(ฟรี) ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 140 สหายที่แข็งแกร่ง
“ผู้อาวุโสเซวียน!” เมื่อผู้อาวุโสซ่งเห็นเซวียนห่าว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ผู้อาวุโสซ่ง เราไม่ได้เจอกันนานพอสมควรเลย น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะทักทายมากนัก...” เมื่อเซวียนห่าวเห็นใบหน้าที่โล่งอกของผู้อาวุโสซ่ง เขาก็ค่อนข้างเสียดายพอสมควร
เซวียนห่าวรู้ดีว่า ผู้อาวุโสซ่งมักจะใช้เวลากับการบ่มเพาะศิษย์ในนิกาย...
“ผู้อาวุโสเซวียน รองจ้าวนิกายจู๋เฟยคลุ้มคลั่งไปเสียแล้ว! หากยังปล่อยไว้ นางอาจทำลายนิกายก็เป็นได้ แม้ว่าสหายของจ้าวนิกายจะไม่ได้ตอบโต้ แต่หากนางผู้นั้นต้องการทำ รองจ้าวนิกายก็คงแพ้อย่างง่ายดาย...” ผู้อาวุโสซ่งพูดด้วยท่าทางตระหนก
“ข้าจะขึ้นไปที่นั่นและยุติสถานการณ์ระหว่างพวกนางทั้งสอง ก่อนที่มันจะลุกลามบานปลายไปกว่านี้…”
“ผู้อาวุโสเซวียน ข้าขอให้ท่านทำให้รองจ้าวนิกายสงบได้สำเร็จ! ระหว่างนี้ข้าจะไปเตรียมคนจากเรือนคนรับใช้ให้พร้อมสำหรับการเก็บกวาด...” หลังจากที่ผู้อาวุโสซ่งพูดจบ เขาก็เดินจากไปในทันที ทิ้งให้เซวียนห่าวยืนอยู่คนเดียวที่ด้านล่างของยอดเขาจ้าวสำนัก
ขณะที่เซวียนห่าวเดินขึ้นไป เขาก็ได้ยินเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าไม่ควรพอแล้วหรือ จู๋เฟย เจ้าได้ทำลายตำหนักของเจ้าเองแล้ว หากเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไป เจ้าคงทำลายพื้นที่ใกล้เคียงเป็นแน่…” ซูเหยารับการโจมตีทั้งหมดของจู๋เฟยอย่างสงบนิ่ง
จู๋เฟยไม่ตอบกลับใด ๆ นางเริ่มโจมตีซูเหยาอีกครั้ง แต่คราวนี้นางไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมอีกต่อไป นางดึงกระบี่ออกจากฝักและพุ่งตรงไปที่ซูเหยา นางฟันกระบี่ลงด้วยพลังทั้งหมดของนางจนทำให้ยอดเขาทั้งลูกสั่นสะท้าน
การฟันครั้งนี้ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณจนทำให้ซูเหยาไม่มีที่ให้หลบอีกต่อไป
“เจ้าไม่เคยคิดจะเรียนรู้เลยใช่หรือไม่... ข้าว่าเราควรจบเรื่องนี้เสียที!” ซูเหยาล้วงเข้าไปที่แขนเสื้อของนางและดึงยันต์เล็ก ๆ ออกมา นางโยนยันต์นั้นไปในทิศทางที่จู๋เฟยกำลังพุ่งเข้ามา
ดอกบัวยักษ์หายไปในตอนที่ซูเหยาโยนยันต์เล็ก ๆ ออกไป ทำให้จู๋เฟยเข้าใกล้นางมากขึ้น ในเวลานี้เองที่กระบี่ในมือของจู๋เฟยก็ปะทะเข้ากับยันต์ที่ซูเหยาโยนมา
“อั๊-” ก่อนที่จู๋เฟยจะทันได้ทันตอบสนอง ยันต์นั้นก็ปะทุขึ้นเป็นคลื่นสายฟ้า
เมื่อจู๋เฟยจะป้องกัน มันก็สายไปเสียแล้ว คลื่นสายไฟได้เคลื่นผ่านเข้าไปในกระบี่และเข้าหาร่างกายนางอย่างทันที
ขณะที่คลื่นสายฟ้าเคลื่อนผ่านร่างของนาง ฐานการบ่มเพาะของนางก็ถูกผนึก นางทำได้เพียงแค่มองหน้าซูเหยา
“ตอนนี้เจ้าไม่สามารถสร้างปัญหาได้อีกแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะสงบสติได้” ซูเหยาเดินเข้าไปใกล้จู๋เฟยและดึงคลื่นสายฟ้าออกมาจากร่างของนาง ทันทีที่นางดึงคลื่นสายฟ้าออกมาจากร่างจู๋เฟย คลื่นสายฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นยันต์ตามเดิน ก่อนที่นางจะเก็บมันเข้าแขนเสื้ออีกครั้ง
“ดูเหมือนข้าจะมาทันเวลา ก่อนที่นางจะทันได้ทำลายข้าวของมากกว่านี้...” เมื่อเซวียนห่าวเดินมาถึงตำหนักรองจ้าวนิกาย เขาก็เห็นจู๋เฟยที่หน้าบูดบึ้งและหญิงสาวที่มีใบหน้าราวกับอายุยี่สิบต้น ๆ นางผู้นี้ราวกับกำลังดุด่าน้องสาวที่ไม่รักดี
“ผู้อาวุโสเซวียน เจ้าต้องช่วยข้าจัดการกับนางผู้นี้! นางปิดผนึกฐานการบ่มเพาะของข้-”
“เจ้ายังอยากเล่นอีกหรือ จู๋เฟย” ขณะที่จู๋เฟยกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ซูเหยาก็เข้ามาขัดจังหวะและเอ่ยทักทายเซวียนห่าว
“เจ้าต้องเป็นผู้อาวุโสเซวียน เฟิงเฟิงเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังมามากมายเลย”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง เจ้าจะให้ข้าเรียกเจ้าว่า…”
“ฮ่าฮ่า เจ้าไม่ต้องทำตัวราวกับข้าคุณหนูก็ได้... ข้าชื่อซูเหยา แต่เจ้าจะเรียกข้าว่าพี่สาวเหยาก็ได้ตราบเท่าที่เจ้าต้องการ” ซูเหยายิ้มอย่างสดใส นางตัดสินใจแกล้งเซวียนห่าวเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นผล เซวียนห่าวไม่ได้สนใจคำพูดที่เย้ายวนของนางแม้แต่น้อย
‘ซูเหยาผู้นี้… นางอยู่ขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 9! จ้าวนิกายไปได้สหายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จากที่ใดกัน?’
จากสิ่งที่เขารู้ ซูเหยามาจากนิกายวสันตบุปผา นอกนั้นเซวียนห่าวก็ไม่รู้สิ่งอื่นเกี่ยวกับนางเลย
แต่จากที่เขารู้ นิกายวสันตบุปผายังไม่มีผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 9!