ตอนที่ 303 หาคนคุ้มกัน
ตอนที่ 303 หาคนคุ้มกัน
“เอ่อ…” ย่าเหวยอุทานขึ้นมาด้วยความลังเล เพราะในเขตภูมิภาคดาวมฤตยูมีดาวเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตอยู่เพียงแค่ไม่กี่ดวง ซึ่งถ้าหากว่าเซี่ยเฟยร้องขอดาวเคราะห์เหล่านี้มันก็ถือว่าเงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขที่หนักหน่วงสำหรับพวกเขาพอสมควร
“ผมรู้ว่าในภูมิภาคดาวมฤตยูมีดาวเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตอยู่เพียงแค่ไม่กี่ดวง แต่ดาวเคราะห์ที่ผมพูดถึงไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่อุดมสมบูรณ์ ผมขอแค่ดาวเคราะห์ที่มนุษย์พอจะอยู่อาศัยได้บ้างก็พอครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
ย่าเหวยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะตราบใดที่เซี่ยเฟยไม่ได้ร้องขอดาวเคราะห์ที่อุดมสมบูรณ์ เรื่องนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความลำบากใจของพวกเขาเลย ท้ายที่สุดดาวเคราะห์ประเภทนั้นก็มีอยู่เป็นจำนวนมากและในปัจจุบันพวกเขาก็ปล่อยดาวเคราะห์พวกนั้นเอาไว้เฉย ๆ
“เงื่อนไขนี้พอจะเป็นไปได้ แต่ฉันไม่สามารถตัดสินใจได้โดยลำพัง ฉันจำเป็นจะต้องเอาเงื่อนไขนี้ไปพูดคุยกับผู้นำกองกำลังคนอื่น ๆ เสียก่อน ว่าแต่นายต้องการกาแล็กซีกี่แห่ง?” ย่าเหวยถาม
“ยิ่งเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดีครับ ประชากรมนุษย์บนโลกเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และผมก็ต้องการเตรียมสถานที่เอาไว้ให้พวกเขาอยู่อาศัยในอนาคต” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่น่าเชื่อเลยว่านายจะนึกถึงดาวบ้านเกิดของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ ฉันคิดว่าคนในดาวบ้านเกิดของนายคงจะรู้สึกขอบคุณนายมาก ๆ หลังจากที่พวกเขาได้รู้เรื่อง”
“ฉันจะรีบประชุมกับหัวหน้ากองกำลังต่าง ๆ ในทันที แล้วจะรีบแจ้งให้นายทราบหลังจากได้ข้อสรุปในที่ประชุม ว่าแต่เรื่องการขนส่ง…” ย่าเหวยกล่าว
“ไม่ต้องห่วงครับ ตราบใดที่ทุกคนยอมรับข้อตกลงผมจะรีบส่งยานบรรทุกออกไปทันที และรับประกันว่าสินค้าทั้งหมดจะถูกจัดส่งภายใน 2 เดือน แม้แต่ความเสี่ยงในระหว่างการขนส่งผมก็จะเป็นคนรับผิดชอบให้เอง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
—
“2 เดือน? นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ! คราวที่แล้วพวกเราต้องใช้เวลาเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยูตั้ง 3 เดือนเลยนะ แล้วนายจะสามารถขนส่งสินค้าทั้งหมดในเวลาแค่ 2 เดือนได้ยังไง?” อันธถามขึ้นมาด้วยความสงสัยหลังจากที่ย่าเหวยได้วางสายเพื่อไปจัดการประชุม
เซี่ยเฟยยิ้มให้อันธเล็กน้อยก่อนที่เขาจะทำการติดต่อไปหาชาร์ลี
“ชาร์ลีชุดอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จที่ฉันให้เตรียมเอาไว้ใกล้ ๆ กลุ่มดาวนครหลวงได้ตามที่ฉันสั่งหรือยัง? ฉันอาจจะต้องใช้พวกมันในเร็ว ๆ นี้” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ในโกดังใกล้ ๆ นครหลวงมีอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จเก็บไว้ทั้ง 10,000 ชุดและทีมขนส่งก็พร้อมที่จะขนสินค้าได้ตลอดเวลา ว่าแต่ตอนนี้มีคนสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแล้วเหรอครับ?” ชาร์ลีกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ก็ประมาณนั้น แต่การค้าครั้งนี้ไม่ได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาเป็นเงิน แต่มันก็เป็นการค้าที่สำคัญมากซึ่งเราก็ไม่สามารถที่จะพลาดโอกาสในครั้งนี้ได้ ว่าแต่สภาพคล่องในบริษัทจะยังโอเคอยู่ไหมถ้าหากว่าฉันเอาสินค้ารอบนี้ไปขายโดยไม่ได้รับเงิน?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
บทสนทนาระหว่างเซี่ยเฟยกับชาร์ลีทำให้อันธรู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะเซี่ยเฟยได้ทำการสำรองอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จส่วนหนึ่งเอาไว้ใกล้ ๆ กับกลุ่มดาวนครหลวงอยู่แล้ว คล้ายกับว่าเขาได้คาดเดาว่ามันจะมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้ได้เกิดขึ้น
“คุณฉินหมางพึ่งแนะนำซัพพลายเออร์รายใหม่ให้กับเรา และพวกเขาก็ตกลงที่จะให้เครดิตเราก่อนแล้วค่อยรับชำระเงินหลังจากที่พวกเราวางจำหน่ายสินค้าในตลาดแล้ว ดังนั้นตราบใดที่เราไม่ได้วางขายสินค้าช้ามากจนเกินไปสภาพคล่องในบริษัทก็คงจะไม่ได้รับผลกระทบหนักมาก” ชาร์ลีกล่าว
“ช่วงนี้ขอให้นายช่วยอดทนไปก่อน ตราบใดก็ตามที่เราสามารถก้าวผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ ทุกอย่างในอนาคตก็จะกลายเป็นเรื่องที่ราบรื่น” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้บริษัทของพวกเรามีภาพลักษณ์ที่ดีมาก และพนักงานในบริษัทก็ยินดีที่จะทำงานให้พวกเราถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ค่าจ้างก็ตาม” ชาร์ลีกล่าวอย่างจริงจัง
“แบบนั้นไม่ได้สิ ถ้าใครทำงานพวกเขาก็ควรที่จะได้รับค่าจ้าง ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ ช่วงนี้นายช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทไปก่อนอะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัดไป แล้วค่อยกลับมาใช้มาตรการเดิมในอนาคต” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“พี่เฟยเชื่อใจผมได้เลย อย่าลืมว่าพลังพิเศษของผมคือการคำนวณ ดังนั้นถ้าหากพูดถึงการคำนวณแล้วผมไม่ยอมแพ้พี่แน่นอน” ชาร์ลีกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่หัวของตัวเอง
“ฉันประเมินนายต่ำเกินไปสินะ หลังจากนี้ฉันขอฝากเรื่องทุกอย่างเอาไว้กับนายด้วย เดี๋ยวฉันจะลองติดต่อไปยังคุณตาทูรามอีกครั้งเผื่อฉันจะได้เงินล่วงหน้ามาอีกสักก้อน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
—
หลังจากวางสายเซี่ยเฟยก็จุดบุหรี่เพื่อผ่อนคลายความคิด เพราะท้ายที่สุดการเสียอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จในช่วงเวลานี้ไป 10,000 ชุดฟรี ๆ ก็ถือว่าเป็นภาระใหญ่ของบริษัท แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะโอกาสแบบนี้อาจจะมีเพียงแค่ครั้งเดียว
ความเสี่ยงกับโอกาสเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด ดังนั้นหากใครต้องการที่จะได้รับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นมากตามไปด้วย
ไม่ไกลจากกลุ่มดาวนครหลวงมีกองยานขนส่งเตรียมพร้อมสำหรับการขนย้ายอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จทั้ง 10,000 ชุด โดยในกองยานประกอบไปด้วยยานบรรทุก 4 ลำและยานรบอีก 4 ลำ ซึ่งสาเหตุที่กองยานมีจำนวนยานอยู่น้อยเพียงแค่นี้ นั่นก็เพราะว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องเสี่ยงเพื่อทำการขนส่งอุปกรณ์ไปยังภูมิภาคดาวมฤตยู ดังนั้นกองยานของพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะมีความโดดเด่นมากจนเกินไปได้
นอกเหนือจากปัญหาเรื่องโจรสลัดแล้ว ในตอนนี้เขตทุ่งดาวแห่งความตายยังอยู่ในสภาวะสงครามจนทำให้สถานการณ์ตกอยู่ในความซับซ้อน ด้วยเหตุนี้หากใครต้องการที่จะขนส่งสินค้าเข้าไปได้อย่างปลอดภัย พวกเขาก็จำเป็นจะต้องมีกองยานคุ้มกันที่ทรงพลัง หรือไม่ก็จำเป็นจะต้องแอบลักลอบเข้าไปให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หลังจากใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจใช้แผนสำรองที่เขาได้เตรียมเอาไว้ แต่มันก็ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าแผนการนี้จะสามารถใช้ได้หรือเปล่า
“สวัสดีครับพี่บุชเชอร์ พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เขาได้ทำการติดต่อไปยังบุชเชอร์
ในหน้าจอบุชเชอร์กำลังอยู่ในผับที่ครึกครื้นและกำลังมีสาวสวย 2 คนคอยให้บริการเขาอย่างเต็มที่
เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยในหน้าจอบุชเชอร์ก็รู้สึกอายอยู่เล็กน้อย เขาจึงบอกให้ผู้หญิงข้าง ๆ หลบออกไปก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปพูดคุยในห้องที่เงียบสงบ
เซี่ยเฟยไม่ได้เจอกับบุชเชอร์มาสักพักแล้ว โดยในตอนนี้ใบหน้าของชายฉกรรจ์ได้กลายเป็นสีแดง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเพราะเขารู้สึกอายที่เซี่ยเฟยได้มาเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้กันแน่ แต่โดยรวมบุชเชอร์ก็ดูจะใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกกังวลเหมือนกับในอดีตอีกต่อไป
“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนนี้พวกเราสบายดี หลังจากที่พี่น้องต้องทุกข์ทรมานมานานหลายปีในที่สุดพวกเราก็มีโอกาสได้ผ่อนคลาย ดังนั้นพวกเราจึงคิดจะปล่อยตัวไปสักพัก” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับเอามือเกาหัว
“พี่น้อง?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับเลิกคิ้ว
“ตั้งแต่ที่พวกเราออกมาจากสังเวียนเลือด พี่น้องประมาณครึ่งหนึ่งก็ได้แยกย้ายกลับไปยังถิ่นฐานดั้งเดิมของตัวเอง แต่พี่น้องอีกครึ่งหนึ่งก็กลายเป็นพวกไร้ที่อยู่อาศัยเนื่องจากพวกเขาถูกจับขังมานานเกินไป พวกเราจึงได้มารวมตัวกัน”
“ก่อนออกมาพวกเราปล้นเงินมาจากฮุกก้อนหนึ่ง ซึ่งพวกเราก็เอาเงินจำนวนนั้นมารวมกันโดยหวังว่าสักวันพวกเราจะเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนหางานทำ” บุชเชอร์กล่าว
“ยินดีด้วยครับ เดี๋ยวผมจะให้คนส่งของขวัญไปให้เนื่องในโอกาสที่พวกพี่จะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แค่นายช่วยพาพวกเรามารับรองบนโลกก็ดีมากแล้ว พวกเราจะรับของขวัญจากนายอีกได้ยังไง” บุชเชอร์รีบโบกมือกล่าวปฏิเสธ
“การให้ของขวัญถือว่าเป็นประเพณีในบ้านเกิดของผม ดังนั้นพวกพี่รับของขวัญไปได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ว่าแต่ทุกคนวางแผนจะทำงานอะไรในอนาคตงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ทุกคนมีประสบการณ์ในการต่อสู้ภายในสังเวียนเลือดมามากพอสมควรแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้มันก็ได้มีแผนที่นำไปสู่สวนเอเดนปรากฏขึ้นมา พวกเราจึงวางแผนที่จะตั้งกลุ่มสำรวจเพื่อเดินทางไปตามเส้นทางนี้”
“เมื่อพวกเรายืนยันเส้นทางระหว่างพันธมิตรกับสวนเอเดนได้แล้ว พวกเราก็จะจัดตั้งกองยานคุ้มกันผู้ที่ต้องการเดินทางตามเส้นทางของพวกเรา และพวกเรายังสามารถขนสินค้าไปขายระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย พี่น้องทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับความคิดในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาสามารถหางานทำได้และมีอิสระในเวลาเดียวกัน”
“นายเพิ่งจะถูกจับเข้ามาขังในสังเวียนเลือดในช่วงเวลาสั้น ๆ นายจึงอาจจะยังไม่เข้าใจว่าพวกเราไม่อยากจะถูกใครควบคุมอีกต่อไปแล้ว” บุชเชอร์กล่าวอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินว่าบุชเชอร์ต้องการจะสำรวจเส้นทางไปยังสวนเอเดนเซี่ยเฟยก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติเพียงแต่เขายังไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่ามันมีส่วนไหนที่ผิดปกติกันแน่
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ต้องการจะเตือนพวกบุชเชอร์ว่าเส้นทางนั้นอาจจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่นักสู้ที่หนีออกมาจากสังเวียนเหล่านี้ก็ต้องการจะใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นถ้าหากว่าเขาไม่มีหลักฐานเขาก็คงจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพวกบุชเชอร์ได้จริง ๆ
“พี่บุชเชอร์มียานรบเป็นของตัวเองไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“พวกเราได้ขโมยยานโปรโมเตอร์ 2 ลำมาจากฮุกและตอนนี้พวกเราก็ได้ใช้ยานทั้งสองลำนี้อยู่ ว่าแต่น้องเซี่ยเฟยมีธุระอะไรกับพวกเราหรือเปล่า?” บุชเชอร์กล่าวถามด้วยความสงสัย
“ตอนนี้ผมกำลังจะต้องส่งสินค้าจำนวนหนึ่งจากพันธมิตรไปยังภูมิภาคดาวมฤตยู และต้องการกองยานคุ้มกันผมจึงคิดถึงพี่เป็นอันดับแรก แต่ในเมื่อพี่มีแผนการอื่นอยู่แล้วผมก็คงจะต้องหาวิธีอื่นดู” เซี่ยเฟยกล่าว
ทันใดนั้นสีหน้าของบุชเชอร์ก็เปลี่ยนไปพร้อมกับจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยอย่างจริงจัง
“น้องเซี่ยเฟยอย่าพูดแบบนั้นเลย ช่วยรอฉันแป๊บนึง!!”
ทันทีที่พูดจบบุชเชอร์ก็วิ่งกลับเข้าไปภายในผับ ทำให้เซี่ยเฟยได้เห็นภาพที่ผู้ชายหลายสิบคนกำลังดื่มกินและกำลังเล่นสนุกกับหญิงสาวที่มาคอยให้บริการ
“พี่น้องทุกคนฟังทางนี้!” บุชเชอร์กระโจนขึ้นไปบนโต๊ะและตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
จากนั้นภาพหน้าจอของเซี่ยเฟยก็ขยายขนาดขึ้นทำให้ทุกคนเห็นใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจน และเนื่องมาจากว่าทุกคนรู้สึกขอบคุณเซี่ยเฟยอยู่แล้วพวกเขาจึงทักทายชายหนุ่มอย่างมีความสุข
“ทุกคนคงรู้ดีใช่ไหมว่าถ้าไม่ใช่เพราะน้องเซี่ยเฟยช่วยพวกเราเอาไว้ ตอนนี้พวกเราก็คงจะถูกขังอยู่ในสังเวียนเลือด” บุชเชอร์กล่าวเสียงดัง
ทุกคนต่างก็ยกขวดเหล้าในมือของตัวเองขึ้นเพื่อดื่มเฉลิมฉลองให้เกียรติแก่เซี่ยเฟย
“ตอนนี้น้องเซี่ยเฟยกำลังมีปัญหาและกำลังต้องการหาคนช่วยพาเขาเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยู พี่น้องทุกคนเต็มใจที่จะเดินทางไปกับน้องเซี่ยเฟยในครั้งนี้หรือเปล่า?”
“ได้!”
“อะไรกันเรื่องของน้องเซี่ยเฟย มันก็คือเรื่องของเรานั่นแหละ”
“พี่น้องทุกคนไม่ได้กลัวอะไรใช่ไหม?” บุชเชอร์กล่าวถามอีกครั้ง
“กลัว? พวกเราจะกลัวอะไรได้อีก มันจะมีที่ไหนเลวร้ายไปกว่าการถูกขังในสังเวียนเลือดอีกงั้นเหรอ!”
“น้องเซี่ยเฟยไม่ต้องห่วง พวกเราจะคอยช่วยเหลือนายเอง”
“นายได้ยินแล้วใช่ไหม?” บุชเชอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะหันหน้าไปทางเซี่ยเฟย
“ขอบคุณมากนะครับทุกคน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
***************