ตอนที่ 366 หายวับไปกับตา
ขณะที่หยางซือเหมยสนทนาอยู่กับเซียวเฉียนในบ้าน เธอได้รับโทรศัพท์จากมารดาของเธอ “อาเหมย มาที่นี่เร็วเข้า เจ้าหน้าที่ของเมืองมาที่ร้านและทำร้ายเจินเจินจนได้รับบาดเจ็บ”
“ห๊า! อะไรนะ?” หยางซือเหมยอุทาน “ทำไมเจ้าหน้าที่เมืองถึงทำร้ายเจินเจิน?”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้พอเปิดร้านแล้ว กลุ่มผู้บริหารเมืองก็มาที่ร้านและบอกว่าเราทำผิดกฎหมาย พวกเขาขว้างปาขนมปังและทำลายข้าวของอื่นๆ ในร้านจนเสียหายหมด อาเหมย! มาช่วยพูดกับพวกเขาหน่อยสิ”
จากนั้นสิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงร้องไห้ของมารดา…
เจ้าหน้าที่เมือง? เราทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย?
เป็นไปได้ยังไง?
แค่เปิดร้านขนมปัง… มันจะผิดกฎหมายได้ยังไง?
เด็กสาวจึงปั่นจักรยานไปหามารดาอย่างรีบร้อน และเห็นชายฉกรรจ์อย่างน้อยยี่สิบคนถือกระบองไฟฟ้ามารวมตัวกันที่บริเวณหน้าประตูร้านและทุบข้าวของอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่มารดาของเธอตัวสั่นเทาด้วยเลือดที่ศีรษะและเฝ้าแต่ร้องตะโกนว่า “อย่าทุบมันอีกเลย! ได้โปรด…”
เมื่อเห็นฉากนี้เลือดในกายของหยางซือเหมยพลันพุ่งพล่านขึ้นจนถึงขีดสุด
หยางซือเหมยโยนจักรยานทิ้งทันที เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปและเอื้อมมือออกไปเพียงจับแขนชายที่ถือท่อเหล็กซึ่งอยู่ตรงหน้ามารดาของเธอ
ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่เมืองผู้มีส่วนสูงอย่างน้อยหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซนติเมตรและหนักประมาณแปดสิบกิโลกรัมถูกโยนปลิวออกจากร้านไปไกลกว่าสองเมตรราวกับตุ๊กตา
แน่นอนว่าหยางซือเหมยไม่ได้โยนเขา แต่ใช้พลังจิตวิญญาณในการเหวี่ยงเขา
ช่วงเวลาดังกล่าวคณะผู้บริหารเมืองและผู้เห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึงด้วยอาการดวงตาเบิกกว้าง
พวกเขาจ้องมองอย่างตั้งใจ เนื่องจากผู้ที่จัดการกับชายหนุ่มเป็นหญิงสาวที่ดูเหมือนจะอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น อีกทั้งเธอยังรูปร่างบอบบางและสวยงามมาก
สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ไม่รู้ว่าเธอไปเอาพลังมาจากไหน?
ครั้นเจ้าหน้าที่ของเมืองหลายคนเดินเข้าหาหยางซือเหมยพร้อมกระบองไฟฟ้า คิ้วของหยางซือเหมยขยับเร็วราวกับฟ้าแลบ และเจ้าหน้าที่เมืองเหล่านั้นก็ถูกโยนออกจากมุมเหมือนกระสอบทราย
เจ้าหน้าที่เมืองคนอื่นๆ เห็นว่าทุกคนรุมล้อม
ผู้ชมเหตุการณ์เห็นร่างขาวของเธอพลิ้วไหวไปมาอย่างสง่างาม และชายร่างกายแข็งแรงกำยำซึ่งสูงและรูปร่างใหญ่โตกว่าเธอมากถูกโยนทิ้งไปทีละคน ทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงบริเวณหัวมุมถนนล้วนงุนงงกับภาพที่มารดาของเธอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
เด็กสาวไม่ทันสังเกตเห็นว่าท่ามกลางฝูงชนที่กำลังมุงดูอยู่นั้น มีผู้ซึ่งสวมหมวกและถือกล้องวีดีโอไว้ในมือ โดยกระบวนการทั้งหมดของการเหวี่ยงร่างชายฉกรรจ์ของเธอได้ถูกบันทึกไว้
หลังจากแก้ไขปัญหาเหล่านี้แล้ว หยางซือเหมยรีบตรวจสอบบาดแผลของเจินเจินอย่างเร่งด่วน
“อาเหมย…”
หวงซิ่วลี่ใบหน้าซีดเผือดมองดูหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บด้วยอาการตื่นตระหนก “ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลี่เฉิงสิ เธอมีเลือดออกมากเลย”
โดยไม่รีรอหยางซือเหมยหยิบเข็มเงินออกมาเพื่อเจาะจุดฝังเข็มเพื่อห้ามเลือดของเจินเจิน และมองดูบาดแผลบนหน้าผากนั้นอย่างระมัดระวัง โชคดีที่มันเป็นเพียงบาดแผลบนผิวหนัง และไม่มีปัญหาใหญ่ในส่วนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงได้รับการรักษาด้วยกำลังภายใน
เมื่อหยางซือเหมยเห็นร้านเบเกอรี่ถูกทำลายและขนมปังที่แม่ทำอย่างตั้งใจถูกเหยียบย่ำลงบนพื้น เลือดแห่งอารมณ์โกรธจัดของเธอได้พุ่งขึ้นทันที
เธอออกไปเหยียบหลังหัวหน้าผู้บริหารเมืองที่อยากจะขึ้นไปบนพื้นดินแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไหนลองบอกมาสิว่า ร้านเบเกอรี่นี้ผิดกฎหมายตรงไหน?”
“ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจไม่เป็นทางการ และยังอยู่ภายนอกเขต ซึ่งส่งผลต่อรูปลักษณ์ของเมือง”
หัวหน้าผู้บริหารเมืองถูกเธอเหยียบย่ำด้วยเท้า “คุณกำลังใช้อิทธิพลในการบังคับใช้กฎหมายและมันผิดกฎหมาย!”
“นังเด็กบ้า! ทำร้ายคนแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ!”
คิ้วของหยางซือเหมยขมวดขึ้นและแทบจะอดที่จะบดขยี้หลังอีกฝ่ายไม่ได้
ในเวลานี้มีเสียงไซเรนดังอยู่สองข้างทางของถนน โดยมีรถตำรวจหลายคันเข้ามาล้อมร้านเบเกอรี่แห่งนี้...
******
มีรถตำรวจเข้าและออกจากรถตำรวจประมาณ 20 คัน ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้สำหรับการปราบปรามจลาจล
อย่างไรก็ตามในเวลานี้รูม่านตาของหยางซือเหมยหรี่ลงเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนว่าเธอพร้อมแล้ว
ชั่วพริบตาตำรวจปราบจลาจลเล็งมาที่เด็กสาวด้วยปืน และหนึ่งในนั้นตะโกนด้วยเสียงจากเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ “พวกอันธพาลที่ละเมิดกฎหมายและทำร้ายเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย จงวางอาวุธของคุณลง มิฉะนั้นเราจะใช้วิธีที่รุนแรงขึ้นตามลำดับ!”
ด้วยประโยคดังกล่าวหวงซิ่วลี่ถึงกับกลอกตาไปมาด้วยความตกใจและทรุดตัวลงไปในที่สุด หยางซือเหมยจึงรีบพยุงมารดาและปลุกเธอให้ฟื้นคืนสติ
“อาเหมย เราควรทำยังไงดี? หน่วยปราบจลาจลอยู่ที่นี่แล้ว ลูกรีบเข้าไปด้านในและปล่อยให้พวกเขาจับกุมแม่” หวงซิ่วลี่กล่าวกับหยางซือเหมยด้วยอาการหน้าซีดตัวสั่น
เมื่อมีอุปสรรคหรือปัญหาใดๆ ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือมารดา พวกเขาทั้งหมดย่อมพร้อมที่จะปกป้องเธอเสมอ
“แม่ หนูไม่ได้ทำร้ายใครสักหน่อย หนูไม่กลัว”
หยางซือเหมยเคลื่อนตัวไปที่เจินเจินเพื่อบอกให้พวกเธอเข้าไปหลบตัวด้านในร้านก่อน
เมื่อเห็นว่ามีปืนมากกว่า 20 กระบอกชี้เป้ามาที่ตนเอง หยางซือเหมยรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก แม้เธอจะไม่ได้ด้อยในการยิงปืน ทว่าสำหรับการจัดการปืนมากกว่า 20 กระบอกในคราวเดียวนั้น…
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเร็วแค่ไหนก็คงรับไม่ไหว…
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเหล่านายตำรวจกำลังเล็งปืนมาที่ตนเอง หากเธอต่อต้านหรือขัดขืน พวกเขาย่อมมีข้ออ้างที่จะบอกว่าเธอต่อสู้กับกระบวนการทางกฎหมายและฆ่าตัวตาย
ดังนั้นเด็กสาวจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เธอเพียงยืนนิ่งในอาการสงบและท่องคาถาล่องหนของเซียวเฉียน
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด ตำรวจจึงคว้ากุญแจมือออกมาและเดินไปข้างหน้าเพื่อใส่กุญแจมือเธอ
ใครจะรู้ว่าเมื่อเดินมาถึงตัวเธอกลับพบว่าเด็กสาวหายตัวไปในทันที
ฝ่ายตำรวจคนอื่นๆ ที่ถือปืนตามมาต่างพบว่าเธอหายตัวไปในอากาศ ทำให้ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ระหว่างที่พวกเขากำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความประหลาดใจนั้น หยางซือเหมยพุ่งออกจากที่กำบังด้วยการซ่อนตัวและอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย จากนั้นเธอรีบโทรหาหลัวหยิงห่าวและขอให้เขารีบมาปกป้องครอบครัวของเธอ
เมื่อหลัวหยิงห่าวรับทราบ เขาไม่มีข้อกังขาใดๆและรีบร้อนวิ่งออกจากเขตทหารพร้อมกับคนของเขา
“อ้าว! แล้วเธอหายไปไหนแล้ว” ตำรวจที่ถือกุญแจมือหันกลับมาเอ่ยถามคนอื่นๆ
“จู่ๆ เธอก็หายไปต่อหน้าต่อตา”
“จู่ๆ คนทั้งคนหายไปได้ยังไง?”
“รีบค้นหาให้เร็วที่สุด!”
จากนั้นตำรวจหลายนายเข้าไปในร้านเบเกอรี่ และเมื่อพบหวงซิ่วลี่กับหลี่เฉิง นายตำรวจคนหนึ่งตะคอกอย่างแรง “พวกคุณซ่อนคนไว้ที่ไหน?”
หวงซิ่วลี่ตัวสั่นด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอได้ยินว่าหยางซือเหมยไม่ได้ถูกจับโดยพวกเขา หัวใจของเธอพลันเต็มไปด้วยความสุขและไม่ได้กล่าวคำใดอีก
แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถค้นหาตัวเด็กสาวพบแม้จะสำรวจทุกซอกทุกมุมของร้านเบเกอรี่แล้วก็ตาม
“ในเมื่อหาเธอไม่พบ ก็แค่พาแม่ของเธอไป จากนั้นเธอก็จะปรากฏตัวขึ้นเอง” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งแนะนำ
“ฉันเป็นพี่สาวเธอเอง คุณเอาตัวฉันไปแทนเถอะ แม่ฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ถ้าเป็นอะไรไปพวกคุณจะรับผิดชอบหรือเปล่า?” เจินเจินยืนขึ้นโดยซ่อนตัวหวงซื่วลี่ไว้ข้างหลังด้วยแววตาที่มั่นคง
“คุณตำรวจคะ เธอไม่ใช่ลูกสาวของฉัน เธอเป็นแค่ผู้ช่วยที่ฉันจ้างมาทำงาน ถ้าจะจับก็จับฉันไปเลย” หวงซิ่วลี่รีบวิ่งไปข้างหน้า
“จับพวกเธอไปให้หมดนั่นแหละ!” ผบ.ตร.พูดอย่างอารมณ์เสีย
ในเมื่อเขาจับหยางซือเหมยไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของรองนายกเทศมนตรีหลี่อย่างไร
แต่ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดจู่ๆ หญิงสาวก็หายไป?
จากนั้นนายตำรวจคนหนึ่งเพียงต้องการใส่กุญแจมือหวงซิ่วลี่ ทว่ามือของเขาเกิดอาการเย็นยะเยือกอย่างกะทันหันและแข็งทื่ออย่างน่าประหลาดกระทั่งไม่สามารถขยับได้ ทั้งยังไม่สามารถขยับเท้าได้อีกด้วย
เช่นเดียวกับตำรวจอีกคนที่ต้องการใส่กุญแจมือมารดาของหยางซือเหมย
******