ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ขาโคลน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 เด็กคนนี้สอนได้

ตอนที่ 7 พรสวรรค์


ความชำนาญโอสถเลือดลมเพิ่มขึ้นหนึ่งคะแนน เฉินเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก ความเข้าใจในการหลอมโอสถเลือดลมปรากฏในใจ

เขากินตับหมูทอดในจานสองสามคำและไม่ได้ใส่ตับหมูลงหม้ออีก มันไม่ได้ระบุว่าต้องใช้ขนาดเท่าไหร่ ดังนั้นเฉินเฟยจึงหั่นตับหมูเป็นชิ้นเล็ก

ตามจำนวนที่ซื้อไว้ เฉินเฟยสามารถทอดตับหมูได้อีกหลายสิบครั้ง แต่การทอดหลายสิบครั้งยังทำให้ไปถึงระดับเชี่ยวชาญไม่ได้

เฉินเฟยบรรจงหั่นตับหมูให้ชิ้นเล็กลงแล้วค่อยใส่ลงหม้อ เขาอยากลองว่าระบบจะนับขนาดตับหมูได้เล็กสุดเท่าไหร่

จากนั้นไม่นานตับหมูทอดซึ่งมีขนาดเท่าเล็บมือก็ออกมาจากหม้อ เฉินเฟยยิ้มจนแก้มปริ ความเข้าใจการหลอมโอสถเลือดลมปรากฏในใจอีกครั้ง

เฉินเฟยมองตับหมูที่เหลือ ใช้ฝึกได้อีกร้อยครั้ง!

พลังใจเพิ่มขึ้นเต็มเปี่ยม เฉินเฟยทอดตับหมูแบบทุ่มสุดตัวจนลืมเรื่องของตัวเอง

หนึ่งชั่วยามต่อมา ตับหมูทั้งหมดถูกทอด เฉินเฟยกินจนรู้สึกเลี่ยน ท้ายที่สุดพวกมันมีแต่ตับหมู และทักษะทำอาหารของเฉินเฟยค่อนข้างธรรมดา

แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือโอสถเลือดลมที่แสดงบนระบบถึงระดับเชี่ยวชาญ

โอสถเลือดลมระดับเชี่ยวชาญรับประกันได้ว่าการหลอมโอสถเลือดลมในแต่ละเตาจะประสบความสำเร็จและไม่เกิดสถานการณ์เตาไหม้

เหลือเพียงรูปลักษณ์ของโอสถเลือดลมที่ไม่อาจรับประกัน แต่การนำไปขายไม่น่ามีปัญหา

“จะขายให้ศูนย์การแพทย์หรือร้านค้าในเมือง?”

เฉินเฟยครุ่นคิด เมื่อเทียบคนรับใช้กับผู้คุ้มกัน ความต้องการลดลงไปมากอย่างไม่ต้องสงสัย หากมีกฎว่ารายได้อื่นต้องมอบให้ศูนย์การแพทย์ ผู้คุ้มกันคงได้หนีไปหมด

การขายให้ศูนย์การแพทย์น่าจะดีที่สุด ศูนย์การแพทย์คงไม่ปฏิบัติต่อผู้คุ้มกันอย่างเลวร้าย และของอย่างโอสถเลือดลมไม่ได้เป็นของมีค่าขนาดนั้น

เฉินเฟยลังเล มันจะเด่นเกินไปหรือไม่หากเขาแสดงการหลอมโอสถ?

“ขายให้ศูนย์การแพทย์!”

หลังคิดอยู่ครู่หนึ่งเฉินเฟยก็ตัดสินใจได้ มันเป็นเพียงโอสถเลือดลม การแสดงคุณค่าบางอย่างจะทำให้ศูนย์การแพทย์สนใจในตัวเฉินเฟยมากขึ้น

ตอนนี้เฉินเฟยอยู่ในสถานะผู้คุ้มกันศูนย์การแพทย์

โลกนี้อันตรายอย่างยิ่งซึ่งเฉินเฟยได้รับประสบการณ์จากภูเขาผิงหยินโดยตรง หากในอนาคตมีภารกิจอันตราย  เขาคงถูกบังคับให้เข้าร่วมจนตัวตาย

ตอนนี้เฉินเฟยเป็นผู้คุ้มกันของศูนย์การแพทย์ซึ่งมีสถานะที่เกี่ยวพันธุ์อย่างสมบูรณ์

“แสดงโอสถเลือดลมระดับเริ่มต้นก่อน จากนั้นค่อยแสดงโอสถเลือดลมระดับเชี่ยวชาญจะได้ไม่เกินจริงเกินไป”

เฉินเฟยวางกลยุทธ์ในใจ เขาทำความสะอาดพื้นที่บริเวณนี้และรีบกลับไปพบเจิงเต๋อฟางที่ห้องหลอมโอสถของศูนย์การแพทย์

“วางสูตรโอสถไว้บนโต๊ะ”

เจิงเต๋อฟางเงยหน้ามองเฉินเฟยจากนั้นก้มลงมองตำราแพทย์ในมือต่อโดยคิดว่าเฉินเฟยแค่นำสูตรโอสถมาคืน

“ผู้อาวุโสเจิง สองวันที่ผ่านมาข้าลองหลอมโอสถเลือดลมและทำมันสำเร็จแล้ว”

เฉินเฟยวางสูตรโอสถแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“หืม?”

เจิงเต๋อฟางขมวดคิ้ว เขามองเฉินเฟยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ครั้งก่อนข้าบอกเจ้าแล้วว่าศูนย์การแพทย์จะไม่ให้สมุนไพรเจ้าโดยเปล่า”

“ใช่ ข้าจะจ่ายค่าสมุนไพรของโอสถเลือดลมและหลอมโอสถที่นี่ หวังว่าผู้อาวุโสเจิงจะชี้แนะให้ข้าสักเล็กน้อย” เฉินเฟยประสานมือพูด

“ข้าไม่ว่าง เจ้าไปให้คนอื่นชี้แนะเถอะ”

เจิงเต๋อฟางเม้มปาก เจ้าเด็กนี่ประหลาดเสียจริง อ่านสูตรโอสถเพียงสองวันกลับบอกว่าสามารถหลอมโอสถเลือดลมได้ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?

และยังต้องการให้ชายชราไปดูเจ้าหลอมโอสถอีก เห็นว่าข้าว่างนักหรือ!

เมื่อไม่กี่ปีก่อนเคยมีคนใช้เรื่องแบบนี้เข้าใกล้เขา แต่ผลที่ได้จากการหลอมโอสถนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ดังนั้นเจิงเต๋อฟางจึงไม่อยากคุยกับเฉินเฟย ตอนแรกเขารู้สึกสงสารเพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เฉินเฟยจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากคนรับใช้เป็นผู้คุ้มกัน แต่ตอนนี้ความสงสารนั้นได้หายไปแล้ว

“ผู้อาวุโสเจิง ข้าไม่จำเป็นต้องพูดเล่นกับเรื่องเช่นนี้และไม่ได้คิดแกล้งท่านด้วย”

พอเห็นท่าทางของเจิงเต๋อฟาง เฉินเฟยเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเริ่มพูดจากใจจริง “เมื่อเริ่มหลอมโอสถแล้วผู้อาวุโสเจิงสามารถหยุดข้าได้ทันทีหากเห็นข้อผิดพลาด ดีหรือไม่?”

เจิงเต๋อฟางเป็นผู้อาวุโสของศูนย์การแพทย์ชิงเจิ้ง ถ้าได้รับการเห็นชอบจากเขาคนอื่นจะไม่ตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเฉินเฟยต้องการตั้งหลักอย่างมั่นคงในศูนย์การแพทย์และได้รับทรัพยากรมากขึ้น การผูกมิตรเจิงเต๋อฟางย่อมเป็นวิธีที่ดี

นอกจากนี้เจิงเต๋อฟางยังขึ้นชื่อว่าใบหน้าเย็นชาจิตใจอบอุ่น เขาเต็มใจสนับสนุนรุ่นเยาว์ที่มีศักยภาพ ไม่อย่างนั้นเฉินเฟยคงไม่ได้สูตรโอสถไป

เจิงเต๋อฟางมองเฉินเฟย เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเฉินเฟยจึงใจอ่อนลง

“เอาล่ะ เจ้าหลอมโอสถเพียงครั้งเดียว ข้าจะดูว่าเจ้าอยู่ในระดับใด”

“ขอบคุณผู้อาวุโสเจิง”

เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เขาหยิบสมุนไพรหลอมโอสถเลือดลมออกมาจากห่อด้านหลังและไปนั่งหน้าเตาหลอม

เฉินเฟยทำความสะอาดเตาหลอมอย่างเงอะงะ จากนั้นจุดไฟและใส่สมุนไพรลงไป

เจิงเต๋อฟางขมวดคิ้วเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเฉินเฟยดูไม่ค่อยชำนาญ ดูแล้วน่าจะหลอมโอสถไม่ได้เลย แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งได้รับสูตรโอสถไปเพียงสองวันจึงพอเข้าใจได้ อย่างน้อยขั้นตอนพื้นฐานก็ไม่มีปัญหา

ก้าวแรกไม่คุ้นเคย แต่เฉินเฟยยังคงนิ่งสงบ

โอสถเลือดลมระดับเชี่ยวชาญเทียบได้กับนักหลอมโอสถที่หลอมโอสถมาหลายปี ตั้งแต่สมุนไพรถูกใส่ลงในเตาหลอม ทุกอย่างก็เป็นไปตามจังหวะของเฉินเฟย

ทุกการเปลี่ยนแปลงในเตาหลอมอยู่ในการคาดการณ์ของเฉินเฟย

สมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเลือดลมมีเพียงไม่กี่อย่าง คุณสมบัติสมุนไพรจึงเปลี่ยนแปลงไม่มาก หากเชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็จะรู้ผลลัพธ์ที่อยู่ในเตา

แต่เฉินเฟยยังไม่สามารถแสดงระดับเชี่ยวชาญ ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในเตา เฉินเฟยจึงจงใจไม่ปรับเม็ดโอสถให้ทันเวลา

สิ่งนี้จะส่งผลต่อคุณภาพเม็ดโอสถแต่ไม่ทำให้เตาไหม้ นี่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่ยอมรับได้

เจิงเต๋อฟางจ้องมองเฉิยเฟย ตอนแรกเขาไม่เชื่อ ต่อมารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และตอนนี้สับสนยิ่งนัก

แน่นอนว่าขั้นตอนการหลอมโอสถของเฉินเฟยมีข้อบกพร่องมากมาย หากข้อบกพร่องเหล่านี้ปรากฏในนักหลอมโอสถอาวุโสคนอื่น พวกเขาจะได้รับคำวิจารณ์และต้องกลับไปปรับปรุงตัว

แต่สำหรับผู้มาใหม่อย่างเฉินเฟยที่เพิ่งติดต่อกับเจิงเต๋อฟางได้ไม่กี่วัน นี่จึงเป็นเรื่องปกติ ในเวลานี้การแสดงของเฉินเฟยค่อนข้างน่าทึ่งในสายตาเจิงเต๋อฟาง

ครึ่งชั่วยามต่อมา เมื่อฝาเตาหลอมเปิดออก กลิ่นโอสถก็ลอยอบอวล

เจิงเต๋อฟางเดินเข้ามา มองโอสถเลือดลมที่เฉินเฟยมอบให้

เม็ดโอสถไม่ค่อยกลม มีสมุนไพรบางตัวไม่ได้ผสมอยู่ในกลิ่นหอมของโอสถ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อความจริงที่ว่ามันคือโอสถเลือดลม

เจิงเต๋อฟางเงยหน้ามองเฉินเฟยอย่างจริงจัง ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวคือเฉินเฟยเคยหลอมโอสถมาก่อน แต่ความคิดนี้ถูกปัดทิ้งทันที

ก่อนหน้านี้เป็นคนรับใช้ แล้วเขาจะหลอมมันได้ยังไง?

เฉินเฟยผู้นี้มีพรสวรรค์ในการหลอมโอสถจริงหรือ?