ตอนที่ 30 กระดาษหนังวัว
หัวใจเจี่ยนเหลียงเย็นวาบ เขาพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่พบว่ามันสายไปแล้ว
กระบี่นี้เร็วมากจนเห็นเพียงแสงวาบของกระบี่
ความแข็งแกร่งและการตอบสนองของเฉินเฟยอยู่ในระดับขัดเกลากล้ามเนื้อ แต่วิชากระบี่แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะปราณกระบี่ปล่อยผ่านจากการฝึกฝนนั้นน่าทึ่งยิ่งว่า ในจุดนี้น่าจะเป็นจุดสูงสุดแล้ว
เฉินเฟยใช้วิชากระบี่นี้ได้ยังไง วิชากระบี่แบบนี้ไม่ควรมีอยู่ในอำเภอผิงหยิน แม้แต่ตระกูลในผิงหยินยังไม่มีวิชาสืบทอดเช่นนี้
“ชึก!”
รูเลือดปรากฏบนหน้าอกเจี่ยนเหลียง แม้ว่ามันจะไม่ใหญ่ แต่การบาดเจ็บนี้มากพอจะทำให้ถึงตาย การบุกโจมตีของเจี่ยนเหลียงอ่อนลง ร่างเขาล่วงลงสู่พื้น
“นี่มันวิชากระบี่อะไร!”
เจี่ยนเหลียงเงยหน้าขึ้นมองเฉินเฟยอย่างยากลำบาก เห็นเพียงเฉินเฟยปรากฏต่อหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉยและแทงกระบี่มายังหัวตัวเอง
“ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!”
ทันใดนั้นอาวุธลับสามชิ้นพุ่งออกมาจากแขนเสื้อเจี่ยนเหลียง เฉินเฟยหันกระบี่มาปัดอาวุธลับและพบว่าเจี่ยนเหลียงกำลังหนีไปอย่างสิ้นหวัง
เท้าเฉินเฟยสั่นไหว เขาตามเจี่ยนเหลียงทันในไม่กี่ก้าว
เจี่ยนเหลียงรู้สึกขมขื่นในใจเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ตามมาจากข้างหลัง เมื่อครู่ใช้คำพูดยื้อไว้เพื่อใช้อาวุธลับ แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟยจะป้องกันได้และไล่ตามมาฆ่า
นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของนักหลอมโอสถตัวเล็กควรมี เขานิ่งเฉยยิ่งกว่าแม่น้ำเก่าแก่บางแห่งเสียอีก ท้ายที่สุดแล้วผู้คนมักจะผ่อนคลายและพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เมื่อกำลังจะชนะ แต่เฉินเฟยไม่ทำเช่นนั้นและลงมือฆ่าโดยตรง
“โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย เจ้ามีเงื่อนไขอะไรก็บอกมาได้เลย!”
เจี่ยนเหลียงตะโกนเสียงดัง แต่สิ่งที่ได้รับคือกระบี่เฉินเฟยแทงทะลุลำคอ แม้เจี่ยนเหลียงจะพยายามหลบแต่เขาทำไม่ได้
เฉินเฟยดึงกระบี่กลับมา เจี่ยนเหลียงล้มตัวลงพื้นอย่างอ่อนแรงและมองเฉินเฟยด้วยแววตาขุ่นเคือง
เฉินเฟยมองเขากลับโดยไร้ซึ่งความกลัวและความลังเล ผู้ที่ฆ่าคนอื่นต้องโดนคนอื่นฆ่าเช่นกัน นี่เป็นแนวคิดของเฉินเฟยและเขานำแนวคิดนี้มาใช้ด้วย
เจี่ยนเหลียงตอนมีชีวิตอยู่เฉินเฟยยังไม่กลัว แต่ตอนนี้เขากำลังจะตาย แค่มองแบบนั้นจะทำอะไรเฉินเฟยได้!
เจี่ยนเหลียงยกนิ้วชี้เฉินเฟยราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายศีรษะไร้เรี่ยวแรงของเขาก็ตกลงไปด้านข้างและตายอย่างสมบูรณ์
เฉินเฟยเดินไปค้นหาสิ่งของบนตัวเจี่ยนเหลียง
ในฐานะหนึ่งในผู้นำกลุ่มโจรภูเขา ทรัพย์สินที่เจี่ยนเหลียงมีย่อมไม่น้อย นอกจากเงินแล้วเฉินเฟยยังสนใจวิชายุทธ์ของเจี่ยนเหลียงด้วย
ครู่ต่อมา ใบหน้าเฉินเฟยฉายแววแห่งความสุข ในมือของเขาถือหนังวัวชิ้นหนึ่งซึ่งมีข้อความมากมายเขียนไว้อย่างหนาแน่น
เฉินเฟยนึกถึงเสียงคลื่นเสียงที่เจี่ยนเหลียงใช้โจมตีเมื่อครู่
นักยุทธ์มักเก็บวิชายุทธ์ที่ยังฝึกไม่สำเร็จไว้ใกล้ตัว เมื่อเก็บไว้กับตัวก็ไม่ต้องกังวลอะไร และยังสามารถนำออกมาอ่านเป็นครั้งครางเพื่อเพิ่มความเข้าใจในการฝึก
เฉินเฟยเก็บหนังวัวเข้าแขนเสื้อและค้นหาต่อไป ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้ามาทางนี้
เฉินเฟยก้มหน้าลง ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มุมตาเขายาวขึ้นจนกลายเป็นดวงตาหงส์แดง มีบาดแผลบนใบหน้า รูปร่างของเขาใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
“น้องสาม!”
เสียงเจ็บปวดใจดังขึ้น หลิงฮั่นจุนมองด้านหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เจี่ยนเหลียงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น
เมื่อครู่พวกเขาแยกตัวจากการปิดล้อมและแยกกำลังคนออกเป็นหลายส่วน ในฝั่งพวกเขา เขากับเจี่ยนเหลียงอยู่ด้วยกันและเจอบ้านหลายหลังที่ใช้ซ่อนตัว
หากเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทางจะได้ช่วยเหลือกันได้ทันที
ด้วยเหตุนี้หลิงฮั่นจุนจึงซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เมื่อได้ยินเสียงเจี่ยนเหลียงเขาจึงออกมาตรวจสอบสถานการณ์แต่กลับพบว่าเจี่ยนเหลียงตายแล้ว
เขาไม่ได้ตายด้วยน้ำมือนักว่าการพวกนั้น แต่ตายเพราะคนที่นี่
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หลิงฮั่นจุนบ้าคลั่งถือดาบใหญ่พุ่งเข้าหาเฉินเฟย ในเวลาเดียวโจรภูเขาอีกหลายคนตอบสนองต่อการเข้าปะทะของหลิงฮั่นและวิ่งเข้าหาเฉินเฟยพร้อมกัน
สามารถฆ่าเจี่ยนเหลียงได้ ความอันตรายของเฉินเฟยถูกยกระดับสู่ระดับสูงสุด
เฉินเฟยเก็บเงินของเจี่ยนเหลียงไว้ในแขนและชำเลืองมองหลิงฮั่นจุน ร่างของเขาสั่นไหวหนีไป
เฉินเฟยเป็นเพียงนักยุทธ์ขัดเกลากล้ามเนื้อ เมื่อเทียบกับขระดับหลอมกระดูกความแข็งแกร่งและการตอบสนองของเขายังด้อยกว่ามาก
ถ้าไม่มีวิชากระบี่เซียนชี้นำ เฉินย่อมฆ่าเจี่ยนเหลียงไม่ได้แน่นอน แม้แต่เจี่ยนเหลียงยังสามารถฆ่าเขาได้ด้วยซ้ำ
เมื่อเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของกองทัพหลิงฮั่นซึ่งแข็งแกร่งกว่าเจี่ยนเหลียง หัวเฉินเฟยต้องไปกระแทกแน่นอนหากยังอยู่สู้กับพวกเขา
“อยู่ตรงนั้น ตามมันไป!”
ทันใดนั้นเสียงนักว่าการดังมาจากด้านหลัง สีหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยคิดว่าควรหยุดโจรภูเขาพวกนี้แล้วช่วยนักว่าการปิดล้อมและฆ่าพวกมันดีไหม
แต่เฉินเฟยล้มเลิกความคิดนี้ทันที
นอกจากความจริงที่ว่ากองทัพหลิงฮั่นกำลังเศร้าและโกรธมากในขณะนี้ ในโอกาสแบบนี้เฉินเฟยเสี่ยงโดนปิดล้อมและถูกลุมฆ่าเป็นคนแรก นอกจากนี้เหล่านักว่าการไม่รู้จักเฉินเฟย ดังนั้นพวกเขาอาจมองว่าเฉินเฟยเป็นพวกโจรและปิดล้อมพวกเขาด้วยกัน
เฉินเฟยเหยียบชายคาด้วยเท้าทั้งสองข้างพุ่งไปไกลหลายหมี่โดยกระเบื้องไม่เสียหาย การเคลื่อนไหวระดับนี้มากพอจะทำให้นักยุทธ์หลอมกระดูกมากกว่าเก้าส่วนละอายใจ
ในเวลานี้พวกโจรภูเขากำลังไล่ตามเขา แต่พวกมันอยู่ห่างไกลจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตาของหลิงฮั่นจุนเป็นสีแดง เขาอยากจะฉีกเฉินเฟยออกเป็นชิ้นๆแต่ทำได้เพียงดูระยะห่างระหว่างพวกเขาห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“สุดหล้าฟ้าเขียว ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!” หลิงฮั่นจุนคำรามและหันหลังวิ่งไปทางอื่น
หากวิ่งไล่ตามต่อไปนอกจากไม่ได้อะไรแล้วมันยังเป็นการทำลายลูกน้องของตัวเอง ไม่ว่าหลิงฮั่นจุนจะไม่เต็มใจเพียงใดเขาก็ทำได้เพียงกลืนความโกรธแค้นนี้ไว้
เฉินเฟยสัมผัสได้ว่าลมหายใจด้านหลังหายไปแล้ว เขาคิดครู่หนึ่งก่อนลงไปในตรอกแห่งหนึ่ง ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันร่างของเขาหดลง
ครู่ต่อมา ในอีกตรอกหนึ่ง เฉินเฟยกระโดดออกมาและวิ่งไปยังจุดที่หลิงฮั่นจุนหายตัวไป
หากไม่กำจัดโจรเหล่านี้อำเภอผิงหยินจะไม่มีวันสงบสุข สิ่งที่เฉินเฟยต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเวลา
ตราบเท่าที่มีเวลามากพอ ความแข็งแกร่งของเฉินเฟยจะพัฒนาต่อไป ตอนนี้เขาได้แต่พึ่งเซียนชี้นำในการฆ่าระดับหลอมกระดูก
เมื่อเฉินเฟยไปถึงระดับหลอมกระดูก การฆ่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องยากเหมือนในตอนนี้ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง เฉินเฟยต้องทำให้โจรภูเขาเหล่านี้หายไปจากอำเภอผิงหยิน
วิ่งตามหลังไปไกล จากนั้นไม่นานเฉินเฟยก็คลาดกับกลุ่มโจรภูเขา
“ข้าประเมินตัวเองสูงไป”
ย้อนกลับมาในห้องหลอมโอสถในบ้านเช่า เฉินเฟยนั่งอยู่ใต้ชายคา แหงนหน้ามองฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ครั้งก่อนตอนอยู่ในตลาดมืดเขาสามารถติดตามโจรได้เพราะอีกฝ่ายไม่เผยตัว แต่วันนี้พวกโจรรู้ตัวว่าถูกตามล่าจึงใช้วิธีต่างๆเพื่อหลบหนี
นอกจากท่าร่างที่เหนือกว่า ความสามารถในการมองเห็นและการติดตามของเขาล้วนอยู่ในระดับปานกลาง หากใช้ความสามารถนี้ติดตามไปได้ พวกโจรภูเขาคงโดนที่ว่าการจับตั้งนานแล้ว
“ต้องหาตำราที่ปรับปรุงสายตาหรือท่าร่างติดตามหรือไม่?”
เฉินเฟยหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงตารางงานที่จัดไว้ก็ถึงกับถอนหายใจ ตอนนี้เวลาของเฉินเฟยถูกบีบคั้นจริงๆ
เรื่องนี้สามารถวางแผนได้ในภายหลังเมื่อมีเวลาว่าง
เฉินเฟยหยิบกระเป๋าเงินเจี่ยนเหลียงออกมาเปิดดูและต้องรู้สึกผิดหวัง คาดว่าเงินที่ขโมยมาคงนำไปว่อนไว้ที่อื่น ในถุงใบนี้มีเงินหลายสิบตำลึงเท่านั้น
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟยคงจะมีความสุขมากกว่านี้ แต่ตอนนี้การหลอมโอสถประสบความสำเร็จแล้ว สิบกว่าตำลึงจึงทำให้เขาพอใจไม่ได้อีกต่อไป
เขาโยนถุงเงินไปเผาในกองเฟย เฉินเฟยเปิดหนังวัวดู