ตอนที่ 23 จู่โจม
แต่ในฐานะนักหลอมโอสถเฉินเฟยจึงได้สัมผัสสมุนไพรชนิดนี้ทุกวัน ไม่ว่าฉือเต๋อเฟิงจะทำของปลอมอย่างไรเฉินเฟยก็มองออก
“อะไร มีสมุนไพรปลอมอีกแล้ว!”
ฉือเต๋อเฟิงที่ทำเหมือนเพิ่งรู้ตะโกนเสียงดัง “น้องชาย มันไม่ร้ายแรงหรอก ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนพวกนั้นไม่ซื่อสัตย์จึงให้พวกเขาเก็บมามากขึ้นเพื่อไม่ให้สมุนไพรสิบชุดของเจ้าขาดหาย”
ตามที่ฉือเต๋อเฟิงพูด เขาลากสมุนไพรออกจากห้องอื่นมาวางไว้หน้าเฉินเฟย
เฉินเฟยมองฉือเต๋อเฟิงที่เตรียมการแผนสองไว้ ถ้าเขาไม่เห็นก็ถือว่าได้กำไร ต่อให้เขาเห็นก็ยังมีแผนสำรอง
ฉือเต๋อเฟิงคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ
“ข้าจะดูอีกรอบ”
เฉินเฟยตรวจสอบสมุนไพรชุด หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าเฉินเฟยก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ในนี้มีสมุนไพรปลอมปนอยู่ด้วย
เฉินเฟยลุกขึ้นมองฉือเต๋อเฟิง
“ยังมีของปลอมอีก? มากเกินไป นี่มันมากเกินไปแล้ว!”
เฉินเต๋อเฟิงส่ายหัว พลิกมือหยิบสมุนไพรจากด้านหลังส่งให้เฉินเฟย “ดูอีกที โชคดีที่ข้ามีมากพอ”
“…”
หนึ่งเค่อต่อมา เฉินเฟยออกจากตลาดมืดพร้อมกับห่อของสะพายหลัง พ่อค้าในตลาดมืดล้วนมีคุณลักษณะเดียว พวกเขาต่างเป็นทหารรับจ้าง เมื่อรู้แบบนั้นเฉินเฟยจึงไม่คิดหาคนอื่นมาแทนฉือเต๋อเฟิว
อย่างน้อยสมุนไพรที่ฉือเต๋อเฟิงมอบให้ก็มีคุณภาพดีและจัดส่งได้ทันเวลา
ย้อนกลับมาที่ลานเช่า เฉินเฟยเข้าไปในห้องหลอมโอสถและใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามในการหลอมสมุนไพรทั้งหมดให้เป็นโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพ
ในขณะที่ความเชี่ยวชาญใกล้ถึงระดับรู้แจ้ง จำนวนโอสถที่หลอมได้ก็มีมากขึ้น เฉินเฟยสามารถหลอมสมุนไพรสิบชุดเป็นโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพได้สามสิบเอ็ดเม็ด
“การขายโอสถเหล่านี้จะทำให้เซียนชี้นำเป็นแบบง่ายได้”
เฉินเฟยอดยิ้มไม่ได้ เขาอยากได้วิชากระบี่นี้นานแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะมีกระบวนท่าสังหาร แม้จะเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองก็สามารถสู้กลับได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่เฉินเฟยจะออกจากบ้าน หลิวจวินมาหาเขา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
เฉินเฟยเห็นหลิวจวินดูร้อนรนมาก
“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเฟยยื่นถ้วยชาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผู้ดูแลซุน...ผู้ดูแลซุนฆ่าคนมากมายแล้วหนีไป!”
เมื่อหลิวจวินพูดคำนี้ออกมาร่างกายเขาก็สั่นโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขาเห็นศูนย์การแพทย์อาบไปด้วยเลือด
“อย่ากังวล ค่อยๆพูดเถอะ” สีหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ในตอนเช้ามีคนของบ้านหลักบอกให้ผู้ดูแลซุนไปพูดคุยที่ตระกูลจาง แต่สุดท้ายผู้ดูแลซุนหนีไป...”
หลิวจวินจิบชาและใจเย็นลงเล็กน้อย เขาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าอย่างละเอียดให้เฉินเฟยฟัง
คนคุ้มกันตระกูลจางให้ซุนซู่ไปที่ตระกูลจาง ซุนซู่บอกกลับไปเอาของที่ห้องแต่เขาหนีออกไปทางลับที่อยู่ในห้อง
ใช่แล้ว ซุนซู่ขุดทางลับในห้องไว้ราวกับว่าเขาพร้อมโดนจับได้ตั้งนานแล้ว แต่คนคุ้มกันตระกูลจางที่มาครั้งนี้ระมัดระวังตัวมากจึงพบสิ่งผิดปกติทันที
พวกเขารีบเข้าไปในห้องและสู้กับซุนซู่
ซุนซู่แข็งแกร่งอย่างมาก ในบรรดาคนคุ้มกันทั้งห้ามีตายไปสองและซุนซู่ยังหนีรอดไปได้
ตระกูลจางโกรธเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารายงานไปยังที่ว่าการอำเภอและเสนอรางวัลซุนซู่ด้วยเงินตัวเอง แม้ว่าจะให้เพียงข้อมูลของซุนซู่ก็สามารถรับเงินจำนวนมากได้
ในฐานะรองผู้ดูแลศูนย์การแพทย์ เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเฉินเฟยจึงต้องไปศูนย์การแพทย์
“หมอฉินตาย?”
หลังมาถึงศูนย์การแพทย์ได้ไม่นานก็ได้รับข่าวอีกอย่าง หมอฉินที่มาศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงเมื่อไม่กี่วันก่อนถูกฆ่าตายอยู่ที่ถนน
ฆาตกรสวมหมวกไม้ไผ่จึงเห็นหน้าได้ไม่ชัดเจน แต่เฉินเฟยรู้ดีว่าฆาตกรคือซุนซู่
“เป็นคนที่มีใจแก้แค้นรุนแรงจริง!”
เฉินเฟยพึมพำกับตัวเอง ซุนซู่คงเดาได้ว่าการที่เขาโดนเปิดเผยเกี่ยวข้องกับหมอฉินที่เพิ่งมาศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงไม่กี่วันก่อน
สิ่งที่เฉินเฟยคิดไม่ถึงคือหลังจากซุนซู่หนีออกจากศูนย์การแพทย์เขาไม่ได้ออกจากอำเภอทันทีแต่กลับไปฆ่าหมอฉินแทน ยังไม่ทันข้ามคืนก็แก้แค้นแล้ว โหดเหี้ยมมาก!
ทุกคนในศูนย์การแพทย์ต่างรู้เรื่องนี้ ดังนั้นตระกูลจางย่อมรู้เรื่องนี้เร็วกว่า
ตระกูลจางโกรธยิ่งกว่าเดิมเพราะการกระทำของซุนซู่สร้างความอับอายให้กับตระกูลจาง ไม่น่าแปลกใจที่จำนวนรางวัลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันทีและมาถึงจุดที่เฉินเฟยรู้สึกอยากลงมือเมื่อเห็นจำนวนรางวัล
แต่เมื่อคิดถึงพลังของซุนซู่ในตอนนี้เฉินเฟยเลยล้มเลิกความคิดนี้
ตอนเช้าคนคุ้มกันไปห้าคน หนึ่งคนอยู่ในระดับหลอมกระดูกและสี่คนอยู่ในระดับขัดเกลากล้ามเนื้อ ซุนซู่โดนปิดล้อมแต่กลับฆ่าได้สองคนและยังหนีไปได้ คนตัวเล็กอย่างเฉินเฟยยังไม่พอสำหรับซุนซู่แน่นอน
ศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงตลอดทั้งวันและทุกคนต่างเหม่อลอย
ตกกลางคืน เฉินเฟยออกจากศูนย์การแพทย์เดินกลับไปที่พัก
เขาเดินไปมาตามตรอกซอกซอยสองสามแห่ง เมื่อเฉินเฟยกำลังจะเดินเข้าไปในลานบ้านเขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหัก หันมองไปรอบด้านด้วยความลังเลและค่อยๆถอยหลังไปสองสามก้าว
“ความรู้สึกเจ้าเฉียบแหลมจริง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนระวังตัวขนาดนี้!”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นร่างดำปรากฏที่ผนังลานบ้านและมองลงมาที่เฉินเฟย สายตาเย็นชาของเขาทำให้ร่างกายต้องสะท้าน
“ผู้ดูแลซุน?”
รูม่านตาเฉินเฟยหดตัว แม้ผู้มาเยือนจะปิดบังหน้าตาแต่เฉินเฟยบ่งบอกตัวตนได้จากการมองรูปร่าง
“ตอนนี้ข้าไม่ใช่ผู้ดูแลแล้ว เป็นเพียงสุนัขหลงทาง!” ซุนซู่หัวเราะเสียงต่ำ น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวราวกับว่าเข็มบางๆนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงคอ
“ผู้ดูแลซุนล้อเล่นแล้ว”
เฉินเฟยถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเงียบๆ เขามองซุนซู่แล้วพูด “ไม่ทราบว่าผู้ดูแลซุนมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร?”
“วันนี้ข้าคิดอยู่พักหนึ่งว่าทำไมตระกูลจางถึงรู้เรื่องของข้า คนหนึ่งที่นึกได้คือคนสกุลฉิน ส่วนอีกคนคือเจ้า!”
ซุนซู่มองเฉินเฟยด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนออกจากอำเภอผิงหยินข้าต้องมาหาเจ้าก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่สบายใจนัก”
“ผู้ดูแลซุน ท่านเข้าใจผิดแล้ว!”
“ถ้าข้าคิดว่ามันถูกมันก็ถูก ส่วนเจ้าจะคิดอย่างไรมันไม่ใช่เรื่องของข้าไม่ใช่หรือ? ข้าต้องการฆ่าเข้า แล้วเจ้าจะทำอะไรได้!” ซูนซู่หัวเราะเสียงดัง
“ผู้ดูแลซุนพูดมีเหตุผล ลาก่อนผู้ดูแลซุน!”
เสียงเฉินเฟยแผ่วเบาลง ร่างกายเขาสั่นเทาและหายไปจากจุดนั้น
“คิดหนี? เจ้าถามข้าหรือยัง?”
ซุนซู่ตะคอกเย็นชา เขาเคลื่อนไหวตามเฉินเฟยไป หลังติดตามมาระยะหนึ่งรอยยิ้มซุนซู่ก็ค่อยๆหายไป
ซุนซู่คิดว่าสามารถจับเฉินเฟยได้ในไม่กี่ก้าว แต่ตอนนี้ระยะห่างจองทั้งสองกลับไกลออกไปเรื่อยๆ เพียงครู่เดียวทั้งสองฝ่ายก็ห่างกันหลายสิบหมี่
และเมื่อเวลาผ่านไประยะห่างนี้ก็ยังมากขึ้น
ดวงตาซุนซู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เฉินเฟยเพิ่งทะลวงระดับขัดเกลาผิวหนังไม่ใช่หรือ?
นี่เป็นการเคลื่อนไหวของนักยุทธ์ขัดเกลาผิวหนัง?