ตอนที่ 5 เนื้อร้ายติดกระดูก
ความเร็วเท่านี้ช้าเกินไป ท้ายที่สุดเฉินเฟยอายุมากแล้ว ยิ่งอายุมากยิ่งบ่มเพาะยาก นอกจากนี้หลังเฉินเฟยฆ่าฉีชุน เส้นสีดำบนข้อมือยังหนาขึ้น
[สถานะ: เนื้อร้ายติดกระดูก]
เมื่อวันก่อนมีการเปลี่ยนแปลงบนแผงระบบ การเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจง่ายสุดคือเฉินเฟยรู้สึกว่าตัวเองหมดเรี่ยวแรง
หลังทะลวงระดับขัดเกลาผิวหนัง พละกำลังและประสาทสัมผัสของเฉินเฟยก็พัฒนาขึ้นมาก แต่หลังจากเนื้อร้ายติดกระดูกเพิ่มเข้ามา เฉินเฟยพบว่าพละกำลังของเขาเกือบจะเท่ากับคนธรรมดาหรือแย่ยิ่งกว่า
ด้วยสถานการณ์แบบนี้เฉินเฟยจึงไม่กล้านิ่งเฉย เขาไปถามหมอในศูนย์การแพทย์ทันทีและได้รับคำตอบมา
นี่คือรอยประทับของความประหลาด หมายความว่ารอยประทับจะสลายไปเมื่อความประหลาดนั้นถูกทำลาย หรือถ้าการบ่มเพาะของเขาแข็งแกร่งพอก็สามารถลบรอยประทับนี้
แต่ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนก็สามารถกินโอสถเสริมเลือดลมต้านทานพลังด้านลบ
แต่เฉินเฟยไม่ไปหาโอสถมากินเพราะไม่มีเงินจ่าย ดังนั้นทางที่เหลืออยู่คือเพิ่มการบ่มเพาะของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่กล้าบอกให้ศูนย์การแพทย์รู้ว่าตัวเองโดนหมายหัว พระเจ้ารู้ดีว่าหากศูนย์การแพทย์พบว่ามันเป็นเรื่องลำบากพวกเขาจะส่งตัวเขาไปทันที
“ได้เวลาไปหาผูเหลียวแล้ว”
ตอนเย็น เฉินเฟยมาถึงประตูห้องผูเหลียวแล้วเคาะเบาๆ
“ใคร?” เสียงแหบพร่าของผูเหลียวดังขึ้น
“หัวหน้าผู ข้าเอง” เฉินเฟยตอบเสียงเบา
“มีอะไร!”
ประตูเปิดออก ผูเหลียวมองเฉินเฟยแต่ไม่ได้ให้เฉินเฟยเข้ามา
“หัวหน้าผู ท่านพอมีเวลาสอนวิชาของศูนย์การแพทย์หรือไม่?”
“โอ้ เจ้ามาเพื่อสิ่งนี้เอง”
ผูหลียวรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นมือเฉินเฟยว่างเปล่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้ “เมื่อสองสามวันก่อนข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าช่วงนี้ข้าไม่ว่าง ข้าจะสอนเจ้าเมื่อมีเวลา เจ้าไม่เข้าใจหรือ?”
“ไม่ทราบว่าหัวหน้าผูจะมีเวลาว่างเมื่อไหร่?”
“มีหลายอย่างที่ต้องทำ ข้าจะรู้ได้อย่างไร หากว่างเมื่อไหร่ข้าจะบอกเอง”
ผูเหลียวใจร้อนเล็กน้อย เขาโบกมือปัดแล้วพูด “เอาล่ะ ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไป ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ ไม่มีเวลาต้อนรับ!”
ผูเหลียวหันหลังกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู แต่ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทก็ถูกมือขวางไว้เสียก่อน
“รนหาที่ตาย!” ผูเหลียวเบิกตากว้างจ้องมองเฉินเฟย
“หัวหน้าผู ข้าคิดไว้แล้วว่าช่วงนี้ท่านอาจไม่ว่างจึงไม่อยากรบกวน ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีตำราวิชาหรือไม่ ข้าสามารถฝึกฝนด้วยตัวเองได้”
เฉินเฟยพูดอย่างนิ่งสงบราวกับไม่เห็นสีหน้าผูเหลียว
ตอนนี้เฉินเฟยเข้าใจแล้วว่าผูเหลียวแค่ต้องการเงิน แต่เฉินเฟยเพิ่งย้ายมาเป็นผู้คุ้มกันได้สามวันแล้วจะไปหาเงินจากไหน แม้แต่ค่าจ้างผู้คุ้มกันยังได้เพียงห้าตำลึงเงินต่อเดือน
แต่ผูเหลียวจะสนใจเงินแค่ห้าตำลึงได้ยังไง มาทำให้เรื่องนี้ชัดเจนดีกว่า
“เจ้าอยากฝึกเอง? ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผูเหลียวหัวเราะเสียงดัง สายตาเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม ใช้เวลาสี่เดือนในการเข้าระดับขัดเกลาผิวหนัง ความสามารถนี้เกือบอยู่ในจุดต่ำสุดในหมู่นักยุทธ์
เจ้ากล้าดียังไงถึงต้องการพึ่งพรสวรรค์ตัวเองในการฝึกวิชาขั้นสูง? มันเป็นเพียงความเพ้อฝันของคนโง่ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
“ได้ ข้ามีตำราอยู่ นำมาคืนก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ หากไม่สามารถเรียนรู้ได้ก็อย่าหาว่าข้าผูเหลียวรังแก!”
ผูเหลียวกลับไปหยิบตำราสองเล่มแล้วโยนใส่มือเฉินเฟย เขาปิดประตูกระแทกด้วยความเย้ยหยัน
คนที่มองด้านหลังเฉินเฟยจากระยะไกลต่างพากันส่ายหน้า ผู้คุ้มกันคนใหม่กล้าดียังไงถึงไปปะทะกับผู้คุ้มกันผูเหลียว
และตอนนี้ยังต้องการฝึกวิชาด้วยตัวเองอีก?
หากวิชาฝึกได้ง่ายขนาดนั้นแล้วจะมีอาจารย์ไว้ทำไม หากไม่มีคนคอยชี้แนะ ความพลิกผันในการฝึกอาจนำพาไปผิดทาง สุดท้ายจะพบว่าตัวเองเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์และไม่ได้อะไรเลย
ที่น่ากลัวกว่าคือผู้ฝึกฝนผิดพลาดอาจไม่สามารถก้าวหน้าได้ตลอดชีวิตและมีแนวโน้มทำให้เกิดการบาดเจ็บซุกซ่อน ในมุมมองของพวกเขา เฉินเฟยเป็นเพียงคนโง่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
เฉินเฟยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างและกลับไปห้องพร้อมกับตำราวิชา
หนึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยวางตำราในมือลงและเริ่มฝึกฝน หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เฉินเฟยมองแผงระบบ
[วิชายุทธ์: กระบี่สายลม(เริ่มต้น1/100), พลังลมล่องลอย(เริ่มต้น1/100), หมัดจีซาน(รู้แจ้ง), วิธีหายใจจีซาน(รู้แจ้ง)]
ด้วยพื้นฐานของหมัดจีซานและวิธีหายใจ เฉินเฟยจึงจึฃฝึกวิชาทั้งสองเข้าถึงระดับเริ่มต้นได้อย่างง่ายดาย
กระบี่สายลมเป็นวิชาต่อสู้ ส่วนพลังพลังลมล่องลอยมีไว้บ่มเพาะ แผงระบบยังสามารถทำให้สองวิชานี้เป็นแบบง่ายได้ สิ่งเดียวคือสองวิชานี้ต้องใช้สิบตำลึงในการทำเป็นแบบ
เฉินเฟยมีไม่ถึงสิบตำลึง ตอนนี้เขามีเพียงสองตำลึงซึ่งไม่พอสำหรับการทำให้เป็นแบบง่าย
เฉินเฟยดูวิธีหายใจระดับรู้แจ้ง จากนั้นมองพลังพลังลมล่องลอยอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาเกิดความคิดให้วิธีหายใจกับพลังลมล่องลอยผสานเข้าด้วยกัน ช่วงเวลาต่อมาสองวิชานี้หายไปพร้อมกันและปรากฏวิชาใหม่แทน
[วิธีหายใจลมล่องลอย(เชี่ยวชาญ107/1000)]
“ทำได้จริงด้วย!”
แววตาเฉินเฟยมีความสุขเล็กน้อย เขาเพียงทำตามความรู้สึก แต่คาดไม่ถึงว่าพอฝึกวิชาถึงระดับรู้แจ้งแล้วจะสามารถนำไปผสานกับวิชาอื่นได้
มันเป็นธรรมดาที่จะคิดถึงเรื่องนี้ สุดท้ายการบรรลุถึงระดับรู้แจ้งหมายความว่าเข้าใจวิชานั้นอย่างท่องแท้ ในเมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้วจึงสามารถนำไปผสานกับวิชาอื่น
ด้วยวิธีนี้ แม้ระดับของเฉินเฟยจะก้าวหน้าขึ้น วิชาบางอย่างที่เคยใช้ก็จะไม่ถูกละทิ้งและสามารถผสานกับวิชาใหม่เพื่อทำให้กลายเป็นวิชาที่ทรงพลังกว่าเดิม
หมัดจีซานผสานกับกระบี่สายลมเช่นกัน ในการผสานครั้งนี้เฉินเฟยรักษาแก่นแท้ของกระบี่สายลมเอาไว้และผสานรูปแบบบางอย่างของหมัดจีซานเข้าไป
[กระบี่เขาเขียว(เชี่ยวชาญ13/1000)]
เดิมทีมันเป็นกระบี่สายลมอันสวยงามไร้การควบคุม ตอนนี้กลายเป็นวิชากระบี่ที่อยู่ในการควบคุม พลังของมันไม่ได้อ่อนแอลงและยังดีขึ้นเล็กน้อย
ครึ่งชั่วยามต่อมา หลังจากลองวิชาใหม่ทั้งสอง แม้เฉินเฟยจะดีใจแต่เขายังไม่ค่อยพอใจนัก
เขาดีใจเพราะสองวิชาใหม่ทรงพลังกว่าวิชาเดิม หากฝึกจนถึงระดับรู้แจ้งจะไปได้ไกลกว่าสองวิชาก่อนหน้า แต่ตอนนี้พวกมันอยู่ในระดับเชี่ยวชาญเท่านั้น
เขาไม่พอใจเพราะหลังพยายามอยู่หลายครั้งก็พบว่าความชำนาญทั้งสองวิชาไม่เพิ่มขึ้น หากเฉินเฟยต้องฝึกโดยไม่ทำให้เป็นแบบง่าย เกรงว่าหนึ่งวันคงเพิ่มได้เพียงหนึ่งถึงสองคะแนน อย่างไรแล้วสิ่งนี้ยังคงเป็นสิ่งที่เกิดจากการผสานวิชาที่ยังไม่เป็นแบบง่าย
นี่อาจเป็นขีดจำกัดความสามารถของร่างกายเฉินเฟย หากต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ด้วยวิธีปกติจะค่อนข้างยาก
“เงินเงินเงิน!”
เฉินเฟยขมวดคิ้ว วิธีหาเงินวนเวียนอยู่ในหัว