ตอนที่ 13 ขัดล้างกระบี่ยาว
“กินหนึ่งเม็ดทุกเช้าเป็นเวลาเจ็ดวัน บดสมุนไพรนี้แล้วนำไปเผาควันจะช่วยให้คนเจ็บฟื้นตัวเร็วขึ้น” ซ่งเมี่ยวนำโอสถออกมาและบอกวิธีการใช้
“ลำบากท่านหมอแล้ว นี่เป็นค่ารักษา หวังว่าท่านจะรับไว้!”
ผู้คนรอบข้างเห็นว่าอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ดีขึ้นอารมณ์ของพวกเขาจึงดีขึ้น ตอนนี้พวกเขาไม่ได้แสดงจิตสังหารชั่วร้ายอีก แต่ซ่งเมี่ยวจะกล้ารับค่ารักษาของคนเหล่านี้ได้ยังไง เขาโบกมือปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
ท้ายที่สุดซ่งเมี่ยวไม่อาจต้านทานความกระตือรือร้นของเจี่ยนเหลียงได้จึงรับมาหนึ่งตำลึง รอยยิ้มบนใบหน้าคนรอบๆดีขึ้น พวกเขาไม่บังคับให้ซ่งเมี่ยวรับค่ารักษาอีก
เฉินเฟยมองจากด้านข้างรู้สึกหนาวเล็กน้อย ให้พูดคือซ่งเมี่ยวเข้าใจวิถีของโลก ถ้าเขายอมรับค่าที่รักษาทั้งหมดเกรงว่าหัวของพวกเขาคงกลิ้งลงพื้น
คนเหล่านี้อาจดูใจกว้าง แต่พวกเขาจะมอบเงินให้พวกเราจริงได้ยังไงแม้ว่านั่นจะเป็นค่ารักษาก็ตาม
เมื่อเดินออกจากห้องมาที่ห้องโถง เห็นผูเหลียวนอนหมดสติอยู่บนพื้น
“เมื่อครู่ชายคนนี้พยายามจะหนี แต่พี่น้องเราจับตัวได้จึงโดนหักขาทิ้ง” คนข้างเจี่ยนเหลียงพูดขึ้น
เจี่ยนเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองเฉินเฟยด้วยรอยยิ้มกึ่งหนึ่ง “พี่น้องลงมือหนักเกินไปจนคนบาดเจ็บ ทำไมไม่เอาเงินให้พี่ชายคนนี้กลับไปรักษาล่ะ?”
“ไม่กล้าไม่กล้า!”
ส่งเมี่ยวรีบโบกมือปฏิเสธส่งสายตาให้เฉินเฟย เฉินเฟยเข้าใจทันที เขาเดินไปแบกผูเหลียวไว้บนหลังและรีบออกจากห้องโถง
“ตามไปฆ่าดีไหม?” มีคนเสนอ
“ช่างเถอะ พวกมันช่วยชีวิตพวกเราไว้มาก พี่ใหญ่ก็อาการคงที่แล้ว การไว้ชีวิตครั้งนี้ถือเป็นค่ารักษา” เจี่ยนเหลียงยิ้มเย็นชาเดินกลับไปยังสวนหลังบ้าน
เฉินเฟยวิ่งกลับโดยแบกผูเหลียวไว้บนหลัง เขารู้สึกหายใจไม่คล่องเล็กน้อยเพราะได้รับผลกระทบจากเนื้อร้ายติดกระดูก แม้ว่าการบ่มเพาะของเฉินเฟยจะก้าวหน้าขึ้น แต่พละกำลังของเขาดีกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้น
การวิ่งโดยแบกคนไว้บนหลังตอนนี้เป็นเรื่องหนักหนาเกินไป
“วิ่งเร็ว ก่อนที่พวกมันจะเปลี่ยนใจ”
ซ่งเมี่ยวหายใจไม่คล่องเช่นกัน แต่เขาไม่กล้าหยุดพักเพราะกลัวคนเหล่านั้นจะตามมา
เฉินเฟยพยักหน้า ความรู้สึกที่ต้องการแข็งแกร่งถูกเร่งรัดขึ้น วันนี้โชคดีจริงๆ ไม่อย่างนั้นถ้าเดินผิดก้าวคงได้ลงไปนอนในหลุม
ผูเหลียวไม่ได้อ่อนแอ เขาใช้โอกาสตอนที่เจี่ยนเหลียงจากไปหลบหนีแต่กลับโดนจับได้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย
ก่อนหน้านี้เฉินเฟยวางแผนไว้ในใจเหมือนกัน แต่ถ้านำไปใช้จริงเกรงว่าจะเคราะห์ร้ายมากกว่าโชคดี
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อทั้งสองวิ่งกลับมาถึงกำแพงเมือง ชุยซานเจียและคนอื่นอดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นสภาพเฉินเฟยกับคนอื่นโดยเฉพาะสภาพน่าอนาถของผูเหลียว
“เกิดอะไรขึ้น!” ชุยซานเจียมองขาหักของผูเหลียวแล้วขมวดคิ้ว แม้ว่าขาข้างนี้จะรักษาได้แต่คงเดินแบบปกติไม่ได้อีกแล้ว
“ไปเจอรังโจรเข้า เฮ้อ...”
เมื่อมาถึงที่นี่ซ่งเมี่ยวจึงถอนหายใจโล่งอกและเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากเล่าจบผู้คนที่อยู่รอบๆต่างตกใจเล็กน้อย
หากทักษะการแพทย์ของซ่งเมี่ยวไม่ดีหรือไม่มีโอสถรักษาหรือโลภเงิน ตอนนี้เขาอาจตายไปแล้ว
“โจรพวกนี้ใจกล้ามาก ข้าจะรายงานให้ที่ว่าการอำเภอไปตามล่าโจรพวกนี้!”
จางซือหนานพูดด้วยเสียงเย็นชาแล้วหันหลังเดินไปที่อำเภอ ชุยซานเจียรีบตามไปกระซิบบอกจางซือหนานสองสามคำ สีหน้าจางซือหนานเปลี่ยนไป นางไม่ได้พูดอะไรและเดินต่อไป
เฉินเฟยหายใจเข้าลึก สุดท้ายแล้วเรื่องนี้อาจไม่ได้รับการแก้ไข ที่ว่าการอำเภอจะไม่สนใจเรื่องนอกอำเภอผิงหยินและตระกูลจางคงแกล้งทำเป็นว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น
ถ้าคนไม่ตายก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ?
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เฉินเฟยคาดไว้ ตระกูลจางไม่ได้ประกาศเรื่องนี้และให้เงินชดเชยกับเฉินเฟยทั้งสามเพื่อแสดงความเสียใจ
เงินแสดงความเสียใจของผูเหลียวมากกว่าคนอื่นเพราะเขาขาหัก
เฉินเฟยได้รับเงินมากกว่าสิบตำลึง และเรื่องที่เขาสามารถหลอมโอสถรักษาได้ก็แพร่กระจายไปทั่วศูนย์การแพทย์
ผู้อาวุโสเจิงเต๋อฟางปลอบใจ เขายังเชิญเฉินเฟยมาที่บ้านและดื่มกันเล็กน้อย
โอสถรักษาหลอมได้ยากกว่าโอสถเลือดลม เฉินเฟยสามารถหลอมโอสถรักษาได้ด้วยตัวเองหลังจากได้รับสูตรโอสถไม่ถึงสิบวันซึ่งแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการหลอมโอสถของเฉินเฟย
เรื่องนี้ยังลบความคิดบางคนที่คิดว่าเฉินเฟยหลอมได้แค่โอสถเลือดลมเท่านั้น
“ผู้อาวุโสเจิง ท่านมีสูตรโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพหรือไม่?” เฉินเฟยถามเสียงต่ำ
โอสถฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นโอสถขั้นสูงของโอสถเลือดลม มันมีผลเสริมการบ่มเพาะที่ทรงพลังกว่า แน่นอนว่ามีราคาแพงกว่าด้วย มีเพียงนักยุทธ์ขัดเกลากล้ามเนื้อที่ยินดีจ่ายเงินซื้อโอสถชนิดนี้เพื่อการบ่มเพาะ
เดิมทีเฉินเฟยใช้แค่โอสถเลือดลมในการบ่มเพาะและรู้สึกว่ามันก้าวหน้าไม่ช้าแล้ว แต่โลกนี้อันตรายเกินไปและวันนี้ได้พบเข้ากับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เฉินเฟยหวังว่าการบ่มเพาะของเขาจะก้าวหน้าเร็วกว่านี้
ใช้โอสถฟื้นฟูสมรรถภาพในการบ่มเพาะ เกรงว่าตระกูลทั่วไปจะไม่มีฟุ่มเฟือยใช้กับนักยุทธ์ขัดเกลาผิวหนัง แต่เฉินเฟยสามารถหลอมโอสถด้วยตัวเองได้ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน
ทำแบบเดียวกับโอสถเลือดลม หลังหลอมโอสถเสร็จก็เก็บส่วนหนึ่งเอาไว้ใช้เอง
“โอสถฟื้นฟูสมรรถภาพ หากไม่ได้รับอนุญาตจากตระกูลจางจะไม่สามารถเปิดเผยได้”
เจิงเต๋อฟางส่ายหน้าแล้วหยิบตีนไก่ใส่ปาก
“แล้วตระกูลจางจะอนุญาติได้อย่างไร?” เฉินเฟยถาม ตามความเร็วที่เฉินเฟยทำเงินได้ ถ้าเขาไปซื้อโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพมาใช้ฝึกฝนเกรงว่าคงได้ซื้อแบบไม่จบไม่สิ้น
“แต่งงาน”
เจิงเต๋อฟางชำเลืองมองเฉินเฟยด้วยรอยยิ้ม “แต่เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว ผู้หญิงในตระกูลจางต่างแต่งงานออกไปหมด แต่นอกจากการแต่งงานเข้าตระกูลก็ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือมีส่วนช่วยเหลือตระกูลจาง”
“ผู้อาวุโสเจิงโปรดแนะนำด้วย” เฉินเฟยกุมมือของเขา
“เจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ ตระกูลจางเห็นเรื่องนี้เช่นกัน ข้าจะช่วยถามให้พรุ่งนี้แล้วจะมาบอกเจ้า”
หลังดื่มไปสามจอกเจิงเต๋อฟางก็ฟุบหลับคาโต๊ะเหล้า เฉินเฟยกลับมาที่ลานบ้านตัวเอง นำกระบี่ยาวออกมาขัดล้าง
นอกจากโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพ เฉินเฟยยังต้องการวิชาต่อสู้ที่ทรงพลังขึ้นด้วย แต่คำตอบจากการถามเจิงเต๋อฟางคือกระบี่สายลมและพลังลมล่องลอยเป็นวิชาที่ดีที่สุดที่ตระกูลจางให้ได้
วิชาที่ทรงพลังกว่านั้นจะถูกืบทอดอยู่ในมือคนตระกูลจางเท่านั้น หรือต้องแต่งงานกับตระกูลจาง ไม่อย่างนั้นต่อให้มีส่วนช่วยเหลือมากแค่ไหนก็ไม่อาจได้รับวิชาสืบทอดของตระกูลจาง
“แต่ละตระกูลหรือบางสถานที่อย่างสำนักหมัดจีซานจะซ่อนวิชาลึกล้ำเอาไว้ ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับขัดเกลาผิวหนัง พอไปถึงขัดเกลากล้ามเนื้อวิธีหายใจลมล่องลอยก็จะอ่อนด้อยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้กระบี่เขาเขียวที่มีไว้สู้กับศัตรูก็คงตามไม่ทัน!”
เฉินเฟยพูดกับตัวเอง เขามองระบบแล้วเกิดความคิดหนึ่งในใจ
ระบบทำให้วิชาเป็นแบบง่าย วิชาที่ฝึกจนถึงระดับรู้แจ้งสามารถนำไปผสานกับวิชาอื่นได้ ในเมื่อไม่สามารถหาวิชาขั้นสูงมาฝึกได้แล้วทำไมไม่ลองฝึกวิชาพื้นฐานอีกสักสองสามอย่างล่ะ เมื่อนำมาผสานกันย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
จากการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ เฉินเฟยสามารถเดินบนเส้นทางยุทธได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอความช่วยเหลือ