ตอนที่ 20 ไม่พอใจ
“ดื่ม ทุกคนจงดื่มให้ข้า!”
ในร้านอาหาร ผูเลี้ยวกำลังชนจอกกับหลายคนอย่างมีความสุข
“นี่ก็ดึกแล้ว อีกไม่นานร้านคงปิด วันนี้คงอยู่ต่อไม่ได้” ผู้คุ้มกันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้ายังดื่มไม่เสร็จ จะปิดทำไม!” ผูเลี้ยวหันไปพ่นเสมหะลงพื้น
ผู้คุ้มกันหลายคนมองหน้ากันและมีคนแอบเม้มปาก แม้ตอนนี้ผูเหลียวจะบาดเจ็บจนขาไม่ปกติ แต่ตระกูลจางไม่ได้ทิ้งเขาและเก็บไว้ที่ศูนย์การแพทย์ชิงเจิ้ง
แม้ผูเหลียวที่ขาพิการตลอดชีวิตยังเป็นหัวหน้าพวกเขา แต่แรงผลักดันของเขาไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ผูเหลียวที่กินอาหารและดื่มสุรามากมายเดินโซเซกลับมาที่ห้องพัก
ในตอนกลางคืนเงียบสงบนี้ไม่มีคนเดินเท้าอยู่ในอำเภอ แต่ผูเหลียวไม่ได้กลัวและยังฮัมเพลงเสียงดัง
ไม่กี่วันนี้เขาอารมณ์ดีอยู่เสมอ แม้จะขาหักแต่มันไม่อาจปิดซ่อนอารมณ์ได้ เขากินดื่มสุราแบบนี้มาหลายวันแล้ว
“เอี๊ยดดด”
ประตูเก่าเปิดออกพร้อมส่งเสียง ผูเหลียวเข้าไปในบ้านแล้วล็อคประตู เขาจุดเทียนและกำลังจะจิบชาบนโต๊ะแต่ก็เหลือบไปเห็นคนนั่งอยู่ตรงมุมห้อง
ผูเหลียวที่กำลังมึนเมาตาสว่างทันที เหงื่อเย็นเริ่มไหลออกมา เขาถือกระบี่ยาวมองร่างนั้นอย่างจริงจังและพบว่าเป็นเฉินเฟย
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!”
ผูเหลียวตกใจแต่แสร้งทำเป็นสงบและถามเฉินเฟย ลูกตากลอกไปทางซ้ายขวาคิดหาทางหนี
จู่ๆเฉินเฟยก็ปรากฏตัวที่นี่ เรื่องการลอบฆ่าคงล้มเหลวแล้ว เห็นได้ชัดว่าเฉินเฟยอยู่ระดับขัดเกลาผิวหนัง แล้วมันรอดมาได้ยังไง?
ผูเหลียวไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขาต้องทำให้เฉินเฟยสงบก่อน
“ทำไมเจ้าถึงส่งคนมาฆ่าข้า? ตอนเจอโจรพวกนั้นข้าก็เป็นคนพาเจ้ากลับมา” เฉินเฟยมองผูเลี้ยวอย่างนิ่งเฉย นี่คือสิ่งที่เฉินเฟยไม่เข้าใจ
พวกเขาเคยมีเรื่องบาดหมางกัน แต่เรื่องใหญ่ที่สุดคือการขอให้สอนวิชาในตอนนั้น เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าเลยต้องการฆ่าเขา?
“ข้าจะส่งคนไปฆ่าเจ้าเพื่ออะไร!”
ผูเหลียวมองเฉินเฟยด้วยใบหน้าว่างเปล่า “อย่าได้ใส่ร้ายข้า!”
“อารมณ์ของเจ้าแตกต่างจากตอนปกติมาก ดูแล้วคงเป็นฝีมือเจ้าจริง!”
เฉินเฟยถือกระบี่ยาวเริ่มเดินไปหาผูเหลียวทีละก้าว เนื่องจากถามหาเหตุผลไม่ได้เฉินเฟยจึงหยุดถาม ในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีเหตุผล
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า เพียงเจ้าอยากฆ่าข้า เจ้าจะใช้ข้ออ้างเช่นนี้ไม่ได้!”
เมื่อเห็นเฉินเฟยใกล้เข้ามา ผูเลี้ยวจึงตะโกนออกไปอย่างร้อนรน “ข้าจงใจทำเรื่องยากตอนสอนวิชา นี่เป็นความผิด ข้าสามารถขอโทษเจ้าได้ พรุ่งนี้จะจัดโต๊ะที่หอเยี่ยนเฟยแล้วขอโทษเจ้าต่อหน้าผู้คน”
ผูเหลียวถอยหลังขณะที่ตะโกน
“ไม่จำเป็น” เฉินเฟยส่ายหน้า
“ถ้าข้าถูกฆ่าตระกูลจางต้องตรวจสอบแน่ หลักฐานเป็นสิ่งสำคัญ หากเจ้ามีหลักฐานว่าข้าต้องการฆ่าเจ้า ข้าจะยอมตายโดยไม่พูดแม้แต่น้อย แต่วันนี้เจ้ากลับห้าข้ออ้างมาทำเช่นนี้ ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด!” ผูเหลียวตะโกนเสียงดัง
เฉินเฟยหยุดเดิน เมื่อเห็นแบบนั้นผูเหลียวจึงถอนหายใจโล่งอก ในขณะที่เขากำลังจะพูดต่อ แสงเย็นวาบผ่านในห้องสลัว
ผูเหลียวตัวแข็งทื่อกระทันหัน มีรอยเลือดปรากฏบนหน้าผากเขา เขามองเฉินเฟยโดยกำลังคิดว่าถ้าทำให้เฉินสงบลงได้เขาคงรอดจากหายนะครั้งนี้
“ข้าไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน”
เมื่อเห็นผูเหลียวตาย เฉินเฟยจึงสะบัดตัวออกจากห้อง
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยกลับมาที่ลานบ้านเช่า
มองดวงจันทร์สว่างไสวบนท้องฟ้าแล้วถอนหายใจ เขาแค่ต้องการฝึกฝนเงียบๆแต่โลกนี้กลับไม่ให้โอกาสนั้น
บ่ายวันต่อมา ข่าวการตายของผูเหลียวกระจายไปทั่วศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิง
“โจรพวกนั้นทำอีกแล้วหรือ เงียบหายไปหลายวันก็กลับมาอีก!”
“ไม่น่าใช่ ก่อนหน้านี้เป็นการฆ่าครอบครัวใหญ่ ผูเหลียวเป็นแค่คมคุ้มกัน เขาไม่ควรตกเป็นเป้า”
“ใครจะไปบอกได้ชัดล่ะ ช่วงนี้พักอยู่ในศูนย์การแพทย์เถอะ ที่นี่มีคนเยอะน่าจะปลอดภัยกว่า”
ในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิง ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้ และหลิวจวินมาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องนี้กับเฉินเฟย
ไม่มีใครเชื่อมโยงการตายของผูหลียวกับเฉินเฟยนักหลอมโอสถ
หลายคนรู้ว่าเฉินเฟยเพิ่งทะลวงระดับขัดเกลาผิวหนังได้ไม่นาน ความสามารถหลักของเขาอยู่ที่การหลอมโอสถและไม่ได้มีความข้องใจกับผูเหลียว
ไม่ว่าจะมองอย่างไรทั้งสองคนก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน และเฉินเฟยไม่มีพลังพอที่จะฆ่าผูเหลียวด้วย
เฉินเฟยหลอมโอสถเลือดลมตามปกติ เพิ่มความชำนาญโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพ ในใจของเขากำลังนึกถึงการไปรับสมุนไพรในตลาดมืดคืนนี้
เมื่อได้รับสมุนไพรมา เฉินเฟยจะสามารถหลอมโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพและนำไปขายในตลาดมืดได้
แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะไม่เป็นอันตราย แต่ความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งของเฉินเฟยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันตรายคือสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ จะหลีกเลี่ยงมันได้ต่อเมื่อแข็งแกร่งมากพอเท่านั้น
ช่วงใกล้ค่ำ เฉินเฟยกำลังตั้งเตาหลอมโอสถเลือดลมชุดสุดท้ายของวันนี้ ทันใดนั้นเขาได้รับแจ้งให้ไปที่ตระกูลจาง
เฉินเฟยประหลาดใจเล็กน้อย บางทีคุณหนูใหญ่จางซือหนานอาจต้องการถามเรื่องศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงไม่ก็การตายของผูเหลียว
เฉินเฟยจัดชุดมห้เป็นระเบียบแล้วไปที่ตระกูลจาง
ลานบ้านกว้างขวาง หลังคาบนกำแพงหินเป็นสีทอง บ้านตระกูลจางงดงามอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟยมามาที่คฤหาสน์ตระกูลจาง เขาเข้าไปทางประตูเล็กและเดินตามคนรับใช้ไปลานบ้านที่แยกออกมา
เฉินเฟยเงยหน้าขึ้น ในขณะนี้จางซือหนานกำลังคุยกับเซิงเต๋อฟางอยู่
“ยินดีที่ได้พบคุณหนูใหญ่ ยินดีที่ได้พบผู้อาวุโสเจิง!” เฉินเฟยเดินไปแล้วกุมมือ
“เจ้าคุ้นเคยกับศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงหรือยัง?”
จางซือหนานหันไปมองเฉินเฟยขึ้นลง เมื่อเทียบกับตอนบรรเทาภัย ตอนนี้เฉินเฟยดูแข็งแรงขึ้นมากซึ่งทำให้คนที่มองรู้สึกเจริญตามากขึ้น
เดิมทีมีร่างผอมคล้ำซึ่งทำให้ผู้คนไม่พอใจ หากไม่ได้เป็นนักหลอมโอสถเฉินเฟยคงไม่อาจดึงดูดสายตาจางซือหนานได้
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่สำหรับความห่วงใย ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“เจ้าพบอะไรในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงหรือไม่?” จางซือหนานถามอย่างราบเรียบ
จางซือหนานรู้ข่าวการตายของผูเหลียวเช่นกัน ดังนั้นนางจึงนึกถึงเฉินเฟยและภารกิจที่มอบหมายให้เฉินเฟย วันนี้นางเพียงเรียกเขามาถามเรื่องนี้
“ทุกอย่างในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงถูกควบคุมโดยผู้ดูแลซุน ข้าจึงไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบ” เฉินเฟยพูดตามความจริง
“ผู้ดูแลซุนเป็นคนระมัดระวังอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติที่ผู้ดูแลซุนจะระมัดระวังเมื่อจู่ๆเฉินเฟยก็มาที่ศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิง”
เมื่อเห็นจางซือหนานขมวดคิ้ว เจิงเต๋อฟางจึงอธิบายให้เรื่องของเฉินเฟย
และความจริงเป็นแบบนี้เหมือนกัน ผู้ดูแลซุนไม่ได้วางใจเฉินเฟยแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะช่วงนี้เฉินเฟยหลอมโอสถอย่างซื่อสัตย์และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งอื่น ในเวลานี้ศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงคงไม่สงบ
“อย่างที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ หากเจ้าพบสิ่งผิดปกติข้าสามารถมอบสูตรโอสถจิตเบาให้เจ้าได้ แต่ถ้าเจ้ายังไม่มีความคืบหน้าข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่เดิม และอัตราส่วนแบ่งจะเปลี่ยนกลับเป็นสามส่วน”
จางซือหนานไม่พอใจเล็กน้อยและพูดอย่างเย็นชา “คิดเอาเถอะ! หากไม่มีอะไรแล้วก็กลับไป”
จางซือหนานออกคำสั่งไล่แขก เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจผลงานของเฉินเฟย