ตอนที่แล้วบทที่ 25
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27

บทที่ 26


วันนี้ลง 26 27 28

บทที่ 26

“เฮ่ะ เฮ่ ด้วยบารมีที่พุ่งทะยานของท่านในช่วงนี้ ทางร้านเราเลยตัดสินใจอนุญาติให้แปะหนี้ได้เป็นพิเศษ”

“อ๋า? แบบนั้นก็ดีเลยสิ?” เมื่อได้ยิน สวี่ล่ายมีความสุขมาก แต่แล้วความคิดหนึ่งก็โผล่มา “ไม่ถูกต้อง! ก่อนหน้านี้พวกเจ้ากล่าวไว้ชัดเจนว่าพันธมิตรการค้าว่านตงไม่อนุญาติให้ผู้ใดแปะหนี้”

“เฮ่ะ เฮ่ นายท่าน นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว วันนี้ไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้ชื่อเสียงของนายน้อยสวี่เพิ่มเป็นพันเท่า เพราะเหตุผลนี้เอง ร้านเราจึงอนุมัติให้ท่านเป็นกรณีพิเศษ และยินดีมอบบัตรสมาชิกสีม่วงทองใบหนึ่ง”

เถ้าแก่อู๋กล่าวจบก็นำบัตรสีม่วงทองขนาดเท่าไพ่โป๊กเกอร์ออกจากแหวนมิติ วางบนโต๊ะแล้วผลักให้สวี่ล่าย

“อ่า แล้วประโยชน์ของมันคืออะไร?”

สวี่ล่ายหยิบบัตรสีม่วงทองขึ้นมาและเพ่งมองดู เห็นเพียงด้านหนึ่งของบัตรสลักคำว่าพันธมิตรการค้าว่านตง อีกด้านสลักตัวอักษรสมาชิกม่วงทอง แน่นอน เนื่องจากในโลกใบนี้ไม่มีภาษาอังกฤษ มันจึงไม่มีเขียนว่า VIP

“เฮ่ะ เฮ่ สมาชิกระดับม่วงทองเช่นใบนี้ ทั่วทั้งรัฐต้าหยานมีแจกไม่ถึงสิบใบ แต่นายน้อยสวี่ ท่านเป็นหนึ่งในนั้น! ท่านคือผู้โชคดีที่ได้รับบัตรสมาชิกม่วงทองใบนี้!”

“ประโยชน์สูงสุดของการได้ครอบครองบัตรสมาชิกม่วงทองคือ สามารถเพลิดเพลินไปกับส่วนลดสินค้า 2 ใน 10 ส่วนของราคาเต็ม และยังได้รับสิทธิเบิกเงินกู้เป็นจำนวนหินดวงดาวขั้นต้นกว่า 10,000 ก้อน”

“อื้อหือ! แบบนั้นมันเหมือนกับบัตรเคร--” สวี่ล่ายย้อนนึกถึงโลกเก่า เจ้าสิ่งนี้อาจกล่าวได้ว่ามันมีประโยชน์ใกล้เคียงกับบัตรเครดิต

“แน่นอน หลังจากที่ท่านเบิกหินดวงดาว ทางเราจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ ดังนั้นสามารถใช้งานได้ตามสบาย” เถ้าแก่อู๋ทางหนึ่งอธิบาย ทางหนึ่งรับกาชาเฉียนหลิงฉูจากลูกน้อง

“บริการได้ดีมาก เช่นนั้นข้าขอดื่มชาก่อน ส่วนเถ้าแก่ขอฝากประเมินราคาหินค่ายกลด้วย ข้ายังต้องการซื้อวัสดุกองโตจากที่นี่ รีบเร่งมือเถอะ เวลามีจำกัด” สวี่ล่ายเก็บบัตรสมาชิก หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะแล้วเริ่มดื่ม

“ตกลงตกลงเราผู้เฒ่าจะเร่งมือให้เร็วที่สุด” เถ้าแก่อู๋พูดจบ ก็หยิบหินค่ายกลบนโต๊ะขึ้นมาและเริ่มตีราคาต่อ

หลังจากนั้นสักครู่ เถ้าแก่อู๋ก็หยิบหินค่ายกลก้อนสุดท้ายบนโต๊ะขึ้นมา

“หือ? หรือนี่จะเป็น .... หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ!?” เถ้าแก่อู๋ตื่นเต้นมากจนเกือบปล่อยหินค่ายกลในมือลงพื้น “นายน้อย ท่านโยนหินประสานค่ายกลรวมกับหินค่ายกลอื่นๆส่งๆเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“อึก อึก อึก อึก ....”

“ฮ่า ......” สวี่ล่ายถอนหายใจยาว แสร้งทำเป็นไม่สนใจ เขาเพียงยักไหล่ “ทำไม? หรือเจ้าต้องการหินประสานค่ายกลแบบนี้อีก?”

“แน่นอนอยู่แล้ว! เพราะนี่คือหินประสานค่ายกลขั้น 2 และมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในบรรดาหินประสานค่ายกลทั้งหมด! มีประโยชน์มากสำหรับนักบู๊ในการใช้ทะลวงคอขวด” เถ้าแก่อู๋ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมสวี่ล่ายกล้าโยนสิ่งที่สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นสมบัติสวรรค์ทิ้งๆขว้างๆเช่นนี้

“ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้าบอกว่ามันเลอค่า งั้นก็จ่ายให้มากหน่อยแล้วกัน” สวี่ล่ายวางกาน้ำชาเปล่าในมือลง แล้วเริ่มหยิบอีกกาขึ้นมา

“เรื่องนี้ ... คืออีกไม่กี่วันข้างหน้าทางพันธมิตรการค้าว่านตงของเราจะจัดงานประมูล  สถานที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของรัฐต้าหยาน จากการประมาณการของข้า หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณนี้ สามารถประมูลได้อย่างน้อย 3,000 ถึง 5,000 ก้อน หินดวงดาวขั้นต้น”

“เจ้าว่าไงนะ! นี่... นี่มันมีค่าขนาดนี้หรือ?” ในหัวสวี่ล่ายอื้ออึง ไม่นึกฝันว่า หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณก้อนเล็กๆ จะมีมูลค่าสูงถึงขนาดนี้

“นี่เป็นเพียงราคาประมาณการเท่านั้น ส่วนราคาจะสูงแค่ไหนคงขึ้นอยู่กับความต้องการช่วงเวลานั้นของเมืองหลวงด้วย” เถ้าแก่อู๋เริ่มคำนวณอย่างจริงจัง

“เอาเถอะๆ ไอ้เรื่องที่ทำให้ใจเต้นนี่ละไว้ก่อน ข้าจะทิ้งมันไว้ให้เจ้าก่อน แต่ตอนนี้ข้าต้องการวัสดุอย่างเร่งด่วน เร่งมือหน่อย” สวี่ล่ายยื่นใบไผ่วางลงในมือให้เถ้าแก่อู๋

“ขอรับ ข้าขอดูหน่อย  แก่นทองแดง , สมุนไพรรวมวิญญาณ , บุปผาหลอมเหลวภูติ , ขนนกวิญญาณไฟขั้น 2 ,  กระดูกวิญญาณสัตว์ปีศาจ ขั้น 3 ...” ยิ่งเถ้าแก่อู๋ไล่รายการลงมามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอึ้งมากเท่านั้น

แร่, สมุนไพรวิญญาณ, วัสดุสัตว์ปีศาจที่บันทึกบนแผ่นไม้ไผ่นี้มีอย่างน้อยสองร้อยชนิด และส่วนใหญ่เป็นวัสดุขั้น 2 บางชิ้นก็เป็นขั้น 3

“เถ้าแก่อู๋ เหมือนคราวที่แล้ว ข้าต้องการอย่างละ 100 ชุ--”

ยังไม่รอให้สวี่ล่ายพูดจบ เถ้าแก่อู๋กลัวมากจนรีบส่ายหัว “ร้อยชุด!? ไม่ๆๆ”

“หาของไม่ได้หรือ?? พันธมิตรการค้าใหญ่โตเช่นนี้ จะไม่มีวัสดุที่ว่ามาเลยรึ?”  สวี่ล่ายกะพริบตา รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย

“ไอ้หยา นายน้อย! ท่านคิดว่าวัสดุพวกนี้เหมือนข้าวสาลี ที่สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวได้ตามใจต้องการหรือ?” เถ้าแก่อู๋ถอนหายใจ อธิบายด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“วัสดุขั้น 3 ของท่านไม่สามารถหาได้โดยง่าย ตัวอย่างเช่น กระดูกวิญญาณของสัตว์ปีศาจขั้น 3 เหล่านี้ ปัจจุบันทางพันธมิตรการค้าว่านตงเรา มีเพียงสามหรือห้าชิ้นเท่านั้น และไหนจะบุปผาหลอมเหลวภูติอีก ข้าเกรงว่าต่อให้ค้นหาทั่วทั้งรัฐต้าหยานก็อาจหาได้ไม่ครบร้อยชุด”

“เอ่อ... ข้าไม่ทันสังเกตจริงๆ งั้นก็แล้วไปเถอะ เอาเป็นว่าหามาให้ได้มากที่สุดก็พอ จัดของเสร็จแล้วก็ส่งคนไปที่คฤหาสน์ตระกูลสวี่”

สวี่ล่ายเข้าใจ วัสดุพวกนี้อาจไม่เรียบง่ายนัก จึงไม่กลั่นแกล้งให้อะไรมันยุ่งยากกว่าเดิม

“ขอรับ ส่วนหินประสานค่ายกลพวกนี้ ทางพันธมิตรว่านตงของเราจะประเมินราคาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด และในส่วนของหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ ทางเราจะนำมันออกประมูลในอีกหนึ่งเดือน และหินดวงดาวที่ได้จากการประมูล ทางเราจะรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อทั้งหมด ขอให้นายน้อยสวี่วางใจ”

สวี่ล่ายได้ยินเช่นนั้น เขาก็พบว่าพันธมิตรการค้าว่านตงทำงานรอบคอบจริงๆ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรผิดพลาด จึงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินออกไป”

ไม่นานหลังจากที่สวี่ล่ายจากไป เถ้าแก่อู๋รีบไปที่ชั้นสองพร้อมกับรายการวัสดุ

“คุณหนู ข้าทำตามที่ท่านสั่งทุกประการ ที่คือรายการวัสดุการซื้อขายของสวี่ล่ายในครั้งนี้ กรุณาตรวจสอบด้วย” เถ้าแก่อู๋ยื่นใบไผ่ให้ลุงฟู่ข้างๆ เขา จากนั้นลุงฟู่ก็ส่งต่อให้เหยาว่านซิน

“เถ้าแก่อู๋ ท่านทำได้ดีมาก อีกไม่กี่วันข้าจะรีบไปเมืองหลวงต้าหยาน เพื่อจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่นั่น ส่วนที่นี่คงต้องฝากท่านแล้ว” เหยาว่านซินรับใบไผ่จากลุงฟู่ สั่งการเบาๆ

“ขอคุณหนูเหยาโปรดวางใจ บริวารจะทำพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการทุกเรื่องของพันธมิตรการค้าว่านตง” เถ้าแก่อู๋ได้ยิน ก็รีบคุกเข่าทั้งสองลง

“อืม ดีมาก หมดธุระของท่านแล้ว ลงไปก่อนเถอะ”  เหยาว่านซิน โบกมือให้เถ้าแก่อู๋ ก่อนยกใบไผ่ขึ้นแปะหน้าผาก

“ขอรับ” เถ้าแก่อู๋ไม่เอ่ยถามสักคำ ลุกขึ้นและจากไป

หลังจากนั้นไม่นาน พอเหยาว่านซินอ่านใบไผ่เสร็จ เธอก็หันไปมองลุงฟู่ด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“คุณหนู มีปัญหาใดทำท่านลำบากใจ?” ลุงฟู่ผงะเล็กน้อย ยื่นมือไปอย่างสนอกสนใจ เอื้อมจับใบแผ่นในมือเหยาว่านซินแล้วนำมาตรวจสอบเองอย่างละเอียด แต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้ว

“ลุงฟู่ ท่านคิดว่าอย่างไร?”

“คุณหนู วัสดุเหล่านี้มีตั้งแต่สมุนไพรจิตวิญญาณไปจนถึงแร่ และยังมีกระดูกวิญญาณของสัตว์ปีศาจ เรียกได้ว่าวัสดุพวกนี้กระจัดกระจายมาก แทบไม่อาจระบุได้เลยว่าพวกเขาต้องการผลิตสิ่งใด หรือว่า ... พวกเขากังวลว่าจะมีใครเดาออก จึงจงใจตุกติกรายการซื้อขายให้ยุ่งเหยิง?”

“ไม่ใช่” เหยาว่านซินลุกขึ้นและเดินไปมาในห้องนั่งเล่น “ในบรรดาวัสดุเหล่านี้ ข้าพอจะเดาออกได้สักหนึ่งหรือสองอย่าง กระนั้น วัสดุที่เขาสั่งซื้อพวกนี้มันไม่สมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด ข้าว่าเขาคงจงใจซื้อวัสดุไม่ครบทุกประเภท

“โอ? คุณหนู ท่านมองออกแล้วหรือว่าสวี่ล่ายผู้นี้ตั้งใจหลอมหินประสานค่ายกลแบบใด? เหตุใดถึงได้ลึกลับนัก”ลุงฟู่ถามด้วยความสงสัย

“เจ้ามาดู นอกเหนือจากวัสดุขั้น 2 หลายรายการแล้ว พวกเขาถึงกับซื้อกระดูกวิญญาณสัตว์ปีศาจ สมุนไพรรวมวิญญาณ และบุปผาหลอมเหลวภูติ วัสดุหลายอย่างนี้ ทั้งหมดมีไว้เพื่อใช้หลอมหินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณ แน่นอน ตามหลักเหตุผลแล้ว เขาน่าจะต้องการแก่นวิญญาณสัตว์ปีศาจอีกถึงจะครบองค์ประกอบ”

แม้เหยาว่านซินจะเดาได้หนึ่งหรือสองอย่าง แต่รายการวัสดุที่ขาดหายไปค่อนข้างมาก ด้วยเหตุผลนี้ เธอเลยไม่แน่ใจเช่นกัน

“อะไรนะ คุณหนูหมายความว่า ... สวี่ล่ายผู้นั้นไปถึงระดับที่สามารถหลอมหินค่ายกลระดับสูงสุดในขั้น 2 ได้แล้วหรือ?” ลุงฟู่เมื่อได้ยินแบบนี้ ก็แตกตื่นตกใจ

“ไม่ ถึงแม้ว่าสวี่ล่ายจะฉลาดแค่ไหนก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะการใช้เวลาแค่ 1 เดือน แต่กลับหลอมหินประสานค่ายกลในระดับสูงได้ สำหรับข้า เกรงว่าคงมีปรมาจารย์ซ่อนอยู่เบื้องหลังสวี่ล่ายมากกว่า”

เรื่องราวมาถึงตอนนี้ เหยาหว่านซินเชื่อมั่นในการตัดสินตัวเองมากขึ้น ถ้ารู้ว่าสวี่ล่ายเป็นคนทดลองหลอมหินค่ายกลเหล่านี้ด้วยตัวเองเกรงว่าต่อให้ฆ่าให้ตายเธอก็ไม่เชื่อ

“โฮ่? มิน่าเล่าคุณหนูถึงตั้งใจแสดงความเป็นมิตรกับสวี่ล่าย ที่แท้ก็ต้องการให้เขาช่วยในภายหลังนี่เอง และถึงตอนนั้น นายน้อยสวี่ผู้นั้นสมควรไม่ต่อต้าน” ลุงฟู่พยักหน้าอย่างชื่นชม เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่เหยาหว่านซินทํา

“ถูกต้อง ทุกอย่างที่ทำวันนี้ ทั้งหมดก็เพื่อปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังสวี่ล่าย เมื่อเราเชื่อมไมตรีสำเร็จ พันธมิตรการค้าว่านตงก็จะพลิกกลับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในวันนี้ได้”

พูดถึงเรื่องนี้ เหยาว่านซินแอบถอนหายใจ “พันธมิตรการค้าว่านตงในปัจจุบัน มิได้สวยงามเฉกเช่นในอดีตอีกต่อไป ....”

...

ระหว่างนั้น สวี่ล่ายอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลสวี่ ตรวจสอบผลการฝึกของสวี่หูและคนอื่นๆ

“เมฆาเปิดหมอก!”

บรึ้ม~!

ประกายแสงสว่างวาบ ก้อนหินขนาดสามอิงฉื่อถูกตัดเป็นท่อนๆ รุ่นเยาว์ตระกูลสวี่ที่อยู่รอบๆพากันกระโดดกอดคอกัน ปรบมือเสียงดัง

“สวี่เปา ทำได้ดีมาก”

“พี่รองน่าทึ่งจริงๆ!”

“ทำได้ดีมาก สวี่เปา!”

“เฮ่ะ เฮ่ นายน้อย ท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่าข้ามิได้เกียจคร้าน กระบวนท่านี้สมควรทัดเทียมกับของท่านถึง 7 8 ส่วน” สวี่เปาวางอาวุธตัวเอง เขาวิ่งไปขอคำชมอย่างตื่นเต้น

สวี่ล่ายที่อยู่ข้างๆมองดูและพยักหน้า ปรบมือและชมเชย “ไม่เลว แม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ทำได้ 7 - 8 ส่วนแล้วจริงๆ แต่อย่าเพิ่งทะนงตนไป”

“ขอรับนายน้อย” สวี่เปาผิวเผินดูมีความสุขไม่มาก แต่โดยไม่รู้ตัว ในใจเขายกหางตัวเองชี้ฟ้าไปแล้ว

“สวี่หู”

“บริวารอยู่ที่นี่” สวี่หูรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพบเขา

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนต้องปิดด่านฝึกตนเพื่อเตรียมพร้อม และคนที่โดดเด่นที่สุดสามคน จะได้ติดตามข้าเพื่อเข้าร่วมงานประลองการเกณฑ์ทหาร”

สวี่ล่ายเพิ่งพูดจบ เหล่าหน่วยอารักขาทั้ง 32 คนก็โห่ร้องเสียงดังด้วยความยินดี

“เยี่ยมยอด! ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะได้แสดงให้เห็นถึงความร้ายการของตระกูลสวี่!”

“เจ๋ง! ในที่สุดข้าก็จะได้แสดงฝีมือจริงๆต่อหน้าสาธารณะซักที”

สวี่หู่ก็ตื่นเต้นนิดหน่อยเช่นกัน การได้เข้าร่วมงานประลองในเมืองหลวง มันช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน

“นายน้อยโปรดวางใจ บริวารจะดูแลความคืบหน้าการฝึกของหน่วยอารักขาทุกคน การฝึกฝนจะเสร็จสิ้นก่อนงานประลองในเมืองหลวงอย่างแน่นอน”

“อืม เรามีเวลาไม่ถึงสองเดือน สู้ๆล่ะ!” สวี่ล่ายเงยหน้าขึ้นมองใบไม้แห้งบนต้นไม้ ทอดถอนหายใจอย่างมืดมน “เฮ้อ ฤดูหนาวกำลังมาเยือนแล้ว”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด