ตอนที่ 16 แสดงอำนาจ
“ตอนนี้ผู้ดูแลซุนอยู่ภายในห้อง ให้ข้าไปรายงานหรือไม่?”
ในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิง หลิวจวินที่ตามเฉินเฟยมาถามด้วยเสียงเบา
เมื่อได้ยินว่าศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงจะมีรองผู้ดูแลคนใหม่มาหลิวจวินจึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นคนของศูนย์การแพทย์ เขาทำได้เพียงกอดต้นขาเท่านั้นถึงจะไปได้ไกลกว่านี้
รองผู้ดูแลคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาย่อมมีคนคุ้นเคยไม่มากนัก ถ้าเขาเข้าใกล้ในเวลานี้แน่นอนว่าต้องได้เป็นลูกน้องเขาแน่นอน
“ไม่ต้อง รอให้ผู้ดูแลซุนว่างก่อนแล้วกัน”
เฉินเฟยส่ายหน้า ผู้ดูแลซุนรู้ว่าเขาจะมาวันนี้แต่กลับไม่ได้ออกมาต้อนรับและทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ ในเมื่อไม่ชอบกันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันก็สะท้อนความคิดของผู้ดูแลซุนอยู่ดี
เฉินเฟยไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเช่นกัน การมาที่ศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงเฉินเฟยไม่คิดจะหาหลักฐานใดๆจากผู้ดูแลซุน เพียงแค่มาหลอมโอสถอย่างสบายใจ ทำเงินให้ได้มากๆและพัฒนาการฝึกฝน
สำหรับเค้กที่ตระกูลมอบให้ เฉินเฟยไม่คิดจะกินมันเลย
“ผู้ดูแลซุนมีงานอดิเรกหรือไม่?” เฉินเฟยเดินไปรอบห้องหลอมโอสถจากนั้นหันไปมองหลิวจวิน
“ผู้ดูแลซุนชอบเตะ” หลิวจุนพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ
“เตะ?”
สีหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่เป็นงานอดิเรกที่แปลกมาก แต่เฉินเฟยก็นึกถึงตัวเอง เขาเดาว่าในสายตาของคนอื่นเขาน่าจะแปลกยิ่งกว่า
“โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
เสียงพูดดังมาจากด้านหน้า เฉินเฟยเดินออกจากห้องหลอมโอสถมาที่สวนด้านหลัง เขาเห็นผู้คุ้มกันสามคนจับตัวคนรับใช้เอาไว้ คนใช้มีรอยฟกช้ำที่จมูก ใบหน้าบวมเปล่ง มุมปากยังมีรอยเลือด
ตอนนี้เขากำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ก้มหัวอยู่ตลอดเวลา ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เขาซ่อนสมุนไพรและโดนจับได้” เมื่อเห็นเฉินเฟยมองดู หลิวจวินจึงอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา
เฉินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ตามกฎของศูนย์การแพทย์คนรับใช้ที่แอบซ่อนสมุนไพรจะถูกทุบตีและทำให้พิการ แน่นอนว่าในความเป็นจริงสถานการณ์แบบนี้ค่อนข้างหายาก คนรับใช้แค่จะโดนทุบตีและถูกหักค่าจ้างสามเดือนเป็นบทเรียน
มีแค่ไม่กี่กรณีเท่านั้นที่การทุบตีทำให้พิการจะเกิดขึ้นจริง และนั่นเป็นกรณีของผู้กระทำความผิดครั้งที่สอง
“ลูกของข้าป่วยหนัก ข้าจำเป็นต้องทำจริงๆ ต่อจากนี้ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!” คนรับใช้ร้องไห้อย่างขมขื่น
“ปัง!”
ประตูห้องผู้ดูแลซุนเปิดออก ผู้ดูแลซุนเดินออกมาช้าๆจนมาถึงด้านหน้าคนรับใช้และมองคนรับใช้จากจุดที่สูงกว่า
“ผู้ดูแลซุน ข้าไม่กล้าทำแล้ว ได้โปรด!” คนรับใช้ก้มหัวกระแทกพื้นอย่างแรกจนมีเลือดไหลออกจากหน้าผาก
“เรื่องแบบนี้ให้โอกาสกันไม่ได้หรอก”
ผู้ดูแลซุนแสดงรอยยิ้มบนใบหน้า ดวงตาคนรับใช้เบิกกว้างด้วยความสยดสยอง ขณะที่เขากำลังจะถอยกลับ ก็มีฝ่าเท้าหนึ่งเหยียบลงบนมือ
“อ๊ากก!”
คนรับใช้ร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ผู้ดูแลซุนยังคงไม่ไหวติง เขาขยี้ฝ่าเท้าอย่างหนักจนกระทั่งเลือดชุ่มเท้าและอาบพื้นดิน
“ได้โปรด..”
“แคร้ก”
ก่อนที่คนรับใช้จะพูดจบ ผู้ดูแลซุนเตะแขนทั้งสองข้างของคนรับใช้จนกระดูกหัก ก่อนที่คนรับใช้จะทันได้ตอบสนอง ร่างกายของเขาก็ล่วงหล่นไปข้างหน้า
“แคร้ก!”
มีเสียงแตกหักดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ดูแลซุนปรากฏด้านหลังคนรับใช้และเหยียบลงที่น่องจนกระดูกแตกละเอียดและเลือดสาดกระจาย
“อย่าบอกว่าข้ากำจัดจนไม่เหลือ ข้าเหลือขาไว้ให้แล้วข้างหนึ่ง”
ผู้ดูแลซุนพูดเสียงเบากับคนรับใช้ที่หมดสติไปเพราะความเจ็บปวด ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านข้างรีบสาดน้ำใส่หน้าคนรับใช้เพื่อปลุกเขา
“ขอบคุณ...ขอบคุณผู้ดูแลซุน!” ริมฝีปากคนรับใช้สั่นเทา เขามองผู้ดูแลซุนผู้สูงส่งแล้วพูดเสียงเบา
ผู้ดูแลซุนยิ้ม เขาหันไปมองเฉินเฟยที่อยู่ไกลออกมาแล้วค่อยๆเดินกลับเข้าห้องตัวเอง
หลิวจวินหดหัวโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของผู้ดูแลซุนน่ากลัวมากจนทำให้เขาสั่นสะท้าน
เฉินเฟยไม่พูดอะไร เขามองด้านหลังผู้ดูแลซุนแล้วหันมามองคนรับใช้บนพื้น
นี่เป็นจุดจบของผู้คนในโลกนี้ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดแต่สามารถสูญเสียทุกอย่าได้ตลอดเวลา เจ้าของร่างเดิมของเฉินเฟยไม่ต้องการเป็นแบบนี้ เฉินเฟยในตอนนี้ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้เช่นกัน
ต้องมีพลังยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงสามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นี้ได้
เฉินเฟยเข้ารับตำแหน่งในศูนย์การแพทย์เป่ยเฉิงอย่างเป็นทางการ และแสดงท่าทางที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้คน เขาไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องในศูนย์การแพทย์และจดจ่ออยู่กับการหลอมโอสถทุกวัน
เฉินเฟยยังคงเพิ่มปริมาณหลอมโอสถเลือดลมและปล่อยให้ศูนย์การแพทย์ขายมันเพื่อเก็บเงินห้าร้อยตำลึงให้ได้เร็วขึ้น เฉินเฟยโลภเซียนชี้นำครั้งที่สองเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกันเฉินเฟยได้ทำให้โอสถฟื้นฟูสมรรถภาพที่เขาเพิ่งได้รับมาเป็นแบบง่าย ซึ่งผลลัพธ์ของมันค่อนข้างเหนือความคาดหมายของเฉินเฟย หลังโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นแบบง่าย ความชำนาญของมันจะเพิ่มขึ้นเมื่อหลอมโอสถเลือดลม
เฉินเฟยคิดเสมอว่าจะผสานวิชาเข้าด้วยกันหลังทำให้เป็นแบบง่าย แต่ปรากฎว่าสูตรโอสถที่ได้มาจัดอยู่ในประเภทเดียวกันดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องนำไปผสาน
ท้ายที่สุดแล้วสมุนไพรครึ่งหนึ่งที่ใช้หลอมโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นเหมือนกับโอสถเลือดลม สิ่งนี้น่าจะเป็นเหตุผลของเรื่องนั้น
เขาไม่จำเป็นต้องทำอาหารอีกแล้ว เพียงแค่หลอมโอสถเลือดลม ความชำนาญโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันเฉินเฟยไม่เคยหยุดฝึกฝนท่าร่าง จนกระทั่งในวันที่ห้าหลังจากได้รับท่านร่างทั้งสี่ เฉินเฟยฝึกท่าร่างทั้งสี่จนถึงระดับรู้แจ้ง
[วิชายุทธ์: ก้าวข้ามแม่น้ำเมฆา(รู้แจ้ง)]
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เฉินเฟยก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในด้านความยืดหยุ่นและความเร็ว เฉินเฟยมองนักยุทธ์ขัดเกลาผิวหนังวิ่งไปมาได้ทัน หลังจากเปรียบเทียบกันเฉินเฟยพบว่าความเร็วของเขาเหนือกว่า
แต่เฉินเฟยยังตัดสินได้ยากว่าตอนนี้เขาอยู่ในระดับใด ก้าวข้ามแม่น้ำเมฆาในตอนนี้ยังห่างไกลจากจุดสูงสุด เฉินเฟยต้องการผสานท่าร่างอันอื่นเข้าไปด้วย
ตอนกลางคืน เฉินเฟยห่อหน้าด้วยผ้าแล้ววิ่งอยู่ในเมืองผิงหยินอย่างไร้จุดหมาย ความรู้สึกสนุกสนานทำให้เฉินเฟยอยากตะโกนออกมา แต่สุดท้ายเฉินเฟยต้องห้ามใจตัวเองไว้ ถ้าเขาตะโกนออกมาเกรงว่าคงได้เกิดปัญหา
“หืม?”
เมื่อวิ่งเข้าไปในตรอกหนึ่ง หูของเฉินเฟยขยับเล็กน้อย ในขณะเดียวกันกลิ่นเลือดจางๆก็โชยมา
เฉินเฟยเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ตรงนั้นมีคนยืนอยู่บนกำแพงตรอกและกำลังมองเฉินเฟยด้วยความสนใจ เฉินเฟยหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ว่าคนคนนี้จะพันผ้าปิดหน้าและสวมชุดปิดมิดชิด แต่อีกฝ่ายทำให้เฉินเฟยรู้สึกคุ้นเคยจนน่าประหลาด
“โจรภูเขา!”
ทันใดนั้นเฉินเฟยก็ตระหนักว่าคนผู้นี้คือคนที่เขาเจอนอกเมือง ตอนนี้อาการบาดเจ็บของผูเหลียวยังไม่หายดีและไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะดีขึ้นแค่ไหน
“น้องชาย กลางค่ำกลางคืนไม่ยอมนอน จะออกมาวิ่งเล่นทำไม!”
เสียงทุ้มต่ำของเจี่ยนเหลียงดังขึ้น เฉินเฟยกระโดดถอยหลังเหมือนกวางป่าตื่นตระหนก
ช่วงเวลาต่อมาแสงจ้าปรากฏตรงจุดที่เฉินเฟยยืนอยู่ บนพื้นปรากฏมีดบินซึ่งยังคงสั่นไหวอยู่เล็กน้อย