บทที่ 195: แผนของฉินหลิน! จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?
เมื่ออ่านข้อมูลของเมล็ดแตงโมทั้งสองแล้วฉินหลินก็ตาเป็นประกาย
‘ตามคาดจริง ๆ ด้วย เม็ดใหญ่เป็นเวล 2 แบบนี้ที่อุตส่าห์เสียเวลาปลูกมาตั้งนานก็คุ้มค่าแล้วโว้ยยยยยย’
จากนี้ไปแตงโมพันธุ์ที่ปลูกจากบ้านไร่ชิงหลินจะสามารถเรียกว่า “แตงโมชิงหลิน” ได้อย่างไม่ผิดและไม่จำเป็นต้องเรียกมันว่าพันธุ์พิเศษอีกต่อไป
เมื่ออ่านรายละเอียดเมล็ดแตงโมเสร็จแล้วฉินหลินก็ออกจากเกม จากนั้นก็เล่นเกมต่อโดยจะจัดการกิจวัตรในเกมให้เสร็จ หนึ่งคือไปตกปลา 35 ตัว ไปตัดไม้บนภูเขานอเทรอดาม ช่วงนี้เหมือนภูเขาจะค่อนข้ายากจนเพราะว่าไม่ได้ไม้พิเศษเลยและของป่าเองก็ไม่มีการรีเฟรชใหม่ด้วย
จากนั้นฉินหลินก็ให้ตัวละครกลับบ้านเพื่อไปเปิดทีวีดูว่าวันนี้มีทีวีช้อปปิ้งมั้ย
ผลคือมีรายการทีวีช้อปปิ้งจริง ๆ ด้วยโดยมีตัวการ์ตูนสาวสวยเซ็กซี่เป็นพิธีกรรายการ
สาวสวยเซ็กซี่ก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือเธอสวมชุดนอนสั้นดูดีเข้ารูปสุด ๆ โดยที่ขาเธอมีถุงน่องสไตล์ที่ตนคุ้นเคยสวมไว้
[วันนี้เป็นเซต *ฟินฟ้าเหลือง* ช้อปปิ้งชุดนอนสุดสวยแสนสนุกลดราคา ครูจิ่วชื่นชอบมาก ๆ คู่กับถุงน่องที่ทนต่อการฉีกขาด มีสีให้เลือก ทั้งล่อตาและล่อใจ ขึ้นเตียงเมื่อไหร่สนุกเมื่อ...]
เห็นปุ๊บฉินหลินก็จ้องตาเป็นมัน เพราะถุงน่องรอบก่อนเขาฟินสุด ๆ จริง ๆ ไม่มีทางปฏิเสธได้เลย
แล้วคราวนี้กลายเป็นเวอร์ชั่นอัปเกรด + ชุดนอนด้วย?
ไอ้ทีวีช้อปปิ้งนี่มันเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เกินไปมั้ยวะหนิ?
ถึงมันดูแล้วจะขายได้เงินดีก็เถอะ แต่ขายของเชิงบวกก็ได้ป๊ะ?
แต่เชิงลบแบบนี้ก็ดี ดีตรงที่กูชอบ!
เขากดซื้อจ่ายเงินโดยไม่มีการลังเล จากบทเรียนถุงน่องครั้งที่แล้วเขาจึงตัดสินใจซื้อ 10 ชุดรวด แดง น้ำเงิน ดำ ม่วง... เลือกครบทุกสี
แต่ละวันมันต้องมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปซิ เนอะ?
แต่คิด ๆ ดูแล้วจัดไปอีก 10 เลยดีกว่า!
ก็เผื่อ ๆ ไว้ก่อนอะนะ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทีวีช้อปปิ้งนี่มันจะมาอีกรอบ
จากนั้นฉินหลินก็ให้ตัวละครในเกมออกจากบ้านโดยต่อไปคือกะจะไปขุดเหมืองชั้น 5 ตรงที่ยังไม่ได้ขุด
แต่แล้วจู่ ๆ จ้าวโม่ชิงก็โทรเข้ามาเรียกให้เขาไปหา เขาจึงไม่มีทางเลือกต้องปิดจอเกมแล้วไปหาเธอ
จ้าวโม่ชิงกำลังดูข้อมูลบางอย่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเมื่อฉินหลินเข้ามาเธอก็บอกว่า “เธอ ๆ มาดูข้อมูลที่ดินนี่หน่อยว่าเป็นไงบ้าง เติ้งกวงพึ่งส่งมาให้”
ฉินหลินเข้าไปดู เป็นขอมูลข้องพื้นที่อุตสาหกรรมที่เลือกมาเพื่อทำเป็นโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทชิงหลินฟู้ด
ในอำเภอเล็ก ๆ นี้โรงงานแต่ละแห่งล้วนเป็นโรงงานขนาดเล็ก จากตอนกองทุนแนะนำองค์กรทำให้เห็นว่าโรงงานที่ขยายไปนั้นล้วนเป็นโรงงานเล็ก ๆ แยกไม่เป็นเอกภาพ
สถานการณ์ดังกล่าวไม่โอเคเป็นอย่างยิ่ง มันไม่เอื้อต่อการขนส่งผลผลิต ดังนั้นหากในอนาคตอยากจะพัฒนาจะต้องหาสถานที่แห่งใหม่ที่สามารถใช้สร้างโรงงานขนาดใหญ่และเป็นเอกภาพ
บริษัทอาหารติดหนี้กองทุนแนะนำองค์กรของทางอำเภออยู่ มีการแบ่งการทำงานเป็นสองกะและสามารถผลิตซอสมะเขือเทศได้เดือนละหลายแสนขวด และตอนนี้หากจะพัฒนาต่อล่ะก็มันจำเป็นต้องสร้างโรงงานใหม่
ทำให้มีการบรรจุเรื่องการหาที่ดินลงในวาระการประชุมและได้ผลสรุปคือให้เติ้งกวงเป็นผู้รับผิดชอบ
ฉินหลินมองดูที่ดินดังกล่าว ทั้งขนาดและสถานที่ตั้งก็เหมาะสมกับความต้องการของบริษัทอาหารในตอนนี้
“บอกเติ้งกวงว่าโอเคแล้ว” ฉินหลินบอก
“โอเค เดี๋ยวฉันจะให้เสี่ยวซินติดตามสถานการณ์โดยต่อด้วย” จ้าวโม่ชิงพยักหน้า
“แล้วเธอช่วยจ้างคนมาบุกเบิกที่ดินห้าพันหมู่ให้หน่อยสิ ฉันอยากให้บุกเบิกซักร้อยหมู่เอาไว้ปลูกแตงโมน่ะ” ฉินหลินพูดอีกครั้ง
จ้าวโม่ชิงพยักหน้า เธอรู้ว่าเมล็ดพันธุ์แตงโมเหล่านั้นต้องมีการปลูกต้องมีการขยายพันธุ์
แล้วเมื่อฉินหลินคิดถึงชุดนอนแสนสนุกที่ซื้อมาเขาก็ยิ้มแล้วกอดจ้าวโม่ชิงจับมานั่งตัก
และก่อนที่มือเขาจะล้วงไปถึง... จ้าวโม่ชิงก็คว้ามือเขาไว้ซะก่อน “อย่าซน! อีกเดี่ยวฝ่ายบัญชีจะมารายงานแล้ว”
ฉินหลินเลยต้องเปลี่ยนไปกระซิบข้างหู “วันนี้ฉันซื้อของขวัญให้เธอด้วยล่ะ ถุงน่องบวกชุดนอน เธอใส่คืนนี้มันต้องดีแน่ ๆ อะฮึ ๆ”
จากที่ได้เห็นสายตาลามกของฉินหลินจ้าวโม่ชิงนึกถึงถุงน่องเมื่อครั้งก่อนแล้วก็มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า “ครั้งนี้ถึงกับซื้อชุดนอนด้วยเลย? เธอนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ”
“จัดมาแล้วยี่สิบชุด” ฉินหลินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“หน็อยยยยย...” จ้าวโม่ชิงหยิกเอวฉินหลินอย่างแรง
ปกติผู้ชายที่รังแกภรรยาตัวเองแบบนี้ก็มีด้วย?
ก๊อก ๆ
มีเสียงเคาะประตู ฉินหลินก็เลยต้องปล่อยตัวจ้าวโม่ชิงอย่างช่วยไม่ได้
จ้าวโม่ชิงปรับสีหน้าของเธอให้กลับเป็นปกติ แล้วนั่งลงที่เดิม “เข้ามา!”
แล้วสาว ๆ การเงินก็เข้ามาทักทายฉินหลินทีละคน “สวัสดีค่ะเถ้าแก่”
ฉินหลินพยักหน้าให้พวกเธอก่อนจะเดินจากไป
เมื่อกลับมาห้องทำงานเข้าก็เปิดจอเกมอีกรอบแล้วให้ตัวละครไปขุดเหมืองต่อโดยอารมณ์ที่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันมันอยากให้ถึงตอนมืดเร็ว ๆ
[ขอแสดงความยินดี ได้รับดินวิเศษ!]
ได้ดินที่มีสีเทาดำมาอีกกระสอบหนึ่ง
เป็นดินที่มีอัตราการรอดชีวิต +2 และโอกาสกลายพันธุ์ +1 อีกเหมืนเดิม
ได้มาก็ดี ถึงเขาจะมีอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้เยอะ การได้มาเพิ่มย่อมดีที่สุด เมล็ดพันธุ์ดี ๆ ใด ๆ ที่เขาอยากจะทำขยายพันธุ์ในอนาคตมันควรจะเอาปลูกในดินนี้ก่อน
การเอาดินวิเศษไปใส่ในทุ่งนาเก่าที่บ้านเกิดมันดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
‘หรือว่าจะสร้างห้องทดลองขึ้นมาบังหน้าเลยดีวะ?’
‘แล้วก็เอาดินทั้งหมดไปที่ห้องทดลอง ใช้อุบายนิด ๆ หน่อย ๆ บอกว่าห้องทดลองสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาจากดินนี่ได้’
คือถ้ามีห้องทดลองก็ต้องมีนักวิจัย แล้วการจะหานักวิจัยที่เก่ง ๆ ที่ไว้ใจได้มาบังหน้านั้นยากที่สุดแล้ว
แล้วจู่ ๆ หลี่ไข่เข้ามาในหัวเฉยเลย ชายผู้นี้ไม่สงสัยเรื่องดินในทุ่งนาเก่าเลยซักนิด
แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ทางครอบครัวของอีกฝ่ายมันจะทำให้ชวนมาร่วมได้รึเปล่าก็ไม่รู้
ลองหาโอกาสเอาเหล้าสมุนไพรชิงหลินซักสองสามขวดเป็นตัวเกลี้ยกล่อมดีมั้ย?
เขาคิดไปด้วยก็จริงแต่เขาก็ยังไม่หยุดเล่นเกม ยังคงให้ตัวละครขุดเหมืองต่อไป
[ขอแสดงความยินดี ได้รับแร่หยกเปลือกแตงโมเลเวล 2]
…
[ขอแสดงความยิน ได้รับดินวิเศษ!]
ฉินหลินขุดเหมืองน้ำพุชั้น 5 จนหมด และได้รับแร่หยกหนึ่งชิ้นกับดินวิเศษอีกกระสอบหนึ่ง
และต่อไปก็จะเข้าชั้น 6 แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถเข้าได้
ในเวลานี้ฉินหลินยังได้รับแจ้งเตือนจากเกมอีกว่าบริการจัดส่งของทีวีช้อปปิ้งได้ส่งของให้แล้ว
เขารีบให้ตัวละครกลับฟาร์มอย่างด่วนเพื่อไปเช็กของ ส่วนตัวเองไปล็อคห้องทำงานก่อนที่จะเข้าโลกในเกม เมื่อเข้ามายืนแทนตัวละครแล้วก็เห็นพัสดุวางอยู่
จาก: โอลีฟทาวน์
สินค้า: *ฟินฟ้าเหลือง* จากโอลีฟทาวน์ (ชุดนอน + ถุงน่อง)
ของจากโอลีฟทาวน์อีกและ
ถึงจะมีคนเคยบอกว่าการพัฒนาเศรษฐกิจต้องให้ความสำคัญกับเอกลักษณ์ก็เถอะ แต่เอกลักษณ์ของโอลีฟทาวน์เหมือนจะ... ไปหน่อยมั้ย แต่ก็เป็นเอกลักษณ์จริง ๆ
ฉินหลินหามีดมากรีดเปิดดูก็เห็นว่าข้างในเป็นชุดนอนสีชมพู + ชุดถุงน่อง
กับข้อความ
[ชุดนอนเซ็กซี่: เลเวล 2]
[เซตสำครับความฟินฟ้าเหลือง ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันที่โอลีฟทาวน์ ผิวสัมผัส +2, ใส่สบาย +2, เซ็กซี่ +2, น่าค้นหา +2, ยั่วสวาท +2, ความตื่นเต้นเวลาฉีก +2!]
ฉินหลินกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ผลรวมคือ +2 ล้วน ๆ?
ก่อนหน้านี้ +1 ก็สุดจัดปลัดบอกแล้ว แล้วตอนนี้ +2 มาเต็มมันจะขนาดไหน!
เกจความตั้งตารอพุ่งปรี๊ด
หลังจากนั้นฉินหลินก็จัดการฉีกข้อมูลผู้ส่งออกจากกล่องพัสดุทั้งหมดออก เพราะว่าโอลีฟทาวน์มันเป็นเมืองในเกมฮาร์เวสต์มูนไม่ได้มีอยู่ในโลกจริง ดังนั้นจะให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด ทำเสร็จก็เอาพัสดุทั้งหมดออกจากเกม
ในที่สุดเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เขาโทรเรียกจ้าวโม่ชิงมาหา เขาไม่อาจหอบพัสดุ 20 ชุดไปได้ในทีเดียว แต่ก็ยังดีที่พัสดุมันไม่ได้ใหญ่นักดังนั้นถ้าสองคนช่วยกันหอบก็ได้ในเที่ยวเดียว
“เธอ มีอะไรเหรอ จู่ ๆ ก็เรียกมา” จ้าวโม่ชิงเดินเข้าห้องทำงานมาอย่างสงสัยและเห็นกองพัสดุ
แล้วเธอก็นึกถึงสิ่งที่ฉินหลินกระซิบข้างหูเมื่อตอนกลางวันก็ถึงกับมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
ไอ้ผู้ชายคนนี้นี่มันจะเกินไปแล้ว มันกล้าทรมานเธอด้วยการซื้อของพวกนี้มาไม่พอยังให้เธอมาช่วยขนอีก!
ฉินหลินก็เรียกเธอหน้ายิ้ม ๆ “มาช่วยหน่อยเร็ว ฉันซื้อมาให้เธอหมดนี่เลยเชียวน้า ดูซิว่าฉันดีกะเธอแค่ไหน”
“เธอเอาแต่รังแกฉันแต่ยังกล้าบอกว่าดีกะฉันอีกเนี่ยนะ? เดี๋ยวนี้รู้จักกลับดำเป็นขาวแล้วนะ!” จ้าวโม่ชิงบ่นแต่กลับไม่ได้ปฏิเสธนิสัยของฉินหลิน
ฉินหลินกับจ้าวโม่ชิงออกจากห้องทำงานพร้อมกับพัสดุ แล้วเขาก็ไม่ลืมถามเธอว่า “มีตั้งหลายสีเลยนะเธอชอบสีไรเหรอ ชมพู ดำ ลาเวนเดอร์...”
“ฉินหลิน! อยากโดนเหรอ! พูดจาอะไรไม่กลัวคนอื่นได้ยินไง?” จ้าวโม่ชิงมองเขาด้วยความเขินอายแล้วรีบเร่งความเร็วโดยอยากที่ทำเป็นเมินเจ้าผู้ชายไร้ยางอายนี่จนกว่าจะถึงบ้าน
เมื่อเห็นว่าข้อมูลทั้งหมดบนบรรจุภัณฑ์ถูกขูดออกก็รู้ว่าเขาอยากปกปิดแต่แค่ที่อยู่บ้านตัวเองก็ยังต้องเอาออกด้วยเหรอ?
เมื่อมาถึงที่จอดรถก็เธอก็รีบเอาของใส่ท้ายรถภายใต้สายตาประหลาดใจของหลินเฟิน
เมื่อกลับถึงบ้านทันทีที่คู่ผัวเมียเข้าห้องจ้าวโม่ชิงก็วางของในมือลงแล้วเข้าไปโอบรอบคอฉินหลิน “ที่ล้าก ซื้อมาซะเยอะเลยน้า เธออยากใส่สีไหนเชิญเลยเอาเลยน้า ไหน ๆ ใส่ให้ดูหน่อยซี้~”
“อา ราย น้า~” ฉินหลินตกตะลึง
กู...
ใส่...
เหรอ?
.................................................................................................…
วันต่อมา
เมื่อฉินหลินตื่นเช้าขึ้นมาก็เห็นว่าจ้าวโม่ชิงยังไม่ตื่น
เมื่อคิดถึงเรื่องบ้า ๆ เมื่อคืนเขาก็อดยิ้มไม่ได้
เสื้อผ้าจากเกมมันช่างสุดยอดจริง ๆ ด้วย!
ทั้งคู่มีการกระตุ้นซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี โบนัสคุณสมบัติใส่สบาย +2 นี่ใส่สบายจริง!
เมื่อเห็นว่าจ้าวโม่ชิงยังคงนอนหลับสนิทอยู่ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลแล้ว เพราะเมื่อคืนทั้งคู่บ้าสุด ๆ ขนาดหนัก
จ้าวโม่ชิงที่ไม่เคยกินผลของต้นไม้แห่งพลังเหมือนอย่างเขาจึงต้องจบอยู่ที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงเป็นธรรมดา
กระนั้นท่าทางเย้ายวนของจ้าวโม่ชิงมันก็ยังดีมาก ๆ
ผู้หญิงก็เหมือนดอกไม้ ต้องรดน้ำให้ชุ่มทั้งกายและใจ
คำนี้จริง
หลังจากอาบน้ำกินข้าวเช้าเสร็จแล้วฉินหลินก็ไปที่โกดังเช่าเพื่อย้ายสินค้าส่วนของวันนี้ไปยังบ้านไร่ โดยเช้าวันนี้ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ดังนั้นเขาเลยกลับไปเล่นเกมที่ห้องทำงาน
ภูเขานอเทรอดามก็เหมือนเมื่อวาน ไม่ได้มีต้นไม้พิเศษใด ๆ และไม่มีของป่า เดินเข้าไปดูในเมืองแร่ดิบก็ไม่เห็นเควสใด ๆ ปรากฏขึ้นเลย
เปิดทีวีก็ไม่เห็นทีวีช้อปปิ้งอีก
มีหลายสถานที่ที่บ้านไร่ชิงหลินกำลังก่อสร้างอยู่ ลานย้อนยุคขนาดใหญ่หลังห้องโถงเดิมเองก็กำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วและอีกไม่นานก็น่าจะเสร็จ
โดยที่หน้าลานได้มีการเอาหินก้อนใหญ่ที่สลักคำว่า “ลานแปะก๊วยโบราณ” มาตั้งวางไว้
นี่คือที่ตั้งของต้นแปะก๊วยอายุ 500 ปีสองต้นซึ่งเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
คนงานก่อสร้างกำลังสร้างแผ่นหินขนาดใหญ่ขนาดใหญ่อยู่โดยมีการสลักตัวอักษรลงไปทีละตัว ๆ
เนื้อความคือเรื่องราวของต้นแปะก๊วยกับอาจารย์หลินนั่นเอง
อาจารย์หลินยืนเฉย ๆ และดูการก่อสร้างของคนงานเหล่านี้ เมื่อเห็นเรื่องราวที่สลักอยู่บนแผ่นหินเขาก็ยิ้มกว้าง
เรื่องราวได้เล่าตั้งแต่เขาหนีภัยสงครามมาพร้อมกับปู่มาจนถึงตอนนี้ที่ช่วยต้นแปะก๊วยทั้งคู่สำเร็จ
เขาเงยหน้าขึ้นมองต้นแปะก๊วยทั้งสองต้นอีกครั้ง กิ่งก้านใบของมันก็ช่างเติบใหญ่ได้เร็วเกินไปอยู่ดี
ตลอดหลายปีมานี้มันยังเป็นต้นไม้โกร๋น ๆ ไม่มีใบเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันกลับเขียวชอุ่ม
ความเร็วนี้ผิดปกติเกินไป ถ้าเถ้าแก่ถามว่าต้นไม้ฟื้นตัวได้ไงเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขี้วัว + ปุ๋ย + ดินแปลงนาของเถ้าแก่จะหลอกเถ้าแก่ได้มั้ย
เพื่อหลอกเถ้าแก่ให้เนียนยิ่งขึ้นเขาเลยมีการแอบขุดดินบางส่วนจากแปลงนามาฝังไว้รอบ ๆ โคนต้นแปะก๊วยด้วย
คนงานทำแผ่นศิลาจารึกและคนอื่น ๆ ได้เงยหน้ามองต้นแปะก๊วยและพูดสะท้อนอารมณ์ “อาจารย์หลินครับ ต้นไม้สองต้นนี่โตเร็วมากเลยนะครับ”
เขาพาคนมาทำงานที่นี่เลยได้เห็นมันแทบทุกวันซึ่งแต่ละวันก็ไม่มีภาพที่เหมือนกันเลย
อาจารย์หลินได้ยินก็รู้สึกกระวนกระวายใจ “ต้นไม้สองต้นนี่มันไม่ได้โต มันแค่แตกกิ่งก้านสาขาใหม่แต่เพราะกิ่งใหม่มันใหญ่เร็วเลยดูเหมือนมันเติบโต แถมมันยังเป็นต้นไม้อายุตั้งห้าร้อยปีเลยนา นายเคยเห็นต้นไม้อายุห้าร้อยปีมาก่อนมั้ยล่ะ”
อาจารย์หลินพูดต่อไปว่า “เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนก็เลยตะลึงไง แต่นายรู้มั้ยว่าต้นไม้อายุห้าร้อยปีมันเป็นยังไง? ต้นไม้ที่อายุร้อยปีจะกลายเป็นต้นไม้งาม ส่วนต้นไม้งามเมื่อผ่านไปห้าร้อยปีจะมีจิตวิญญาณเป็นของตนเองทำให้กิ่งก้านที่งอกออกมาใหม่เติบโตเร็วมาก”
“ตอนที่ฉันอายุแปดขวบฉันหนีภัยสงครามกับปู่มาหลบใต้ต้นแปะก๊วยทั้งสองต้นนี้ ที่ฉันรู้ว่าต้นแปะก๊วยทั้งสองนี้มีจิตวิญญาณก็หลังตอนนั้น...”
“พูดไปตอนนั้นตัวเองยังไม่เชื่อเลย วันหนึ่งมันได้มีคนร้ายมาหาเรา พวกมันถือคบเพลิงวิ่งไล่ล่าเราในตอนกลางคืน แล้วตอนนั้นแหล่ะที่ต้นไม้นี่ช่วยชีวิตพวกเราไว้ มันได้มีเสียงราวกับคนเล่นดนตรีอยู่ดังออกมาทำเอาไอ้พวกสารเลวที่วิ่งไล่พวกเราต้องกลัวจนหัวหด”
ไม่บอกก็รู้ว่าอาจารย์หลินโม้เหม็นขึ้นมาเอง เรื่องยิ่งมาก็ยิ่งไม่จริง เล่าไปเล่ามาจนมันจะกลายเป็นตำนานต้นไม้วิเศษไปแล้ว
คนงานก็มองอาจารย์หลินด้วยใบหน้างุนงงว่าตกลงว่าควรจะพาแกไปหาหมอดีมั้ย? คิดว่ากูโง่เหรอ? เรื่องหลอกเด็กแบบนี้เล่าให้หมาหมามันยังไม่เชื่อเลย
ทว่าจู่ ๆ กลับมีลมพัดเข้ามาอย่างแรงและเสียงดนตรีอันแผ่วเบาก็แว่วมาจากต้นแปะก๊วยทั้งสอง
แล้วคนงานก็ตาถลนมองต้นไม้
“????” อาจารย์หลินไม่แค่ตาถลน ยังอ้าปากหวออีกต่างหาก
มีเสียงที่ต้นไม้จริง ๆ ซะงั้น
‘กู... พึ่งจะเมคเรื่องขึ้นมา... สด ๆ...’
‘แล้วจะบอกกับเถ้าแก่ยังไงวะเนี่ย?’
และก็ชัดเจนแล้ว ว่าเมื่อต้นแปะก๊วยมีการฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่งเอฟเฟคต์เสียงของต้นไม้ที่ฉินหลินใช้ก่อนหน้านี้ก็จะแสดงผลออกมา