก็มาทราบในภายหลังว่า เธอ.. มาจาก จินอวี้ กรุ๊ป”
หลินฟาน ได้ร้องโอ้ ออกมา : “เป็น.. จินอวี้ กรุ๊ป? ผมเองดูเหมือนจะเคยได้ยินมาว่าเป็นบริษัทหนึ่งในเจียงหนาน บริษัทนี้ได้ล้มละลาย และเลิกกิจการไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
จินอวี้ กรุ๊ป เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ทําการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ตาม.. บริษัทนี้ต้องเผชิญหน้ากับการล้มละลาย และได้เลิกกิจการไป เนื่องจากการจัดการที่ไม่ดี หลินฟาน เคยได้ยินเรื่องนี้มาจาก เฟิ่ง รั่วหลาน ที่เคยได้พูดเรื่องนี้กับเขา..
หลินฟาน และเฟิ่ง รั่วหลาน ได้ร่วมมือกันบริหาร รั่วฟาน แคปปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้เพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ ในช่วงนี้ หลินฟาน ไม่มีเวลาเข้าไปดูแลมัน และเป็น เฟิ่ง รั่วหลาน ที่ได้เข้าไปจัดการดูแลอยู่ ในขณะนี้..
ในก่อนหน้านี้ เฟิ่ง รั่วหลาน ก็เคยได้พูดถึง จินอวี้ กรุ๊ป นี้กับ หลินฟาน และคิดว่า บริษัทเทคโนโลยีนี้ยังพอมีค่าอยู่บ้าง เลยได้ถามกับ หลินฟาน ว่าเขาต้องการที่จะรับช่วงต่อมันหรือไม่
แต่ หลินฟาน ก็ได้ปล่อยให้ เฟิ่ง รั่วหลาน ตัดสินใจเอง สําหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของ จินอวี้ กรุ๊ป ในตอนนี้ หลินฟาน เองก็ไม่ทราบ
เย่ เทียนอวี่ กล่าวว่า : “ฉันเองติดคุกมาเกือบหนึ่งปี รายละเอียดอื่นๆ นั้นฉันเองก็ไม่รู้ และฉันเองก็ไม่กล้าถาม”
หลินฟาน กล่าวว่า : “โอ้.. งั้นคุณพูดต่อได้เลย”
เย่ เทียนอวี่ กล่าวว่า : “ในวันนั้นที่ฉันได้ช่วยหญิงสาวคนนี้ที่ได้มาจาก จินอวี้ กรุ๊ป เธอเองมีชื่อว่า หลี่ จื่อเสีย และแน่นอนว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เธอเป็นบุตรสาวคนโตของ จินอวี้ กรุ๊ป หน้าตาเธอก็สวยดูดีมาก อย่างที่คุณกล่าวจะบอกว่าเป็น ไป๋ ฟู่เหม่ย จริงๆ ก็ได้ แต่แน่นอนว่านี่ ไม่ใช่ประเด็น…”
หลินฟาน ได้ยิ้มเล็กน้อย แววตาของ เย่ เทียนอวี่ มันทรยศเขา.. ไป๋ ฟู่เหม่ย อา.. นี่แหละ แน่นอนว่านี่มันเป็นประเด็นแล้ว