ตอนที่ 301 คว้าโอกาส
ตอนที่ 301 คว้าโอกาส
“ถ้าอย่างนั้นแผนที่พวกนั้นมันก็เป็นแผนที่จริงน่ะสิ!” อันธอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป แต่โบกมือเป็นสัญญาณว่าขอฟังแถลงการณ์ต่อไปก่อน
“จากข้อมูลที่พวกเราได้รับจากฝ่ายเทคนิคของกองทัพ พวกเราก็เชื่อว่าเหตุผลของความผิดพลาดในครั้งนี้เกิดขึ้นจากระบบเรดาร์ที่จำเป็นจะต้องส่งสัญญาณในระยะไกล แต่ระหว่างทางคลื่นสัญญาณถูกรบกวนโดยคลื่นที่พวกเราไม่รู้จัก จนทำให้ข้อความถูกเชื่อมโยงเข้ากับประชาชนบางคน”
“นอกจากนี้ศูนย์อิเล็กทรอนิกส์ของพันธมิตรก็ได้ให้คำรับรองมาแล้วว่า กรณีนี้เป็นกรณีพิเศษที่เกิดขึ้นอย่างผิดธรรมชาติเท่านั้น และจะไม่ส่งผลกระทบต่อสัญญาณการสื่อสารตามปกติแต่อย่างใด ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกท่านอย่าพึ่งตื่นตระหนก ทางกรมทหารขอให้การรับรองว่าข้อมูลของพวกท่านไม่มีทางถูกบิดเบือนในอนาคตอย่างแน่นอน”
หลังจากได้ฟังหนี่เป่ยหยวนอธิบายเซี่ยเฟยก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะคำแถลงการณ์จากรัฐบาลมักจะเป็นแบบนี้ ซึ่งมันเป็นการออกมาสัมภาษณ์เพื่อไม่ให้ประชาชนรู้สึกตื่นตระหนกมากเกินไป
แน่นอนว่าเหล่านักข่าวย่อมไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ พวกเขาจึงเริ่มยกมือขึ้นเพื่อถามหาความจริงเกี่ยวกับแผนที่
“สิ่งที่เราสามารถยืนยันได้ในตอนนี้มีเพียงแค่แผนที่ฉบับนั้นถูกจัดทำขึ้นโดยมนุษย์ที่อ้างว่าได้เดินทางมาจากทีมสำรวจของเอเดน แต่เรื่องความถูกต้องของแผนที่ทางกองทัพยังคงอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนครับ” หนี่เป่ยหยวนกล่าวตอบพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
การสัมภาษณ์หลังจากนั้นเริ่มตกอยู่ในความวุ่นวาย เพราะนักข่าวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มแย่งกันถามคำถามจนพวกเขาแทบที่จะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ขณะเดียวกันบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เซี่ยเฟยกำลังนั่งอยู่ก็กำลังเต็มไปด้วยความครื้นเครง เพราะผู้คนเริ่มคิดว่าแผนที่นี้สามารถนำพาพวกเขาไปสู่สวนเอเดนในตำนานได้จริง ๆ จนถึงขนาดที่เจ้าของร้านถึงกับยกลังเบียร์ขึ้นมาแจกลูกค้าเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
เซี่ยเฟยไม่ชอบความวุ่นวายแต่เดิมอยู่แล้ว เขาจึงลุกยืนขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะออกไปจากที่นี่
“นายจะไปไหน?” ทันใดนั้นคอนสแตนตินก็เดินเข้ามาทักก่อนที่เซี่ยเฟยจะเดินออกไปจากร้านอาหาร
“กลับห้อง” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเรียบง่าย
“รออีกหน่อยได้ไหม บางทีมันอาจจะมีอะไรที่นายสนใจก็ได้” คอนสแตนตินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันสนใจเรื่องสวนเอเดนจริง ๆ แต่ตอนนี้ฉันรู้ทุกอย่างเท่าที่ฉันอยากรู้แล้ว ดังนั้นถึงฉันจะอยู่ที่นี่ต่อแต่มันก็ไม่มีความหมายอะไร” เซี่ยเฟยกล่าว
“เชื่อฉันสิว่าเรื่องนี้นายจะต้องสนใจ” คอนสแตนตินกล่าวพร้อมกับยื่นขวดเบียร์ให้เซี่ยเฟย โดยพยายามจะหยุดชายหนุ่มเอาไว้ที่นี่ก่อน
พริบตาต่อมาหน้าจอการแถลงข่าวของโฆษกรัฐบาลก็ถูกตัดกลับไปยังช่องข่าวสดของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งผู้ประกาศข่าวหญิงวัยกลางคนกำลังอ่านสคริปต์ข่าวที่เธอเพิ่งได้รับมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นนักข่าวสาวคนนี้ยังแต่งหน้าอย่างไม่ค่อยสม่ำเสมอ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอได้ถูกเรียกตัวมาเพื่อถ่ายทอดสดอย่างกะทันหัน
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนในร้านอาหารส่งเสียงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เพราะพวกเขากำลังฟังเรื่องสวนเอเดนอย่างร่าเริง
“สวัสดีผู้รับชมทุกท่านค่ะ ขณะนี้พวกเรามีข่าวด่วนที่จะต้องรีบรายงานให้ทุกท่านทราบ ว่าในเวลานี้ทุ่งดาวแห่งความตายได้ตกอยู่ในสภาวะสงครามอย่างเป็นทางการแล้ว” ผู้ประกาศข่าวสาวกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง
ข่าวเรื่องสงครามในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดความขัดแย้งในทุ่งดาวแห่งความตายก็มีมานานหลายเดือนแล้ว เพียงแต่เขาไม่คิดว่าสงครามจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ข่าวเรื่องแผนที่ดาวไปยังเอเดนได้ปรากฏขึ้น
ชายหนุ่มชำเลืองมองคอนสแตนตินจากมุมหางตา ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าชายหนุ่มร่างผอมคนนี้ยังคงใช้มือดันแว่นด้วยใบหน้าที่ปกติ ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกตกใจกับข่าวเรื่องสงครามในทุ่งดาวแห่งความตายเลย
‘เขาตั้งใจให้ฉันหยุดรอฟังข่าวนี้งั้นเหรอ? แล้วเขารู้ข่าวเรื่องนี้ล่วงหน้าได้ยังไง? หรือว่าเขามีพลังพิเศษเกี่ยวกับการทำนายอนาคต?” เซี่ยเฟยตั้งข้อสงสัยขึ้นมาภายในใจ
“นักข่าวภาคสนามได้รายงานสถานการณ์มาว่าสงครามในครั้งนี้ไม่ได้ดำเนินไปอย่างที่ทางเราได้คาดคิดเอาไว้ในตอนแรก เพราะทางกรมทหารเคยวิเคราะห์ไว้ว่ารูปแบบสงครามในทุ่งดาวแห่งความตายน่าจะเป็นการประกาศสงครามจากทั้งสามฝ่าย แต่สถานการณ์จริงกลับเป็นภูมิภาคดาวเหวทมิฬจับมือกับภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจเพื่อประกาศสงครามกับภูมิภาคดาวมฤตยู”
“ตามรายงานข่าวฉบับล่าสุด ผู้นำของภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจและภูมิภาคดาวเหวทมิฬได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าพวกเขาจะขอแยกตัวออกจากพันธมิตรมนุษย์ และทำการก่อตั้งพันธมิตรของพวกเขาขึ้นมาใหม่โดยไม่สนใจพันธมิตรมนุษย์อีกต่อไป”
“หากมีเหตุการณ์คืบหน้าพวกเราจะรีบแจ้งข่าวให้ทุกท่านทราบในทันที ทางเราขอจบการออกอากาศพิเศษเพียงเท่านี้ ขอเชิญทุกท่านกลับไปฟังงานแถลงการณ์จากทางรัฐบาลต่อได้เลยค่ะ”
จู่ ๆ เสียงภายในร้านอาหารก็เงียบสงบลงอย่างกะทันหัน เพราะในตอนแรกพวกเขาเพิ่งได้รับข่าวที่น่าตกใจเรื่องแผนที่ซึ่งนำไปยังสวนเอเดน แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็ได้รับข่าวว่าเขตทุ่งดาวแห่งความตายได้ตกอยู่ในสภาวะสงคราม ซึ่งใน 12 ชั่วโมงที่ผ่านมานี้มันก็ได้มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นถึงสองเรื่องติดต่อกัน มันจึงทำให้ผู้คนสงสัยว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่
เมื่อมีข่าวเรื่องสงครามนักข่าวบางคนก็เริ่มถามโฆษกเกี่ยวกับสงครามในทุ่งดาวแห่งความตาย ขณะที่นักข่าวบางคนก็ยังคงถามถึงแผนที่ของสวนเอเดน
สถานการณ์เริ่มตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายเข้าไปทุกที ทหารจึงจำเป็นจะต้องเข้ามาเพื่อยุติการแถลงข่าวก่อนที่การถ่ายทอดสดจะตัดจบลงในที่สุด
คอนสแตนตินยักไหล่ลุกขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะจากไป ซึ่งเซี่ยเฟยก็จุดบุหรี่พร้อมกับเดินตามหลังชายคนนี้ออกไปจากร้านอาหารเช่นกัน
“นายรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถึงแม้ว่าอาณาจักรของฉันจะอยู่ในเขตทุ่งดาวแห่งความตาย แต่นายก็น่าจะรู้นี่ว่าอาณาจักรของฉันแทบจะถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก ดังนั้นฉันขอพูดตามตรงว่าฉันก็พึ่งได้รับข่าวเรื่องนี้พร้อมกับนายนั่นแหละ” คอนสแตนตินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เขาโกหกแน่ ๆ เขาต้องรู้เรื่องข่าวสงครามอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะรั้งนายเอาไว้ทำไม” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ฉันไม่เชื่อ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างใจเย็น
“นายไม่เชื่อก็เรื่องของนาย แต่ฉันจะไม่อธิบายอะไรมากกว่านี้” คอนสแตนตินกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
หลังจากพูดจบคอนสแตนตินก็เดินจากไปอย่างไม่สนใจปล่อยให้เซี่ยเฟยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
—
หลังจากกลับมาจนถึงห้องพักเซี่ยเฟยก็ได้รับการติดต่อมาจากฉินหมาง
“ดูเหมือนว่าคุณตาใกล้จะกลับมาเป็นเหมือนเก่าแล้วนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ นายกำลังบอกว่าฉันอ้วนอยู่ใช่ไหม ช่วยไม่ได้อาหารที่นายได้เตรียมเอาไว้ให้มันอร่อยมากจริง ๆ” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับมุมปากที่เริ่มกระตุก
“อย่าเข้าใจผิดสิครับผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ขอแค่คุณตาอยู่บนโลกอย่างมีความสุข ผมก็พร้อมที่จะอยู่ดูแลคุณตาไปอีก 100 ปีเลยนะครับ” เซี่ยเฟยรีบกล่าวแก้เรื่องเข้าใจผิด
“ไม่ต้องมากะล่อนเลยไอ้หนุ่ม นี่นายคิดว่าฉันเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปีหรือยังไง เอาล่ะพวกเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า นายมีความคิดเห็นยังไงบ้างเกี่ยวกับประเด็นใหญ่ทั้งสองเรื่องในวันนี้?”
ฉินหมางเริ่มเปลี่ยนประเด็นมาถามความคิดเห็นเซี่ยเฟยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งโดยปกติชายชราก็มักที่จะให้ชายหนุ่มคอยวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ให้เขาฟังเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อที่ทั้งสองจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน
“ผมรู้สึกว่าเรื่องแผนที่ไปยังสวนเอเดนมีอะไรแปลก ๆ โดยเฉพาะในงานแถลงข่าวที่ทางโฆษกได้บอกว่ามันเป็นข้อผิดพลาดจากการส่งสัญญาณระยะไกล ทำให้ข้อมูลได้หลุดเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของประชาชน”
“โดยปกติเครื่องส่งสัญญาณระยะไกลของกองทัพจะเป็นอุปกรณ์ที่พวกเขาได้ทำการผลิตขึ้นมาเอง นอกจากนี้สัญญาณยังถูกเข้ารหัสการป้องกันในระดับสูง ดังนั้นถึงแม้ว่าสัญญาณจะถูกรบกวนจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติจริง ๆ แต่มันก็ไม่มีทางที่คอมพิวเตอร์ธรรมดาจะรับสัญญาณเข้ารหัสได้”
“เว้นแต่ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เพิ่งเกิดขึ้นมานี้ไม่เพียงแต่จะรบกวนระดับการส่งข้อมูลของกองทัพเท่านั้น แต่มันยังช่วยถอดรหัสรักษาความปลอดภัยของทางกองทัพให้อีกด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่สัญญาณเข้ารหัสจะถูกส่งผิดเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ของประชาชนคนธรรมดาได้เลย”
“สมมติว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาจากการบิดเบือนของสัญญาณจริง ๆ แต่สิ่งที่คอมพิวเตอร์เป้าหมายได้รับก็ไม่ควรจะเป็นเพียงแค่แผนที่ แต่มันจะต้องรวมถึงเอกสารทางการทหารอีกอย่างมากมาย”
“นอกจากนี้ผมได้ใช้ฟังก์ชั่นค้นหาระดับสูงของสตาร์เน็ตเวิร์กแล้ว แต่ผมก็ยังไม่สามารถหาได้ว่าใครคือคนเผยแพร่แผนที่ดวงดาวขึ้นมาเป็นคนแรก คล้ายกับว่าจู่ ๆ มันก็ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับแผนที่ดวงดาวปรากฏขึ้นมาในอินเตอร์เน็ตพร้อม ๆ กัน” เซี่ยเฟยอธิบายสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาได้ตลอดทั้งวันมานี้
ฉินหมางพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะเริ่มถามประเด็นสำคัญอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกประกาศหลังจากที่มันได้มีประเด็นแรกขึ้นมาเพียงแค่ไม่นาน
“แล้วนายมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับสงครามในเขตทุ่งดาวแห่งความตาย”
“อันที่จริงทุกคนน่าจะคาดเดาเรื่องสงครามได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสับสนคือการที่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬจับมือกับภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจ ซึ่งถ้าหากว่าผมคิดไม่ผิดระยะแรกของสงครามน่าจะเริ่มต้นด้วยการล่าถอยของภูมิภาคดาวมฤตยู”
“ตัวแปรเดียวในสงครามครั้งนี้คือทัศนคติของพันธมิตรที่มีต่อเขตทุ่งดาวแห่งความตาย เพราะท้ายที่สุดเขตทุ่งดาวแห่งความตายก็อยู่ห่างไกลจากพันธมิตรมาก ซึ่งถ้าหากว่าพันธมิตรต้องการที่จะควบคุมทุ่งดาวแห่งความตาย ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องใช้กำลังทหารเป็นจำนวนมากเท่านั้น แต่พวกเขายังจำเป็นจะต้องใช้จ่ายเงินเพื่อรักษาความสงบเป็นจำนวนมากอีกด้วย”
“แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพันธมิตรจะปล่อยให้เขตทุ่งดาวแห่งความตายแยกตัวออกไปอย่างอิสระ และถ้าหากว่าผมเป็นประธานาธิบดีของพันธมิตร ผมก็คงจะไม่ยอมให้เขตทุ่งดาวแห่งความตายแยกตัวออกไปจากพันธมิตรด้วยเหมือนกัน”
“หากมองในมุมนี้ภูมิภาคดาวเหวทมิฬกับภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างชัดเจน เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถร่วมมือกันกำจัดภูมิภาคดาวมฤตยูได้จริง ๆ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังของพันธมิตรอยู่ดี”
“ในทางตรงกันข้ามผู้นำของภูมิภาคดาวมฤตยูถือว่าเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก เพราะเขาเลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกันกับพันธมิตร และจำเป็นจะต้องคอยตั้งรับเพื่อรอกำลังเสริมจากพันธมิตรที่จะเคลื่อนที่เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาเท่านั้น”
“เมื่อได้พิจารณาว่าพันธมิตรไม่มีทางเสียเงินและกองกำลังเพื่อคอยควบคุมความสงบในเขตทุ่งดาวแห่งความตาย และไม่คิดที่จะปล่อยให้พวกเขาแยกตัวออกไปเป็นอิสระ ในเวลานั้นมันก็มีโอกาสสูงมากที่ทางกองทัพจะมอบหมายให้ผู้นำภูมิภาคดาวมฤตยูคอยควบคุมสถานการณ์ในเขตทุ่งดาวแห่งความตายเอาไว้”
“หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าผู้นำของภูมิภาคดาวมฤตยูไม่จำเป็นจะต้องลงมือลงแรง แต่เขาก็สามารถที่จะครอบครองอำนาจในสามเขตภูมิภาคดาวเอาไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว” เซี่ยเฟยแสดงความคิดเห็นของเขาออกมา
“วิเคราะห์ได้ดีมาก! ไม่น่าเชื่อว่านายจะสามารถมองเห็นสถานการณ์ในเขตทุ่งดาวแห่งความตายได้อย่างละเอียดมากขนาดนี้” ฉินหมางกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันมีความสุข จากนั้นเขาก็เปลี่ยนประเด็นถามขึ้นมาว่า
“ว่าแต่ช่วงนี้บริษัทควอนตัมกำลังพยายามขยายกำลังการผลิตอยู่ใช่ไหม? เท่าที่ฉันรู้มาบริษัทควอนตัมเริ่มออกซื้อโรงงานเก่าทุก ๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งถ้าหากว่าโรงงานในปัจจุบันสามารถผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จออกมาได้อย่างเต็มที่ พวกมันก็น่าจะสามารถผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จออกมาได้ 5,000 ชุดทุก ๆ 24 ชั่วโมง”
“ใช่ครับ ผมกำลังพยายามเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อเตรียมรับกำลังซื้อในอนาคตอยู่ ความจริงแล้วโรงงานในปัจจุบันยังเป็นเพียงแค่โรงงานในส่วนเล็ก ๆ เพราะแผนการในอนาคตผมต้องการที่จะผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จออกมาให้ได้มากกว่า 30,000 ชุดในทุก ๆ 24 ชั่วโมง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“กำลังการผลิตที่นายคำนวณเป็นเพียงแค่ตัวเลขสำหรับลูกค้าโดยทั่วไป แต่ถ้าหากว่าการคาดเดาของฉันถูกต้องสงครามในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของทางกองทัพ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ทางกองทัพตัดสินใจใช้อุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ กำลังการผลิตของโรงงานตามแผนการในปัจจุบันของนายถือว่ายังไม่พอ” ฉินหมางกล่าว
“เรื่องนั้นผมคิดเอาไว้แล้วครับ ว่าสงครามในครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทควอนตัม ว่าแต่คุณตาพอจะมีคนรู้จักแนะนำให้กับผมบ้างได้ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถึงแม้ว่าฉันจะมีอำนาจในสมาพันธ์จัสทิส แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงเรื่องในกรมทหารได้หรอกนะ” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“คุณตาพอจะติดต่อพี่ย่าเหวยในเขตทุ่งดาวแห่งความตายได้ไหมครับ? เท่าที่ผมเห็นเขาน่าจะมีอำนาจในกองทัพของทุ่งดาวแห่งความตายพอสมควร และเขาก็น่าจะสั่งให้ยานรบของกองทัพติดตั้งเครื่องขยายพลังชาร์จจากบริษัทของผมได้” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ตอนนี้พันธมิตรยังไม่ได้ออกมาประกาศเจตนารมณ์ของพวกเขาเลยนะ นายไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้มันจะเสี่ยงเกินไปงั้นเหรอ?” ฉินหมางมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความตกใจ
“ความเสี่ยงมักจะมาพร้อมกับโอกาสอยู่แล้วครับ ในเมื่อผมต้องการจะได้รับผลประโยชน์จากทางกองทัพ ผมก็จำเป็นจะต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง แต่ท้ายที่สุดหากการคาดเดาของผมถูกต้อง ผู้ชนะคนสุดท้ายในสงครามจะต้องเป็นผู้นำของภูมิภาคดาวมฤตยูอย่างแน่นอน”
“เนื่องจากว่าในตอนนี้ทางพันธมิตรยังไม่ได้ตัดสินใจจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับพวกเขา ดังนั้นมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ในเวลาที่พวกเขาต้องการ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างใจเย็น
“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์! ฉันไม่คิดเลยว่านายจะวางแผนการเอาไว้แบบนี้ ถ้าหากว่านายต้องการให้ฉันช่วยติดต่อย่าเหวยจริง ๆ เดี๋ยวฉันจะช่วยคุยกับผู้นำของภูมิภาคดาวมฤตยูให้กับนายด้วย แต่ก่อนอื่นนายจะต้องบอกแผนการทั้งหมดที่นายคิดออกมาเดี๋ยวนี้!” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“สมมติว่าถ้าผมขายอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจำนวนมากให้กับกองทัพ ผมก็คงจะได้รับเงินกลับมาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล แต่คำถามคือผมจะมีเงินพวกนั้นไปทำไม? ไม่ใช่เพราะว่าผมต้องการจะขยายอิทธิพลของตัวเองเหรอ? แล้วถ้าหากว่าผมเอาเงินไปซื้อกองยานของตัวเองแค่นั้นมันจะเรียกว่าผมมีอิทธิพลมากพอได้หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง
แววตาของฉินหมางเปล่งประกายขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขาเริ่มที่จะคาดเดาความคิดของเซี่ยเฟยได้แล้ว และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีความทะเยอทะยานมากขนาดนี้!
“นอกจากเงินกับกองยานแล้วสิ่งที่ผมยังขาดไปนั่นก็คือเขตแดนที่ผมจะได้เป็นผู้ปกครอง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“นี่นายต้องการจะเข้าครอบครองเขตทุ่งดาวแห่งความตายงั้นเหรอ!!” ฉินหมางอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“หากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปตามปกติท้ายที่สุดภูมิภาคดาวเหวทมิฬกับภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจจะต้องยอมจำนนต่อพันธมิตร และผู้มีสิทธิ์ขึ้นมาครอบครองอำนาจย่อมเป็นผู้นำของภูมิภาคดาวมฤตยูอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะท้ายที่สุดพันธมิตรก็ไม่เต็มใจที่จะเข้ามาคอยควบคุมภูมิภาคดาวอันห่างไกลทั้งสามแห่งนี้อยู่ดี ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการให้คนท้องถิ่นคอยควบคุมกันเอง เพียงแต่ทั้งสามภูมิภาคดาวจะต้องยังคงอยู่ในเขตแดนของพันธมิตรต่อไป”
“ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันผมเชื่อว่ากองกำลังของภูมิภาคดาวมฤตยูจะต้องถอยไปตั้งหลักและคอยตั้งรับจนกว่ากองกำลังของพันธมิตรจะเดินทางมาถึง แล้วถ้าหากว่าในช่วงเวลานี้ผมได้เข้าไปช่วยเหลือพวกเขาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ มันก็จะต้องช่วยสร้างฐานอำนาจให้กับผมได้อย่างแน่นอน”
“ถึงยังไงผมก็ไม่คิดที่จะขายอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จที่จะนำไปในครั้งนี้อยู่แล้ว และเพื่อแลกกับความช่วยเหลือที่ผมหยิบยื่นให้ในช่วงวิกฤติ ผมก็คิดที่จะขอแบ่งดินแดนส่วนหนึ่งมาอยู่ภายใต้การปกครองของผม” เซี่ยเฟยอธิบายแผนการของตัวเอง
“แผนการนี้พอจะเป็นไปได้ เพราะในภูมิภาคดาวมฤตยูยังขาดแคลนกำลังคนและอุปกรณ์อยู่เป็นจำนวนมาก ตราบใดก็ตามที่นายไม่ขอดวงดาวที่อุดมสมบูรณ์ ฉันก็คิดว่าพวกเขายินดีที่จะมอบดินแดนบางส่วนให้กับนาย”
“ว่าแต่นายมีแผนการอะไรจะทำบนดาวที่นายจะได้รับมา?” ฉินหมางถาม
“คุณตาไม่ได้บอกให้ผมสร้างยานไททันงั้นเหรอครับ? ของแบบนั้นคงจะสร้างในเขตพันธมิตรไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้นผมก็เลยพยายามค้นหาสถานที่อันห่างไกลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสร้างยานลำนั้นขึ้นมา” เซี่ยเฟยกล่าว
“นี่นายมั่นใจแล้วเหรอว่าจะสามารถสร้างยานไททันขึ้นมาได้?!” ฉินหมางพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ผมยังไม่แน่ใจครับ แต่อย่างน้อยทุกอย่างก็ยังดำเนินไปในทิศทางที่ค่อนข้างดี และผมก็คิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้ครอบครองดินแดนเป็นของตัวเอง แล้วถึงแม้ว่าดินแดนพวกนั้นจะดูเป็นดินแดนที่ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าผมยังไม่เริ่มแผนการสร้างยานไททันตั้งแต่วันนี้ ผมก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสครอบครองดินแดนพวกนั้นอีกเลย”
“ดังนั้นถึงแม้การเริ่มเดินหมากในวันนี้จะทำให้ผมต้องประสบพบเจอกับความยากลำบากอย่างมากมาย แต่ผมก็ต้องเริ่มเดินหมากสำหรับการสร้างยานไททันแล้วเหมือนกัน”
“นายรู้ใช่ไหมว่านี่คือการลงเดิมพันภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมายาว ๆ
“นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่สำหรับผมจริง ๆ ครับ ซึ่งถ้าหากว่าการคาดการณ์ของผมผิดพลาดไป ผมก็คงจะต้องเสียอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านสตาร์คอยน์ แต่ถ้าหากว่าผมได้รับชัยชนะในการเดิมพันครั้งนี้ บางทีผมก็อาจจะได้รับดินแดนมาครอบครองมากกว่า 10 ที่ ซึ่งจะทำให้ผมสามารถเคลื่อนไหวในดินแดนของตัวเองได้อย่างอิสระ”
“ผมได้อ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องของพันธมิตรทั้งหมดแล้ว และตราบใดก็ตามที่ผมสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดที่พวกเขาได้ตั้งเอาไว้ได้ ผมก็จะสามารถสร้างอาณาจักรได้เป็นของตัวเอง ซึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมอาจจะต้องเสียไป ผลกำไรมันก็มากพอที่จะให้ผมกล้าที่จะลองเสี่ยงดู”
—
หลังจบบทสนทนาฉินหมางก็สัญญาว่าเขาจะติดต่อไปยังย่าเหวยให้ แล้วเขาจะติดต่อมาบอกผลลัพธ์ในภายหลัง
ขณะเดียวกันอันธก็กำลังยืนกระพริบตาปริบ ๆ โดยไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินไปเมื่อไม่นานมานี้
“นี่นายเริ่มคิดแผนการพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? นายรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าในเขตทุ่งดาวแห่งความตายจะต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างแน่นอน นายเลยเร่งสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับสถานการณ์ในวันนี้ใช่ไหม? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะคิดแผนการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้ามาหมดแล้วจริง ๆ”
“นายเคยได้ยินทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับสงครามหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างลึกลับ
“ไม่เคย” อันธกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วนายรู้ไหมว่าเมื่อไหร่ที่คนมักจะประสบความสำเร็จ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อไหร่?”
“ตอนที่เกิดวิกฤติเหมือนในตอนนี้นี่ไง”
***************