ตอนที่ 29 เซียนชี้นำ
ตลอดช่วงกลางวัน อำเภอผิงหยินอยู่ในความสงบ
เฉินเฟยสับสนเล็กน้อย คนในที่ว่าการอำเภอไม่เชื่อข้อความของเขาหรือ?
เรื่องนี้อาจเป็นไปได้เพราะวิธีการลับๆล่อๆแบบนี้ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนได้ยาก แต่อย่างน้อยที่ว่าการก็ควรส่งคนไปตรวจสอบสักหน่อย
หากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจริง อย่างน้อยคงได้เจอเงื่อนงำบางอย่าง
ตอนกลางวัน เฉินเฟยฝึกกระบี่เขาแกร่งและศึกษาสูตรโอสถจิตเบาเป็นครั้งคราวซึ่งเป็นการเปลี่ยนความคิดของตัวเอง
ส่วนสูตรโอสถจิตเบาที่ได้จากฉือเต๋อเฟิงนั้น ถ้าบอกว่ามันไร้ประโยชน์เลยคงพูดเกินจริงไปหน่อย แต่ถึงจะมีประโยชน์มันก็เป็นส่วนน้อยมาก
โชคดีที่เฉินเฟยมีระบบ หลังทำให้สูตรโอสถจิตเบาเป็นแบบง่ายเขาก็ได้รับวิธีหลอมโอสถจิตเบา
เมื่อเริ่มหลอมโอสถจะมีหลายสิ่งที่ต้องให้ความสนใจ และวิธีหลอมโอสถนี้จะถูกใช้ในการปรับแต่งในโอสถเตาหลอม
ดังนั้นวิธีหลอมโอสถจิตเบาจึงมีประโยชน์กับเฉินเฟย แต่เฉินเฟยยังต้องคาดเดาสมุนไพรในการหลอมโอสถเอาเอง
เฉินเฟยกำลังคิดว่าจะซื้อสูตรโอสถที่คล้ายกันอีกสองสามสูตร จากนั้นนำมาทำเป็นแบบบง่ายและดูว่าสามารถเพิ่มอะไรได้อีกหรือไม่
แต่น่าเสียดายที่เมื่อเทียบกับตำราวิชาแล้ว มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสูตรโอสถ และไม่มีนักหลอกโอสถคนไหนยอมซื้อสูตรโอสถที่อธิบายไม่ได้
หากไม่มีการซื้อขายย่อมไม่มีใครรวบรวมสูตรโอสถ ตำราวิชาเหล่านั้นยังพอใช้อ่านแก้เบื่อได้ แต่สิ่งที่น่าเบื่ออย่างสูตรโอสถนำมาใช้แก้เบื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นเวลาที่เฉินเฟยกำลังฝึกกระบี่ เขาจะนำโอสถจิตเบาที่หลอมเสร็จแล้วออกมาวิเคราะห์องค์ประกอบสมุนไพรในนั้น บางครั้งเขาจะลองหลอมสักสองสามเตาเพื่อดูผลลัพธ์
ตกกลางคืน เฉินเฟยฝึกซ้อมในลานบ้านที่เขาอาศัยอยู่
ลานนี้ไม่ใช่ที่เดิมเพราะซุนซู่รู้จักลานเก่าแล้ว เฉินเฟยไม่อยากอยู่แบบระแวดระวังตลอดเวลาดังนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อคลายความกังวล
เฉินเฟยถือกระบี่ยาวและเดินไปรอบลาน แสงกระบี่วาบผ่านโดยมีปราณกระบี่จางๆห่อหุ้ม
“ฆ่า!”
ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากระยะไกล เฉินเฟยหยุดมือและหันไปทางตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งกำลังเกิดไฟไหม้ เฉินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่นมันจุดที่พวกโจรภูเขาซ่อนตัวไม่ใช่หรือ?
“ที่ว่าการอำเภอน่าจะลงมือแล้ว!”
เฉินเฟยมองเปลวไฟในระยะไกล เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ แม้ว่าจะดังขึ้นเป็นช่วงๆแต่เฉินเฟยก็ได้ยินเสียงกรีดร้องทั้งหมด
นอกจากไฟที่อยู่ไกลออกไปแล้ว ไฟทุกดวงตามบ้านยังดับลง เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวตรงนั้นทำให้คนธรรมดาหลายคนหวาดกลัว และตอนนี้พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย
“โจรภูเขาพวกนั้นฝ่าวงล้อมไปแล้ว!”
เฉินเฟยขมวดคิ้ว เสียงการต่อสู้ในระยะไกลเริ่มกระจายออกไปรอบด้าน เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ที่ว่าการอำเภอปิดล้อมไม่สำเร็จ
เสียงการวิ่งไล่สังหารดังมาจากที่ไกลและใกล้เข้ามา โจรวิ่งมาทางด้านนี้โดยมีนักว่าการตามหลังมา เสียงค่อยๆจางหายไป ไม่รู้ว่าโจรโดนฆ่าไปหรือเป็นนักว่าการที่โดนฆ่า
ยังมีเสียงประปรายอยู่รอบด้านแต่มันก็เริ่มสงบลง เฉินเฟยเก็บกระบี่ยาวและกำลังจะกลับเข้าบ้าน ทันใดนั้นก็มีร่างสามร่างกระโดดเข้ามาจากนอกกำแพงลานบ้าน
ทั้งสามคนผงะเช่นกันเมื่อเห็นเฉินเฟยที่ลานบ้าน
“เป็นเขานี่เอง”
เมื่อเจี่ยนเหลียงเห็นเฉินเฟยเขาก็จำได้ทันทีว่าชายคนนี้คือหมอในตอนนั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะพบเขาที่นี่ มันเป็นโชคชะตาที่แปลกประหลาดจริงๆ
“เจ้าเป็นใคร!”
เฉินเฟยก้าวถอยหลังอย่างกระวนกระวาย เขาเซล้มลงกับพื้นราวกับหวาดกลัวเกินไป
“ฆ่ามันซะ!”
เจี่ยนเหลียงออกคำสั่งจากนั้นหันกลับไปมองระวังนอกกำแพงลานบ้าน ถ้าข้างนอกมีปัญหาเขาจะได้หนีต่อ นักว่าการเหล่านั้นยังไล่ตามพวกเขามาอย่างใกล้ชิด
สำหรับความเมตตาของเฉินเฟยที่ช่วยเขาในตอนนั้น เจี่ยนเหลียงไม่ได้ใส่ใจเลย ครั้งก่อนที่ปล่อยพวกเขาไปเป็นการแทนคุณแล้ว เมื่อพบกันอีกครั้งเจี่ยนเหลียงก็ไม่คิดเปิดเผยตัวตนและฆ่าเขาโดยตรง
“ช่วย...ช่วย…”
ดูเหมือนว่าเพราะกลัวมากเกินไปเสียงของเฉินเฟยที่ขอความช่วยเหลือจึงแหบแห้งมาก โจรทั้งสองเย้ยหยันและเดินไปหาเฉินเฟย ใบดาบในมือฟันไปที่หัว
“ชึบ!”
เสียงอาวุธตัดเข้าไปในเนื้อดังขึ้น โจรทั้งสองตัวแข็งทื่อ พวกเขาเอามือปิดคอที่มีเลือดไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง มือของพวกเขาไม่สามารถหยุดเลือดที่ไหลออกมาได้เลย
“อ่อก...อ่อก..”
เสียงหายใจผสมเลือดดังออกมาจากปากของโจรทั้งสองแต่พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ร่างทั้งสองล้มลงกับพื้นจนเกิดเสียงดัง
เจี่ยนเหลียงหันกลับมาและเห็นเฉินเฟยถือกระบี่ยาว ใบหน้าตื่นตระหนกเมื่อกี้หายไปนาน เหลือเพียงความนิ่งสงบเท่านั้น
เจี่ยนเหลียงมองคนทั้งสองที่ตัวกระตุกอยู่บนพื้น เขาหรี่ตาเงยหน้ามองเฉินเฟย “ไม่คิดเลยว่าข้าจะมองผิด!”
“ตอนนี้เจ้าเห็นชัดแล้ว” เฉินเฟยสบัดกระบี่ยาวในมือ เลือดบนกระบี่กระดอนออกไป
“บังอาจ!”
เจี่ยนเหลียงตะโกนด้วยความโกรธ ขณะที่ร่างเขาสั่นหายไปและมาปรากฏตรงหน้าเฉินเฟย ดาบในมือเขาก็กลายเป็นภาพลวงปรากฏที่คอเฉินเฟย
“เคร้ง!”
มีเสียงดาบปะทะกัน เฉินเฟยถอยหลังหนึ่งก้าว เจี่ยนเหลียงกำลังจะไล่ตามแต่กระบี่ยาวของเฉินเฟยแทงมาที่หน้าของเขา
“ชึบ!”
ปราณกระบี่พุ่งออกมา รูเลือดปรากฏบนแก้มเจี่ยนเหลียง เส้นผมบางเส้นถูกตัดลอยออกไป
เจี่ยนเหลียงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อกี้เขาเกือบโดนปราณกระบี่นี้แทงแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาพบสิ่งผิดปกติในช่วงสุดท้ายจึงหลบอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้เขาคงตายแล้ว
หลังจากความกลัวคือความโกรธมหาศาล
ตอนแรกเป็นเพียงมดที่ถูกบีบตายคามือได้ง่าย ด้วยความเมตตาของตัวเองจึงไว้ชีวิตอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เกือบถูกมันฆ่าตาย แล้วเจี่ยนเหลียงจะทนได้อย่างไร
“ตายซะ!”
เสียงคำรามดังขึ้น เส้นเลือดปรากฏขึ้นบนหน้าผากเจี่ยนเหลียง ใบดาบในมือเขาเหมือนกลายเป็นคลื่นสีเขียวพุ่งไปหาเฉินเฟย
“ตึง!”
คมดาบอยู่ตรงหน้ากระทบหน้าอกของเฉินเฟย เฉินเฟยลอยไปกระแทกผนังลานที่จนมุมปากหลั่งเลือด
“ข้าจะเฉือนเนื้อเลาะกระดูกเจ้าให้หมด!”
ดวงตาของเจี่ยนเหลียงเป็นสีแดง เลือดลมของเขาไหลเวียนไปจนสุดขีด เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็มาอยู่ต่อหน้าเฉินเฟย ดาบเล่มนั้นฟันลงมาอีกครั้งและเหมือนจะเกิดคลื่นเสียงอีกครั้ง
“ปลดปล่อยปราณกระบี่”
เฉินเฟยตะโกนอย่างกะทันหัน ร่องลอยปราณกระบี่ปรากฏบนกระบี่
หัวใจของเจี่ยนเหลียงกระชับขึ้น เมื่อนึกถึงปราณกระบี่ของเฉินเฟยและได้ยินชื่อท่ากระบี่แบบนั้น ดาบยาวในมือเขาจึงแผ่วแรงลง
หากมีอะไรเกิดขึ้นเจี่ยนเหลียงจะป้องกันได้ทันที
“ฟึบ!”
ไม่มีปราณกระบี่ออกมา เฉินใช้เท้าขวาถีบตัวไปอยู่บนกำแพงลานบ้าน เวลาต่อมาเฉินเฟยวิ่งหนีไปไกลแล้ว
เจี่ยนเหลียงเบิกตากว้างและรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเข้าแล้ว อารมณ์ที่โกรธจัดทำลายสภาพการป้องกันทันที เลือดลมเดือดดาลจนถึงขั้นเห็นเลือดไหลออกมาจากรูขุมขน
ร่างเจี่ยนเหลียงพุ่งออกไป ภายในไม่กี่ก้าวเขาก็ตามเฉินเฟยทัน
“จงตายให้ข้า!”
เจี่ยนเหลียงยกดาบขึ้นสูงและกำลังจะเหวี่ยงมันลง ทันใดนั้นมีแสงวาบขึ้นต่อหน้าเขา
แสงขาววาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับท่าของเซียนชี้นำ