บทที่ 23
บทที่ 23
“เราอ๋องใหญ่ขอประกาศ : งานประลองคัดเลือกคู่ครองตระกูลเย่จะถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลาสองเดือน และจะจัดขึ้นพร้อมงานประลองเกณฑ์ทหารรัฐต้าหยาน!”
“และผู้ชนะจะได้แต่งงานกับบุตรสาวของตระกูลเย่ ——เย่เสวี่ยหลิง”
“อะไรนะ!” ได้ยินแบบนั้น สวี่ล่ายตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ การประลองคัดเลือกคู่ครองถึงประกาศเลื่อนออกไป?”
“แล้วมันเกี่ยวข้องกับการเกณฑ์ทหารของรัฐต้าหยานได้อย่างไร?”
“พระเจ้าช่วย! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
ได้ยินข่าวนี้ ไม่เพียงแต่สวี่ล่ายเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ตกใจเช่นกัน
เหยาว่านซินลอบขมวดคิ้ว แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านอ๋องหลิวถึงทำเช่นนั้น แต่เห็นได้ชัดว่า ทั้งหมดนี้ส่งผลเสียอย่างมากต่อสวี่ล่าย หรือบางที —— อาจเจาะจงเป้าหมายไปที่ตระกูลสวี่
ใช่แล้ว! ถ้าคิดแบบนี้ จากเดิมที่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่าเม็ดงา แต่เพราะคำพูดของท่านอ๋องหลิว มันจึงกลายเป็นแตงโมลูกใหญ่ทันที
เดิมเห็นได้ชัดว่าตราบใดที่สวี่ล่ายเอาชนะยอดฝีมือในเมืองหรันเถียนได้ เขาก็สามารถแต่งงานกับคุณหนูสกุลเย่ได้อย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาต้องสู้กับบรรดาคนที่แข็งแกร่งที่สุดของรัฐต้าหยาน ในกรณีนี้ จะเท่ากับว่าภารกิจทั้งหมดอัพเกรดขึ้นจากระดับ D เป็น A ในทันที
[ติ๊ง!]
[อัพเกรดภารกิจ : งานประลองคัดเลือกคู่ครอง อัพเกรดเป็นงานประลองเกณฑ์ทหารรัฐต้าหยาน]
[รางวัลภารกิจ : 5,000 แต้มสะสม , ค่ากิตติศัพท์ 2,000 แต้ม , ค่าปราณสังหาร 50 แต้ม ,ตำแหน่งทหารรักษาพระองค์แห่งรัฐต้าหยาน , อุปกรณ์ระดับสมบัติ ชุดเกราะทหารรักษาพระองค์ , สาวใช้ส่วนตัวหนึ่งคน]
[หมายเหตุ : โค่นคู่ต่อสู้ในงานประลองได้ 1 คน ค่าปราณสังหารเพิ่มขึ้น 1 แต้ม , หากเอาชนะคู่ต่อสู้คนที่สองได้ จะได้รับค่าปราณสังหาร 2 แต้ม ทวีคูณไปเรื่อยๆจนกว่าจะโค่นครบทุกคน]
“เอ้าเวร! สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?” สวี่ล่ายพอคิดว่าต้องลำบากกว่าเดิมอีกแล้ว ในตอนนั้นเอง ระบบก็ทำการอัพเกรดภารกิจให้เขา
แต่มันก็ยืนยันให้เขาได้รู้เรื่องหนึ่งแล้วเช่นกัน นั่นคือการได้แต้มจากระบบ ไม่จำเป็นต้องสังหารเสมอไป เพียงแค่การสังหารจะทำให้ได้แต้มมากกว่าก็เท่านั้น
“นี่มันชักจะยุ่งยากจริงๆซะแล้ว” สวี่เปาเบ้ปาก ลอบหนักใจแทนสวี่ล่าย
“เอาล่ะๆ การประลองในศาลาสิบลี้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนแยกย้ายได้ หลังจากนี้ 3 เดือน พวกเราค่อยเจอกันอีกครั้งในงานประลองเกณฑ์ทหารที่เมืองหลวง ลาก่อน!”
ท่านอ๋องหลิวกล่าวทิ้งท้าย หันกลับมาและยิ้มเล็กน้อยให้สวี่ล่าย
“โฮะ โฮ่ หลานชายสวี่ล่าย เจ้าต้องพยายามหน่อยแล้ว เอาชนะงานเกณฑ์ทหารเพื่อครองคู่กับเย่เสวี่ยหลิงอันเป็นที่รัก ถ้าทำได้มันจะกลายเป็นหนึ่งในตำนานของรัฐเราเลยทีเดียว ข้าจะตั้งตารอเจ้าแสดงฝีมือในเมืองหลวง”
“ขอบพระคุณฝ่าบาท ผู้น้อยจะทำให้ดีที่สุด” สวี่ล่ายก้มศีรษะและคุกเข่าลง แต่ในใจลอบก่นด่า ‘ตั้งตารอแสดงฝีมือ ภรรยา มารดา ย่า ยายเจ้าน่ะสิ!’
ท่านอ๋องหลิวยังคงมีสีหน้าเหมือนปกติ แม้ว่าเขาไม่คาดหวังว่าสวี่ล่ายจะเชื่อฟังเช่นนี้ แต่ในเมื่อทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม ก็พยักหน้าอย่างพอใจ พาหลิวเฟยเยี่ยน คนของตัวเองและเหยาว่านซินออกจากศาลาสิบลี้อย่างช้าๆ
หลังจากนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในศาลาสิบลี้อีกครั้ง ทุกคนที่มาดูต่างรีบกลับไปที่เมืองหรันเถียน ข่าวการดวลกันที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ และประกาศของท่านอ๋องหลิวที่เปลี่ยนงานประลองคัดเลือกคู่ของตระกูลเย่ได้แพร่กระจายออกไป
ใช้เวลาไม่นาน ทั่วทั้งเมืองหรันเถียน ไม่สิ ... สมควรพูดว่าทั่วทั้งรัฐต้าหยานทั้งหมดต่างรู้เรื่องนี้
สามเดือนต่อมา รัฐต้าหยานจะจัดงานประลองเกณฑ์ทหาร และเย่เสวี่ยหลิง บุตรสาวของตระกูลเย่ คือรางวัลของผู้คว้าชัยในรอบชิงชนะเลิศ!
“นายน้อย ......” สวี่เปียวแค่อยากเรียกสวี่ล่ายที่ยังมึนงงอยู่ แต่ถูกสวี่หูที่อยู่ข้างๆ เขาหยุดไว้
“อย่าเพิ่งรบกวนนายน้อย ตอนนี้นายน้อยต้องรู้สึกหนักใจมาก”
“แต่ถ้าเจ้าถามข้า ข้าว่าท่านอ๋องหลิวกำลังมุ่งเป้ามาที่นายน้อยของเราอย่างชัดเจน ตอนแรกที่ยื่นมือเข้าช่วย ข้าหลงนึกว่าเขาเป็นคนดี ที่ไหนได้ ไม่นึกว่าเขาจะกลั่นแกล้งกันแบบนี้ นี่มันฆ่าคนให้ช้ำใน โดยไม่ยอมปล่อยให้เลือดไหลออกชัดๆ!”
สวี่เปาเอ่ยปกป้องสวี่ล่ายซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากข้างสังเวียน
“เฮ้อ ......”สวี่ล่ายถอนหายใจเบา ๆ ตอนแรกคิดว่าตัวเองโชคดี ที่สามารถข้ามมิติมายังโลกมหัศจรรย์นี้ได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดหวังเลย ว่าหากต้องการอยู่ใช้ชีวิต แต่ละก้าวที่เดินต้องพบเผชิญกับเรื่องน่าตกใจเช่นนี้
“เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว มีแต่สู้เต็มที่เท่านั้น” คิดได้แบบนี้ สวี่ล่ายก็ลืมตาขึ้น สายตาที่แข็งกร้าวฉายประกายในดวงตาทั้งสองข้าง
“สวี่หู”
“ผู้บริวารอยู่ที่นี่”
“พวกเรากลับกันเถอะ”
“ขอรับ”
สวี่หูพยักหน้ารับคำสั่ง โบกมือไปข้างหลัง หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนตั้งขบวน ถือธงใหญ่ ตามหลังสวี่ล่ายกลับไปยังตระกูลสวี่
ตลอดทาง สายลมสดชื่นพัดผ่านใบหน้า สวี่ล่ายรู้สึกได้รางๆว่าเหตุการณ์นี้มีการสมรู้ร่วมคิดที่ซ่อนเร้นกําลังก่อตัวขึ้น
...
ภายในรถม้าสุดหรู หลิวเฟยเยี่ยนกับเหยาว่านซินนั่งใกล้กัน สองสาวคุยกันอย่างสนุกสนาน
“พี่สาวหลิว ท่านแพ้เดิมพันแล้ว” เหยาว่านซินยิ้มเล็กน้อยให้กับหลิวเฟยเยี่ยน เตือนถึงผลลัพธ์การประลองระหว่างสวี่ล่ายและหลี่อวี้ถิง
“นี่ ......” หลิวเฟยเยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมรับโดยเร็วและง่ายดายว่า “ถูกต้อง ข้าเป็นฝ่ายแพ้ ข้าขอน้อมรับโดยดี”
แม้ปากของหลิวเฟยเยี่ยนจะเอ่ยว่า เป็นฝ่ายแพ้ ขอน้อมรับโดยดี
อย่างไรก็ตาม กล่องไม้จันทร์ในมือเธอยังคงถูกกำแน่น ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย
“เช่นนั้น ...... โอสถคงความเยาว์วัยนี้ ......” เหยาว่านซินจงใจชี้ไปที่กล่องไม้จันทร์ในอ้อมแขนของหลิวเฟยเยี่ยน ส่งสัญญาณว่าเจ้าควรคืนมันไม่ใช่หรือ?
“นี่ ...... นี่ ......” หลิวเฟยเยี่ยนไม่ยอมปล่อยทันที เธอกัดฟันครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเอ่ยว่า “น้องเหยา พี่สาวปล่อยโอสถคงความเยาว์วัยไปไม่ได้จริงๆ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าอยากขอใช้สมบัติอื่นแลกเปลี่ยนมัน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“เรื่องนั้น......แต่พี่สาวหลิว ตอนนี้ข้ายังนึกไม่ออกว่าอยากแลกเปลี่ยนอะไรกับมัน”
เหยาว่านซินแสร้งทำเป็นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อมองสีหน้าผิดหวังของหลิวเฟยเยี่ยน ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มเล็กน้อย “แต่ในเมื่อพี่สาวหลิวชอบ เช่นนั้นโอสถคงความเยาว์วัยนี้ น้องสาวขอมอบเป็นของขวัญยามพบเจอ”
“อะไรนะ? เจ้ายอมให้ข้าหรือ? เยี่ยมจริงๆ!” หลิวเฟยเยี่ยนมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้ พูดด้วยสีหน้าปกติทันทีว่า “ในเมื่อน้องสาวเหยามีความจริงใจเช่นนี้ ข้าก็ต้องแสดงความจริงใจบ้าง เมื่อกลับไป ข้าจะเกลี้ยกล่อมให้ปรมาจารย์โม่ไปที่คฤหาสน์ของน้องสาวเหยาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นน้องสาวคนนี้ต้องขอบคุณพี่สาวหลิวที่ช่วยเหลือแล้ว” เหยาว่านซินยิ้มเล็กน้อย ในใจแอบยินดี จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่องและพูดคุยกับหลิวเฟยเยี่ยน
หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าก็จอดลงบริเวณหน้าประตูของพันธมิตรการค้าว่านตง หลังจากอำลาหลิวเฟยเยี่ยน เหยาว่านซิน ลงจากรถม้าช้าๆ และเข้าสู่พันธมิตรการค้าว่านตง
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว?” ชายชราผมขาวรีบออกไปต้อนรับเธอ
“อืม ลุงฟู อีกสักครู่ท่านไปเจอข้าที่ห้องหนังสือ” หลังจากเหยาว่านซินอธิบายคร่าวๆ เธอก็ก้าวขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของตัวเอง
“ขอรับ” ลุงฟู่พยักหน้าตอบรับ จากนั้นเขาก็จัดข้าวของ และขึ้นไปรอที่ชั้นสอง
หลังจากนั้นไม่นาน เหยาว่านซินก็มาที่ห้องหนังสือพร้อมกับสาวใช้
“คุณหนู” ลุงฟูลุกขึ้นต้อนรับเธอทันที
“ลุงฟู่ ท่านคงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้แล้วใช่ไหม?” หลังจากที่เหยาหว่านซินนั่งลง ก็ตรงประเด็นเลย
“ขอรับ ข้ารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่านายน้อยตระกูลสวี่ซึ่งรู้จักกันในนาม ‘ขยะ’ จะสามารถเอาชนะกระบี่ลมกรดหลี่อวี้ถิงได้ ครั้งนี้เกรงว่าตระกูลเย่ต้องประหลาดใจมากแล้ว” ลุงฟู่ยิ้มจาง
“อันที่จริงสวี่ล่ายสามารถชนะการประลองได้ ส่วนตัวข้าไม่แปลกใจเลย เพราะครั้งก่อนในหอจูเซียน พลังรบที่เขาสำแดง มันก็ได้กำหนดผลลัพธ์ของวันนี้เอาไว้แล้ว เพียงแต่……”
“หรือว่าคุณหนูจะเห็นอะไรบางอย่าง” ลุงฟู่ผงะเล็กน้อย ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“วันนี้ หลิวเฟยเยี่ยนตอบรับกับการเดิมพันของสวี่ล่ายอย่างไม่ลังเล และยังคงเยือกเย็นหลังจากความพ่ายแพ้ของหลี่อวี้ถิง มองในแง่นี้ ข้าเกรงว่าตระกูลหลิวคงวางแผนทำลายงานหมั้นกับตระกูลหลี่ตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งยังจงใจปลุกปลั่นความบาดหมางระหว่างตระกูลสวี่และตระกูลหลี่!”
“โอ้ เหตุใดคุณหนูถึงคิดเช่นนั้น”
“เพราะตอนอยู่บนอัฒจรรย์ ข้าเห็นยอดฝีมือจากราชวงศ์หลายคนปะปนอยู่ใต้สังเวียน หากสวี่ล่ายไม่ชนะในครั้งนี้ ข้าเกรงว่าหลี่อวี้ถิงอาจไม่ได้ลงจากสังเวียนอยู่ดี”
“หรือว่าตระกูลหลิวต้องการ ....”ลุงฟู่ยื่นมือออกไป แล้วทำท่าปาดคอ
“เป็นไปได้มากทีเดียว” เหยาว่านซินพยักหน้ายืนยัน
“ข้าไม่นึกเลยว่าราชวงศ์จะโหดร้ายเช่นนี้”
“อย่างไรก็ตาม เรื่องเล็กน้อยนี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสนใจ สิ่งที่ข้าสนใจจริงๆ คือการปรากฏตัวของท่านอ๋องหลิวในวันนี้” เหยาว่านซินขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดปมในใจ
“เขาประกาศเลื่อนงานประลองคัดเลือกคู่ตระกูลเย่ นี่มุ่งเป้าไปที่ตระกูลสวี่อย่างแน่นอน และน่าจะเป็นผลต่อเนื่องจากแผนแรกอีกด้วย กระนั้น สาเหตุของเรื่องนี้คืออะไร? จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่พบเงื่อนงำ”
“จากเหตุการณ์ข้างต้น สรุปได้ว่า ท่านอ๋องหลิวคนนี้สมควรเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เขาน่าจะคิดไว้นานแล้วว่าสวี่ล่ายต้องชนะ จึงวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนมาถึงจุดนี้” เหยาว่านซินหรี่ตาของเธอ ในสมองคิดถึงเหตุและผลที่ตามมาอย่างรวดเร็ว
“คุณหนู ข้ารู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมด มันหมุนรอบตัวตระกูลสวี่ ตระกูลที่ไม่สะดุดตาเช่นพวกเขา ตามหลักแล้วหากล่วงเกินตระกูลหลิวจริงๆ ด้วยอำนาจในปัจจุบันของตระกูลหลิวเพียงกลุ่มเดียว ก็น่าจะมากพอแล้วที่จะกำจัดตระกูลสวี่ได้อย่างง่ายดาย แล้วเหตุใดเขาถึงใช้เล่ห์เหลี่ยม วางกับดักไว้มากมายเช่นนี้”
ลุงฟู่ลูบเครายาวของตัวเอง ขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงประเด็นนี้
“เว้นเสียแต่ว่า ......”
“เว้นแต่พวกเขาจะไม่กล้าที่จะลงมือกับตระกูลสวี่อย่างเปิดเผย” เหยาว่านซินนึกถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งออก
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย ในที่สุด เหยาว่านซินก็พบปัญหาสำคัญ
ใช่แล้ว! ทุกอย่างดูสลับซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดมันกำลังหมุนรอบหัวข้อสำคัญเพียงข้อเดียว นั่นคือท่านอ๋องหลิวต้องการกำจัดตระกูลสวี่ด้วยมือของคนนอก!
ไม่เพียงแค่นั้น ตระกูลหลิวยังต้องการทำสิ่งนี้โดยไม่ให้บุคคลภายนอกสังเกตเห็น!
“ลุงฟู่”
“บริวารอยู่นี่”
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า :
หนึ่งเรียกผู้อาวุโสทั้งหมดมาที่นี่เพื่อประชุมฉุกเฉิน
สอง : นำเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตระกูลสวี่มา ข้าต้องการดูให้ละเอียด หวังว่าจะพบเงื่อนงำบางอย่างในนั้น
สาม : ส่งสายลับทั้งหมดออกไป ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของท่านอ๋องหลิวอย่างถี่ถ้วน ข้าต้องรู้ให้ชัดเจน ว่าท่านอ๋องหลิวติดต่อกับใครในช่วงที่ผ่านมา”
“ขอรับ” ลุงฟู่พยักหน้ารับคำสั่ง จากนั้นเขารีบก้าวลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมตัว
และในเวลานี้ เหยาว่านซินหลับตาสนิท จมหายเข้าไปในความคิด
‘พายุกำลังจะมา’
เหยาว่านซินรู้สึกได้ถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดที่น่าตกใจ ......