ตอนที่ 299 ฟ้าสงบก่อนลมพายุ
ตอนที่ 299 ฟ้าสงบก่อนลมพายุ
หลังจากเซี่ยเฟยเดินทางออกมาจากกองทัพ เขาก็ได้รับการติดต่อจากผางชิงว่าให้เดินทางไปยังคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่า แต่พ่อบ้านคนนี้ไม่ได้บอกว่าเขาจะต้องไปที่คฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่าทำไม
ทหารจากกองทัพที่รับผิดชอบในการนำเซี่ยเฟยไปส่งดูแลชายหนุ่มได้ดีเป็นอย่างมาก เพราะเขาได้นำเซี่ยเฟยไปส่งยังจุดหมายปลายทาง และเมื่อชายหนุ่มได้เดินลงมาจากยานอวกาศเขาก็ได้พบกับผางชิงที่กำลังเดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่าย
“นี่คุณเป็นอะไรเนี่ย?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันหรือเปล่า?” ผางชิงถามพร้อมกับถูมือเข้าด้วยกันอย่างประหม่า
“ยานของผมได้รับความเสียหายเกินกว่าจะเข้าแข่งขันในรอบต่อไปได้ ผมจึงเสียสิทธิ์ในการแข่งขันไปโดยปริยาย แต่ผมก็ยังมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันค้นหาวัตถุและการแข่งขันในรอบสุดท้ายได้อยู่” เซี่ยเฟยกล่าว
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสาวใช้คนไหนเอาเรื่องนี้ไปพูดกับคุณหนูจนทำให้คุณหนูรู้สึกกังวลมาก คุณควรจะไปพูดคุยกับคุณหนูสักหน่อยว่าคุณยังสามารถแข่งขันในรายการต่อไปได้” ผางชิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินตามผางชิงขึ้นไปบนภูเขา
ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากลิฟต์เซี่ยเฟยก็ได้พบกับนิวแมนในห้องโถงที่กำลังคุยโทรศัพท์แล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อนิวแมนได้เห็นเซี่ยเฟยเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทักทายชายหนุ่มตามมารยาทแล้วกลับไปคุยธุระต่อโดยไม่คิดจะสนทนาอะไรกับเขาเพิ่มเติม
เซี่ยเฟยก็ทักทายนิวแมนกลับไปตามมารยาทเช่นเดียวกัน แต่บทสนทนาระหว่างพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่บทสนทนาสั้น ๆ ไม่สมกับสถานะของพวกเขาเลย
“นายท่านยุ่งแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เขาไม่ได้ไม่ชอบอะไรคุณหรอก” ผางชิงพูดขึ้นมาด้วยความลำบากใจหลังจากที่นิวแมนได้เดินออกไปพร้อมกับเลขาของเขา
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเฉยเมยและการเผชิญหน้าอย่างเย็นชาเช่นนี้ก็คงจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะตำหนินิวแมนได้ เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเขาก็เป็นคนสังหารน้องชายของนิวแมนด้วยมือของตัวเอง
“นายจะทำยังไงถ้าหากวันหนึ่งนิวแมนได้เป็นคนที่มาทำร้ายแอวริลเอง?” อันธถาม
เซี่ยเฟยขยับมือขึ้นมาเชือดที่คอเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมจะฆ่าทุกคนที่กล้าเข้ามาทำร้ายหญิงสาว
—
ขณะเดียวกันแอวริลก็กำลังขีดเขียนอะไรบางอย่างอยู่อย่างจริงจัง โดยเธอได้ใช้มือข้างหนึ่งมาแปะคางเอาไว้ด้วยท่าทางที่ครุ่นคิด
“กำลังเขียนอะไรอยู่?” เซี่ยเฟยเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม
แอวริลรีบปิดหน้าจอทันทีไปเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาแอบดู และเมื่อเธอได้พบว่าคนที่เพิ่งเข้ามาคือเซี่ยเฟย เธอก็รีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มและเข้ามาจูงแขนชายหนุ่มให้นั่งลงบนโซฟา
“ฉันกำลังคำนวณคะแนนในงานแข่งโกลเดนฟิงเกอร์อยู่ และถึงแม้ว่าฉันจะคิดหลายครั้งแล้วแต่ฉันก็เกรงว่าการแข่งขันครั้งนี้นายจะได้อันดับเกินกว่าอันดับที่ 300” แอวริลกล่าวขึ้นมาอย่างผิดหวัง
“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ มาใกล้ ๆ หน่อยสิ เดี๋ยวฉันจะบอกความลับบางอย่างให้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่แอวริลได้ยินว่าเซี่ยเฟยจะบอกความลับ เธอก็รีบเขยิบเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อันที่จริงที่ฉันเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าฉันต้องการจะได้แชมป์ แต่ฉันต้องการจะโฆษณาผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่มีชื่อว่าอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าว
“อุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ? มันคืออะไรเหรอ?” แอวริลถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
จากนั้นเซี่ยเฟยก็อธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับหน้าที่ของอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จให้แอวริลเข้าใจ
“มันฟังดูดีมากเลย นายเป็นคนคิดค้นอุปกรณ์นี้ขึ้นมาเองจริง ๆ เหรอ?” แอวริลถามขึ้นมาอย่างมีความสุขเมื่อได้รู้ว่าเซี่ยเฟยเป็นคนคิดค้นอุปกรณ์ระดับสูงเช่นนี้ขึ้นมาได้
“อือ ถึงแม้ว่าในครั้งนี้ฉันจะไม่มีโอกาสได้กลายเป็นแชมป์ แต่ฉันก็โฆษณาประชาสัมพันธ์อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้สำเร็จแล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อเธอลองเข้าไปดูในสตาร์เน็ตเวิร์กสิว่ามีคนกี่คนกำลังอยากรู้อุปกรณ์ที่ติดตั้งในยานรบของฉัน”
“หลังจากที่การแข่งขันในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจะได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่โด่งดังไปทั่วทั้งพันธมิตรอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอไม่จำเป็นจะต้องกังวลเพราะว่าฉันได้ทำตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้สำเร็จแล้ว ส่วนเรื่องใครจะได้เป็นแชมป์เรื่องนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันให้ความสนใจ” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อได้ยินคำอธิบายดวงตาของแอวริลก็เปล่งประกายคลายความกังวลออกไปได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้ทำการค้นหาข้อมูลในสตาร์เน็ตเวิร์ก แล้วเธอก็ได้พบว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เซี่ยเฟยได้บอกเธอเอาไว้จริง ๆ เพราะเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มสามารถเอาชนะการสู้รบแบบ 1 ต่อ 9 มันก็ทำให้ทุกคนอยากจะรู้ว่าบนยานรบของเขาได้ติดตั้งอุปกรณ์อะไรเอาไว้กันแน่
“ทุกอย่างเป็นไปเหมือนที่นายพูดเอาไว้จริง ๆ ด้วย ดูเหมือนว่าแผนการของนายครั้งนี้จะสำเร็จแล้ว ฉันขอแสดงความยินดีกับนายล่วงหน้าเลยนะ” แอวริลเผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ
ท้ายที่สุดหญิงสาวคนนี้ก็ยังคงเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสา และเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอได้รับข่าวดีเธอจะลืมความกังวลในก่อนหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้านายมีเงินแล้วอย่าลืมซื้อของขวัญให้ฉันบ้างนะ” แอวริลกล่าวอย่างเขินอาย
“ได้สิ แต่เหมือนว่าเธอไม่น่ามีสิ่งที่เธออยากได้เหลืออยู่แล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันไม่เหมือนกันนิ ของพวกนี้เป็นของที่นายไม่ได้ซื้อให้ฉัน และของที่ฉันอยากได้ก็มีราคาแพงมาก เพราะแม้แต่นายก็ไม่สามารถหาซื้อให้ฉันได้” แอวริลกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“แพงมากเลยเหรอ? แล้วเธอต้องการอะไรล่ะ?” เซี่ยเฟยถาม
“ความลับจ้ะ” แอวริลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
—
กลางดึกเซี่ยเฟยออกจากคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่ามาพักผ่อนเพียงลำพัง และถึงแม้ว่าเขาจะต้องการอยู่กับแอวริลแต่เขาก็รู้สึกว่าเธอยังไม่พร้อม เขาจึงยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ให้ไปไกลกว่านี้
ระบบเรดาร์แบล็คแบทยังคงเป็นปัญหาที่ทำให้เซี่ยเฟยคิดไม่ตก เพราะหากเขาต้องการฟังก์ชั่นที่เต็มประสิทธิภาพ มันก็แลกมากับความยากลำบากในกระบวนการผลิต
ขณะเดียวกันลุงพอตเตอร์ก็ได้หาซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยมากที่สุดเข้ามาติดตั้งในโรงงานแล้ว แต่ทว่าเครื่องจักรที่ทันสมัยนี้ก็ยังไม่สามารถผลิตระบบเรดาร์แบล็คแบทให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่เขาได้วางเอาไว้ได้
นอกจากนี้มันยังมีข้อผิดพลาดในระหว่างกระบวนการผลิตในจำนวนที่เกินกว่าพวกเขาจะรับได้ เพราะ 2 ใน 10 เครื่องเรดาร์ที่ถูกเครื่องจักรผลิตออกมามีความทนทานน้อยมาก และ 1 ใน 10 ของเรดาร์ในชุดเดียวกันก็ได้รับความเสียหายเกินกว่าจะนำมาใช้งานได้
ด้วยอัตราการสูญเสียในระหว่างการผลิตที่สูงมากขนาดนี้ มันก็ทำให้พวกเขายังไม่สามารถผลิตระบบเรดาร์แบล็คแบทออกมาวางจำหน่ายได้ เพราะถ้าหากยานรบลำไหนได้รับสินค้าที่มีตำหนิขึ้นมาแล้วทำให้ยานรบลำนั้นพลาดเสียชีวิตในสนามรบ เซี่ยเฟยก็อาจจะต้องขึ้นศาลเพื่อจ่ายค่าชดเชยในกรณีที่เครื่องจักรทำงานผิดพลาด
โดยสรุประบบเรดาร์แบล็คแบทยังไม่สามารถนำมาวางขายในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ได้ เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถปรับแต่งความซับซ้อนของวงจรให้ลดน้อยลง ไม่อย่างนั้นมันก็จะยังคงเป็นสินค้าที่อยู่ในระหว่างการทดลอง
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยได้รู้ว่าการพยายามสร้างยานไททันยากลำบากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ เพราะเพียงแค่ระบบเรดาร์แบล็คแบทที่ถูกดัดแปลงมาจากระบบซุปเปอร์เรดาร์ยังผลิตได้อย่างยากลำบากขนาดนี้ ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามผลิตยานไททันขึ้นมาทั้งลำเลย
แต่ในใจของเซี่ยเฟยก็ยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวัง เพราะถ้าหากว่าเขาสามารถผลิตยานไททันขึ้นมาได้สักวัน มันก็หมายความว่าในพันธมิตรไม่มีใครสามารถตามเทคโนโลยีของไททันที่เขาครอบครองอยู่ได้เช่นกัน!
ทันใดนั้นทูรามก็ทำการส่งคำร้องขอติดต่อเข้ามา
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ ทำไมติดต่อมาดึกแบบนี้?” เซี่ยเฟยถาม
“นายรู้จักกับจอมพลวิลเลียมหรือเปล่า?” ทูรามถาม
“ผมเคยเจอกับเขาแค่ครั้งเดียวครับ จะเรียกว่ารู้จักก็คงไม่ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“วันนี้เขามาหาฉันแล้วถามเรื่องนายไปเยอะเลย ท้ายที่สุดเขาก็ขออุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจากฉันไป 6 เครื่อง” ทูรามกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย
เสียงอุทานของเซี่ยเฟยทำให้ทูรามรู้สึกสนใจ ชายหนุ่มจึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในกองบัญชาการทหารให้ทูรามฟัง
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันว่าวิลเลียมสนใจอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จมาก บางทีอีกไม่นานทางกรมทหารอาจจะติดต่อไปที่บริษัทควอนตัมเพื่อขอซื้ออุปกรณ์เสริมพลังชาร์จเป็นจำนวนมากก็ได้ ฉันคิดว่านายควรเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่อย่างนั้นสินค้าของนายอาจจะผลิตออกมาไม่ทันคำสั่งซื้อ” ทูรามกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เรื่องการผลิตไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ เพราะผมได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ประมาณนี้เอาไว้อยู่แล้ว แต่เราก็ยังไม่สามารถสรุปเรื่องนี้ได้อยู่ดี เพราะทางกรมทหารยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาเลย” เซี่ยเฟยกล่าว
—
เมื่อไม่มีการแข่งขันเซี่ยเฟยก็เหลือเวลาว่างอยู่อีกมาก เขาจึงใช้เวลาในการไปเที่ยวกับแอวริลและกลับมาพัฒนาระบบเรดาร์แบล็คแบทเพื่อรอการแข่งขันค้นหาวัตถุในรอบต่อไป
ระหว่างนี้ทางกรมทหารยังไม่ได้ติดต่ออะไรพวกเขามา แต่ทูรามได้แจ้งให้เขาทราบแล้วว่าพวกทหารกำลังนำเครื่องเสริมพลังชาร์จเข้าห้องทดลอง
ข้อกำหนดของอุปกรณ์ที่ทางกองทัพใช้แตกต่างจากข้อกำหนดของอุปกรณ์สำหรับพลเรือนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นทางกองทัพจึงจำเป็นจะต้องประเมินอุปกรณ์ที่พวกเขาจะใช้ในทุกแง่มุม ซึ่งไม่เพียงแต่พวกเขาจะทำการประเมินเพียงแต่ผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่พวกเขายังจะทำการประเมินโรงงานที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วย
ชาร์ลีได้ติดต่อมาบอกเขาแล้วว่าตัวแทนจากทางกรมทหารได้เดินทางมายังบริษัทควอนตัมเพื่อต้องการขอตรวจสอบมาตรฐานโรงงานที่ใช้สำหรับการผลิต ซึ่งการขอตรวจสอบอย่างกะทันหันครั้งนี้ทำให้ชาร์ลีรู้สึกกังวลใจมาก แต่เซี่ยเฟยก็บอกให้ชายหนุ่มใจเย็น ๆ และปฏิบัติตัวต่อพวกทหารเหมือนกับพวกเขาเป็นลูกค้าทั่ว ๆ ไป
ก่อนวางสายเซี่ยเฟยยังขอให้ชาร์ลีมอบของกินท้องถิ่นจากดาวโลกเป็นของติดไม้ติดมือเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับทหารที่เข้ามาตรวจสอบโรงงานด้วย ซึ่งชาร์ลีก็กังวลว่าพวกทหารจะมองว่าพวกเขาติดสินบนและไม่ชอบอาหารพวกนี้ แต่เซี่ยเฟยไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นเลย
ข้อเท็จจริงที่เซี่ยเฟยได้เผชิญมาได้พิสูจน์แล้วว่าชาและอาหารบนดาวโลกถือว่าถูกปากคนจากนครหลวงมากพอสมควร และเมื่อพวกเขาได้ยินว่าการให้ของกินถือเป็นธรรมเนียมของดาวโลกพวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธโดยธรรมชาติ นอกจากนี้มูลค่าของของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ยังน้อยเกินกว่าจะถูกมองว่าพวกมันคือสินบน
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารอยู่บนโลกพวกเขาก็ทำการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากพอตเตอร์ และแน่นอนว่าด้วยประสบการณ์จากชายชราคนนี้ มันจึงทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ทหารได้มองว่าโรงงานอยู่ในระดับมาตรฐานที่สูงมาก
เช้าวันต่อมาข่าวใหญ่ในพันธมิตรก็ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยไม่มีสัญญาณการแจ้งเตือนให้ใครทราบล่วงหน้ามาก่อนเลย
***************