ตอนที่ 25 กำไรเล็กน้อย
“เช่นนั้นข้าคงทำอะไรไม่ได้ ไว้สักวันหนึ่งเมื่อหลอมได้แล้วข้าจะนำมาขาย”
เฉินเฟยหันหลังจากไป
เมื่อได้เรียนรู้โอสถจิตเบาเฉินเฟยจะนำขายจริงเพราะมันมีราคามากกว่า ส่วนโอสถเหนือสามัญต่อให้ได้มาก็ไม่ขาย
คนธรรมดาไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกอยู่กับตัวจึงมีความผิด ตอนนี้เฉินเฟยยังไม่มีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเอง
เมื่อถึงเวลานั้นคงโดนจับตัวไปง่ายๆและต้องกลายนักหลอมโอสถที่ทำได้เพียงหลอมโอสถอย่างเดียว
หลังออกจากตลาดมืด เฉินเฟยสลัดคนที่ตามมาจากกด้านหลัง
เริ่มมีคนติดตามเขามากขึ้นเมื่อไปขายโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพในตลาดมืด โชคดีที่ตอนนี้เฉินเฟยประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านท่าร่าง คนธรรมดาจึงไม่อาจตามได้ทัน
และโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพยังไม่สามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญแข็งแกร่งได้
เฉินเฟยกลับมาที่ลานเช่าหลังจากเดินไปรอบอำเภอสองสามครั้ง
เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อเปิดถุงออกแล้วเห็นเงินแวววาวอยู่ข้างนั้น
มีเงินเกือบหกร้อยตำลึง นี่เป็นเงินก้อนใหญ่ในสายตาของคนธรรมดา แต่เฉินเฟยหาได้ในเวลาไม่กี่วัน
การหลอมโอสถเป็นเรื่องสำคัญ แต่เฉินเฟยเพิกเฉยการบ่มเพาะและท่าร่างไม่ได้เช่นกัน หากไม่มีพลังจะไม่สามารถหาเงินได้
จุดประสงค์ในทำเงินของเฉินเฟยคือการเพิ่มพลังให้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนขี้เหนียวที่โง่เขลาคงไม่รู้ว่าเงินนี้จะหายไปตอนไหน
“เซียนชี้นำแบบง่าย!”
“เซียนชี้นำแบบง่าย...ทำให้เป็นแบบง่ายสำเร็จ...เซียนชี้นำ → เคาะนิ้ว!”
การทำให้เป็นแบบง่ายไม่ทำให้เฉินเฟยผิดหวัง เขาใช้นิ้วเคาะโต๊ะหนึ่งครั้ง ในเวลาต่อมาความเข้าใจเซียนชี้นำปรากฏขึ้นในใจ ดวงตาเฉินเฟยปิดลง
นี่เป็นวิชากระบี่ล้ำลึกและประณีตที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา เมื่อเกิดความเข้าใจเฉินเฟยจึงจมดิ่งไปกับมัน
ด้วยการเคาะนิ้วโดยไม่รู้ตัว ความชำนาญเซียนชี้นำบนระบบจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเฉินเฟยแสดงรอยยิ้ม มันเป็นความสุขของการได้ยิน
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเฟยไปที่คฤหาสน์ตระกูลจางอย่างสดใส
[วิชายุทธ์: เซียนชี้นำ(เชี่ยวชาญ201/1000)]
เซียนชี้นำก็ได้มาถึงระดับเชี่ยวชาญในคืนเดียว วิชากระบี่ในระดับนี้สามารถใช้ในการต่อสู้จริงได้แล้ว ถ้าเมื่อคืนเฉินเฟยไม่ถูกความละเอียดอ่อนของวิชากระบี่ดึงดูดจนทำให้ลืมเคาะนิ้วต่อ ความชำนาญของมันคงเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
แต่เฉินเฟยรู้สึกพอใจมากแล้ว อีกไม่กี่วันเซียนชี้นำอาจไปถึงระดับรู้แจ้งได้ พอถึงตอนนั้นจะไม่มีใครในระดับขัดเกลากล้ามเนื้อสามารถสู้เขาได้
นี่เป็นกระบวนท่ากระบี่ของสำนักกระบี่เซียนเมฆา แม้เป็นเพียงหนึ่งกระบวนท่า แต่ความลึกลับนั้นเกินกว่าระดับนักยุทธ์ในอำเภอผิงหยินมาก
“หากระดับหลอมกระดูกโดนไปสักกระบี่ เกรงว่าคงทนรับอีกไม่ไหว!”
เฉินเฟยคิดอยู่ในใจว่าเจี่ยนเหลียงที่เขาพบในตอนนั้นและซุนซู่เมื่อคืนนี้จะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่หากอีกฝ่ายประมาท ในเวลานั้นเพียงใช้เซียนชี้นำไม่กี่ครั้งอาจสามารถฆ่าคนได้
กระบวนท่านี้หากใช้หลายครั้งจะถูกมองออกได้ง่าย แต่ในเวลานั้นทุกคนคงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว ดังนั้นย่อมไม่มีเวลาหาจุดบกพร่องแน่นอน
เฉินเฟยรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แต่ความรู้สึกปลอดภัยนี้ยังห่างไกลจากความเพียงพอ เฉินเฟยยังคิดว่าต้องทำงานหนักต่อไป
“คุณหนูใหญ่!”
เข้าจากประตูเล็กเดินไปที่ลานอีกด้าน เห็นจางซือหนานในศาลาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเฉินเฟยจึงตะโกนเรียกจากด้านข้าง
“เจ้านี่เอง นั่งลงก่อน”
เมื่อเห็นเฉินเฟยจางซือหนานก็รู้จุดประสงค์ของเขาทันที นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “มาเพื่อสูตรโอสถจิตเบาใช่หรือไม่”
“ใช่ โปรดมอบให้ข้าด้วย” เฉินเฟยกุมมือ
“ข้าเกรงว่าจะมอบสูตรโอสถจิตเบาให้เจ้าไม่ได้” จางซือหนานพูดอย่างลังเล
“ทำไม? ท่านสัญญาแล้วไม่ใช่หรือ?”
เฉินเฟยขมวดคิ้ว มันแตกต่างจากที่นางพูดไว้ก่อนหน้านี้ เพราะสูตรโอสถจิตเบาอันนี้เฉินเฟยจึงยอมโดนไล่ล่าเมื่อคืน นางน่าจะรู้เรื่องนี้เช่นกัน
“ผู้อาวุโสในหลายคนในตระกูลรู้สึกว่าเรื่องของซุนซู่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เพียงเจ้าให้ข้อมูลอย่างเดียวก็ได้รับสูตรโอสถจิตเบาแล้ว มันคุ้มค่าเกินไป”
จางซือหนานเหมือนรู้ว่าตัวเองทำผิด นางจึงอธิบายให้เฉินเฟยฟังด้วยท่าทางกลัดกลุ้ม
เฉินเฟยขมวดคิ้วไม่พูดอะไร ตระกูลจางโกรธซุนซู่แต่กลับมาลงที่เขา ตอนแรกคิดว่าตระกูลจางเป็นคนดี แต่เขาคงคิดมากไป
“ตระกูลจางจะไม่ปฏิบัติต่อผู้คนอย่างเลวร้าย เนื่องจากมอบสูตรโอสถจิตเบาให้เจ้าไม่ได้จึงเปลี่ยนเป็นรางวัลอื่นแทน”
ความเงียบของเฉินเฟยทำให้จางซือหนานไม่พอใจและพูดอย่างเรียบนิ่ง
“ไม่ทราบว่ารางวัลอื่นคืออะไร?”
เฉินเฟยไม่เอาแต่ใจหรือโต้เถียงด้วยเหตุผลเพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์
“วิชายุทธ์ อาวุธแหลมคม อะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ หากมันเหมาะสมเจ้าจะได้รับรางวัลนั้น”
เมื่อเห็นเฉินเฟยไม่ถามถึงเรื่องเดิมจางซือหนานจึงพยักหน้า ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าเฉินเฟยไม่ใช่คนรับใช้ของตระกูลจางแต่เขายังต้องพึ่งพาอาหารของตระกูลจาง ดังนั้นจึงต้องแก้ไขตำแหน่งให้ถูกต้อง
“ข้าต้องการวิชากระบี่”
ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากวิชากับอาวุธ ตระกูลจางบีบคั้นเขาจริงๆ แต่มันเป็นเรื่องปกติ แม้แต่สูตรโอสถยังไม่เต็มใจที่จะให้
จางซือหนานพยักหน้า เรียกคนรับใช้มาสั่งสองสามคำ จากนั้นไม่นานก็มีตำราวิชากระบี่สี่เล่มวางอยู่ตรงหน้าเฉินเฟย
“ตำราพวกนี้ไม่เลว เจ้าเลือกไปสักเล่ม”
“ข้าสามารถอ่านได้ทุกเล่มเลยหรือไม่?” เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม
“ใช่” จางซือหนานพยักหน้า
เฉินเฟยหยิบตำรากระบี่ลมกระหน่ำเล่มแรกขึ้นมาเปิดดู
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฉินเฟยเข้าใจวิชากระบี่เซียนชี้นำหรือไม่ เมื่อเฉินเฟยอ่านกระบี่ลมกระหน่ำ เขาสามารถเข้าใจหลักการมากมายของวิชากระบี่ได้ในครั้งเดียว
เฉินเฟยอ่านกระบี่ลมกระหน่ำเสร็จในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ เฉินเฟยมองระบบแล้วดวงตาเป็นประกาย
[วิชายุทธ์: กระบี่ลมกระหน่ำ(ยังไม่เริ่ม)]
“สามารถอ่านอีกสามเล่นได้หรือไม่?”
ประโยคนี้ปรากฏขึ้นในใจของเฉินเฟย เฉินเฟยเงยหน้ามองจางซือหนานและพบว่าจางซือหนานไม่ได้สนใจเขาเลย มุมปากเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เขาวางตำราในมือลงและเปิดดูเล่มที่สอง
ผ่านไปหนึ่งเค่อ เฉินเฟยวางตำราลงและหยิบเล่มที่สามขึ้นมา หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามเฉินเฟยอ่านตำราทั้งสี่เล่มจบ
“ดูเสร็จแล้ว? เจ้าต้องการเล่มไหน?”
เมื่อเห็นเฉินเฟยวางตำราลง จางซือหนานจึงหันกลับมาถาม
จางซือหนานไม่เคยคิดเลยว่าเฉินเฟยสามารถเรียนรู้ตำราทั้งสี่เล่มในช่วงเวลาสั้นๆได้ และนักยุทธ์มากกว่าเก้าส่วนทำไม่ได้เช่นกัน ตำราวิชาจำเป็นต้องศึกษาอย่างรอบคอบ มันไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองและจำเป็นต้องมีอาจารย์ชี้แนะ
ใช้เวลาหนึ่งเค่อกับตำราหนึ่งเล่ม เวลานี้พอสำหรับการดูคร่าวๆ
“เล่มนี้”
เฉินเฟยหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา จางซือหนานพยักหน้า เฉินเฟยบอกลาและออกจากคฤหาสน์ตระกูลจาง
ระหว่างทาง เฉินเฟยดูข้อมูลบนแผงแล้วเกือบหัวเราะออกมา
[วิชา: กระบี่ลมกระหน่ำ(ยังไม่เริ่ม), กระบี่เพลิง(ยังไม่เริ่ม), กระบี่ลวดลายใบไม้(ยังไม่เริ่ม), กระบี่ป้องกัน(ยังไม่เริ่ม)]
แม้จะไม่ได้สูตรโอสถจิตเบาแต่เขาก็ไม่ขาดทุน
ดูเหมือนจะได้กำไรเล็กน้อยด้วย?