ตอนที่ 22 พลังตระหนกล่องลอย
เฉินเฟยรู้สึกวิงเวียนหลังอ่านตำรานี้ ในทุกละประโยคล้วนสมเหตุสมผล แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มฝึกยังไง
หนึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยวางตำราลง ความรู้สึกหนึ่งในใจเขาคือมีบางอย่างอยู่ในตำราวิชาเล่มนี้ ถ้าฝึกตามตำราเกรงว่าคงได้เกิดธาตุไฟเข้าแทรก
“พลังกระบี่ฟ้าคำราม...ทำให้เป็นแบบง่ายสำเร็จ...พลังกระบี่ฟ้าคำราม → เคล็ดอักษรตื่นตระหนก!”
“มีบางอย่างจริงด้วย!”
ดวงตาเฉินเฟยเป็นประกาย ความเข้าใจเคล็ดอักษรตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในใจ เฉินเฟยเริ่มหมกมุ่นอยู่กับมันอีกครั้ง ครึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยลืมตาขึ้น
“มันเป็นส่วนหนึ่งของพลังกระบี่ฟ้าคำราม”
เฉินเฟยยกยิ้มมุมปาก หากเข้าใจพลังกระบี่ฟ้าคำรามได้อย่างสมบูรณ์นอกจากจะฝึกฝนได้เร็วขึ้น การเคลื่อนไหวยังมาพร้อมกับพลังอสนีบาต
เคล็ดอักษรตื่นตระหนกไม่มีพลังอสนีบาต แต่มันสืบทอดความเร็วในการบ่มเพาะมา
แน่นอนว่าเคล็ดอักษรตื่นตระหนกไม่มีข้อเสียเพราะเป็นส่วนหนึ่งของวิชาพลังกระบี่ฟ้าคำราม แต่ถ้าฝึกอย่างไม่ระวังก็จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้ง่าย
เคล็ดอักษรตื่นตระหนกคือตัวเร่งความเร็ว หากร่างกายสามารถทนได้เลือดลมจะไหลเวียนอย่างรวดเร็ว พลังกระบี่ฟ้าคำรามต้นฉบับมีพลังอสนีบาตบรรจุอยู่ในนั้นซึ่งสามารถทำให้ร่างกายสงบลง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเลือดลมไหลเวียนเร็วเกินไป
“ผสาน!”
ในใจเฉินเฟย ความเข้าใจวิธีหายใจลมล่องลอยระดับรู้แจ้งและเคล็ดอักษรหวาดตื่นตระหนกผสานเข้าด้วยกัน ส่วนหนึ่งของวิธีหายใจลมล่องลอยถูกลบออกและเติมด้วยเคล็ดอักษรตื่นตระหนก
[วิชายุทธ์: พลังตระหนกล่องลอย(สมบูรณ์1127/10000]
วิชาใหม่ปรากฏบนระบบ เคล็ดอักษรตื่นตระหนกมีส่วนอย่างมากในวิชาใหม่แต่ยังไม่กับทำให้ตกตะลึง ไม่อย่างนั้นความชำนาญจะไม่ขึ้นมาอยู่จุดนี้ทันที
“พลังตระหนกล่องลอยแบบง่าย”
“พลังตระหนกล่องลอยแบบง่าย...ทำให้เป็นแบบง่ายสำเร็จ...พลังตระหนกล่องลอย → วิธีหายใจลมล่องลอย!”
ตามที่เฉินเฟยคาดไว้ ตุ๊กตาแม่ลูกดกปรากฏขึ้นอีกครั้ง เฉินเฟยใช้วิธีหายใจลมล่องลอย คะแนนความชำนาญพลังตระหนกล่องลอย+1 รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเฉินเฟย ปัญหาการฝึกได้รับการแก้ไขเล็กน้อย แต่เงินที่เก็บมาด้วยความยากลำบากลดลงจนถึงจุดต่ำสุดอีกครั้ง
ขัดเกลาผิวหนัง ขัดเกลากล้ามเนื้อ หลอมกระดูก ขัดเกลาไขกระดูก ขัดเกลาอวัยวะภายใน นี่คือระดับทั้งห้าของการปรับแต่งร่างกาย ในห้าระดับนี้แม้แต่วิธีหายใจจีซานธรรมดาสามารถทำให้นักยุทธ์มีโอกาสฝึกฝนจนถึงระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักเพราะบ่มเพาะด้วยวิธีหายใจของจีซานนั้นช้ามาก ประมาณได้ว่าต่อให้แก่ตายก็ทำไม่ได้ บอกได้ว่ามันมีโอกาสแต่โอกาสมีเพียงน้อยนิด
ดังนั้นเมื่อนักยุทธ์ไปถึงระดับใหม่ หนึ่งในเป้าหมายคือวิชาทรงพลัง ตัวอย่างเช่นตระกูลหรือศิษย์สำนักที่มีอำนาจ เมื่อเริ่มฝึกฝนก็จะได้วิชาดีที่เกือบไม่ต้องเปลี่ยนอีก
มีเพียงคนไม่มีพื้นหลังแบบเฉินเฟยเท่านั้นที่ต้องหาโอกาสแลกวิชาฝึกฝนทรงพลัง
“การทำให้เป็นแบบง่ายหลังผสานเข้าด้วยกันจะใช้เงินน้อยลง ข้าเชี่ยวชาญหลายอย่างแล้วด้วย แต่การทำให้เซียนชี้นำเป็นแบบง่ายครั้งที่สองต้องใช้มากกว่าเงินเดิมสิบเท่า ความรู้เป็นสิ่งที่แพงจริงๆ!”
เฉินเฟยพึมพำกับตัวเองจากนั้นนั่งสมาธิเริ่มฝึกฝน ค่ำคืนผ่านไปในพริบตา
วันต่อมา เฉินเฟยยังคงหลอมโอสถในศูนย์การแพทย์ตามปกติ ตกกลางคืน เฉินเฟยเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปที่ตลาดมืด
ครั้งนี้เฉินเฟยเปลี่ยนไปใช้ตัวตนใหม่ที่แตกต่างจากเดิม หน้าตาในตอนนี้ดูน่าเกรงขาม แม้จะสวมหน้ากากอยู่ก็ยังเห็นรอยแปลเป็นที่หางตา
“รับโอสถหรือไม่?”
เฉินเฟยมาแผงขายของแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห่ง
ตำราปลอมตัวเล่มนั้นน่าอัศจรรย์จริง หลังเฉินเฟยฝึกฝนจนถึงระดับรู้แจ้งก็สามารถปรับแต่งใบหน้ากับเสียงได้ตามที่ต้องการ แม้แต่การเปลี่ยนรูปร่างเล็กน้อยก็ไม่ใช่ปัญหา
สวมหน้ากากและหมวกไม้ไผ่ ต้องมีใบหน้านับพันจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจดจำ
“ต้องดูรูปลักษณ์โอสถก่อน หากดูดีก็รับ”
เจ้าของร้านชำเลืองมองเฉินเฟย พอเห็นแผลเป็นตรงหางตาเฉินเฟยเขาจึงพูดอย่างไม่เร่งรีบ
“รับ!”
เฉินเฟยโยนขวดโอสถออกไป เจ้าของร้านรับขวดแล้วเปิดจุกออก กลิ่นหอมโอสถโชยออกมา รูปลักษณ์ของโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพระดับรู้แจ้งไม่มีข้อบกพร่องใดๆ
หากสังเกตให้ดีจะพบว่าโอสถนี้ดีกว่าที่ขายในศูนย์การแพทย์และร้านขายโอสถตามท้องตลาด หากไม่ใช่นักหลอมโอสถที่มีประสบการณ์หลายปีคงทำโอสถแบบนี้ไม่ได้
เจ้าของร้านดูโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพในขวดด้วยดวงตาเป็นประกาย หลังปิดขวดโอสถอีกครั้ง เจ้าของร้านพูดกับเฉินเฟยด้วยเสียงอ่อนลง
“เป็นโอสถที่ดี หากมันมีรูปลักษณ์เช่นนี้ตลอดข้าจะรับมันทั้งหมด”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องรูปลักษณ์ เจ้าสามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ บอกราคามา ถ้าราคาถูกต้องต่อจากนี้ข้าจะขายให้เจ้า” เฉินเฟยกอดอกพูด
“ได้เท่าไหร่?”
“สามวัน สิบถึงยี่สิบเม็ด”
“อืม สำหรับจำนวนนี้ข้าจะรับหนึ่งเม็ดเจ็ดตำลึง” เจ้าของร้านตอบกลับหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“น้อยเกินไป!” เฉินเฟยส่ายหัว
“ราคานี้ไม่น้อยแล้ว พวกเราต้องนำไปขายต่อจึงต้องทำกำไรบ้าง” เจ้าของร้านยืนกราน
เฉินเฟยไม่พูดและทำท่าทางหยิบขวดโอสถเดินออกจากแผงขายราวกับว่าเขาไม่ต้องการพูดต่อ
“เฮ้ อย่าเพิ่งไป ราคายังต่อรองกันได้” เจ้าของร้านตกใจรีบหยุดไว้เฉินเฟยทันที
ครู่ต่อมา เฉินเฟยออกจากตลาดมืด สุดท้ายได้ราคาที่แปดตำลึง เขาพูดไม่ได้ว่าพอใจกับราคานี้แต่มันยังพอรับได้ เมื่อเทียบกับศูนย์การแพทย์ชิงเจิ้งแล้ว เฉินเฟยยังคงได้รับเงินจำนวนมากอยู่
หลอมโอสถ ฝึกฝน เพิ่มความชำนาญ ชีวิตของเฉินเฟยเหมือนกลับมาสงบอีกครั้ง
แต่เมื่อถึงวันที่ห้า เฉินเฟยพบหมอฉินในห้องโถงทางการแพทย์
หมอฉินเดินไปรอบศูนย์การแพทย์สองสามครั้ง เมื่อผู้ดูแลซุนปรากฏตัวทั้งสองก็แลกเปลี่ยนคำพูดกันเล็กน้อยและยังพูดคุยกันด้วยดี ครึ่งชั่วยามต่อมา หมอฉินออกจากศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิง
เฉินเฟยยังคงไม่เคลื่อนไหวเพราะรู้ว่าจางซือหนานกำลังจะเริ่มทำอะไรบางอย่าง สองสามวันต่อจากนี้อาจมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น
เฉินเฟยคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งและตัดสินใจไม่มาศูนย์การแพทย์ในช่วงนี้ ตอนนี้เป็นเเวลาที่ดีเหมือนกันที่จะอยู่บ้านเพิ่มความชำนาญพลังตระหนกล่องลอย ในขณะเดียวกันยังสามารถเดินเล่นในอำเภอได้ด้วย
เขาอยู่ในโลกนี้มานานแล้ว ในตอนแรกเขายุ่งอยู่กับการทำมาหากินและหลังจากนั้นติดอยู่กับการบ่มเพาะ เฉินเฟยไม่ค่อยรู้วิถีชีวิตของอำเภอนี้มากนัก
เนื่องจากบรรพบุรุษเป็นคนรับใช้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีโอกาสมากมาย
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฉินเฟยขอลาป่วยจากนั้นออกไปเดินเล่นรอบอำเภอผิงหยิน
ออกไปกินดื่มอย่างมีความสุข ตอนนี้เงินที่เฉินเฟยมีเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับคนธรรมดา เมื่อมีเงินแล้วอยากจะกินอะไรก็กินได้
แม้กระทั่งไปฟังเพลงที่ร้านอาหาร เฉินเฟยเข้าไปสองสามครั้งและรู้สึกค่อนข้างสบายใจ
ไวน์รสเลิศในร้านอาหารและของว่างริมทาง เฉินเฟยเหมือนนกที่เพิ่งหนีออกจากกรง ร่างกายและจิตใจของเขาต่างเต็มเปี่ยมด้วยความสุข
“ช่วงนี้มีหลายอย่างเกิดขึ้นในภูเขาผิงหยิน สมุนไพรหาได้ไม่ง่ายนัก”
ในตลาดมืด ฉือเต๋อเฟิงมองเฉินเฟยโดยรู้สึกอยู่เสมอว่าสถานะเฉินเฟยเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ต่อให้เก็บได้ไม่ดี เจ้าก็ไม่ควรใช้สมุนไพรปลอม”
เฉินเฟยทำอะไรไม่ถูก ครั้งแรกมีสมุนไพรปลอมสี่ส่วน ครั้งที่สองเป็นสมุนไพรจริงทั้งหมด เยี่ยมจริงๆ วันนี้ซึ่งเป็นครั้งที่สามกลับมีสมุนไพรปลอมสี่ส่วนอีกครั้ง
ความแตกต่างคือสมุนไพรปลอมพัฒนาขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งก่อน